Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่ - บทที่ 575 ถ่อมตัวหน่อย
บทที่575 ถ่อมตัวหน่อย
ตอนเช้า เข้าสู่การแข่งขันช่วงแรก ผู้เข้าแข่งขันที่ได้รับการคัดเลือกมีทั้งสิ้น100คน ทุกคนต้องนำผลงานที่เตรียมเอาไว้ก่อนส่งเข้าไป โดยหัวข้อของแต่ละคนไม่เหมือนกันเลย
ทว่ารูปแบบของผลงานก็ยังต้องเป็นไปตามที่กำหนด รูปแบบผลงานนั้นต้องการผลงานที่ใช้พู่กันจีนในการเขียน ไม่มีข้อจำกัดสำหรับรูปแบบอักขระ ความยาวของผลงานยาวสุดไม่เกิน180เซนติเมตร ควรเขียนแนวตั้ง ไม่มีข้อจำกัดสำหรับการทำเป็นอัลบั้มภาพหรือการม้วนกระดาษด้วยมือ สามารถนำผลงานไปใส่กรอบภาพได้
พูดถึงการแข่งขันรอบแรก ที่จริงแล้วแต่ก่อนสุ่มเลือกคนจากแต่ละมณฑลเข้าร่วม ปัจจุบันคนที่สามารถเข้าร่วมได้ต้องเป็นคนที่ฝีมือดีจากแต่ละมณฑลจึงไม่ง่ายที่จะมองข้ามเลย
สนามแข่งขันมีกรรมการทั้งหมดห้าคน แต่ละคนเลือกผลงานได้เจ็ดภาพที่ตัวเองคิดว่าสามารถเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้ สุดท้ายจะมี35ภาพดังนั้นจะมีคนเข้ารอบรองชนะเลิศได้35คน
35คนที่เข้ารอบนั้นได้เริ่มเข้าสนามแข่งขัน ซึ่งแต่ละคนต้องเขียนสองสำนวนที่เกี่ยวกับสิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือได้แก่ พู่กัน หมึก กระดาษ จานฝนหมึกและบทกวีหนึ่งบทใช้เวลาทั้งสิ้น45นาที
หลังจากนั้นกรรมการทุกคนจะทำการลงคะแนน และรวมคะแนนที่ให้ในผลงานนั้น และยังมีการคัดเลือกรูปแบบการเขียนอื่นๆ ด้วย สุดท้ายคนที่มีคะแนนสูงสุดทั้งห้าคนจะได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ
กติการอบชิงชนะเลิศกำหนดให้เขียนบทกวีหนึ่งบท เวลาทั้งสิ้น45นาที
เมื่อกรรมการทำลงคะแนน คนสุดท้ายจะได้รับรางวัลชนะเลิศ
เจียงหยุนเอ๋อและลี่จุนถิงพาถวนจื่อนำผลงานไปให้กับมือของเจ้าหน้าที่ หลังจากนั้นกลับไปนั่งที่นั่งของผู้ร่วมแข่งขันรอผลตัดสินรอบแรก ระหว่างรอการตัดสิน ถวนจื่อเอาแต่เล่นเกมในขณะที่คนอื่นๆ ตื่นเต้นกับการตัดสินมันช่างไม่สมเหตุสมผลเลย
เจียงหยุนเอ๋ออยู่ข้างๆ คอยถามถวนจื่อว่ากินขนมหรือดื่มน้ำอะไรไหม โดยใช้น้ำเสียงที่น่าฟังเกรงว่าถวนจื่อจะตื่นเต้นเกิน ไปจริงๆ แล้วกลับเป็นตัวเจียงหยุนเอ๋อเองที่ตื่นเต้นเป็นพิเศษ
เธอพบว่าทุกครั้งที่ถวนจื่อมีการแข่งขัน ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ก็เป็นตัวเธอเองที่ตื่นเต้น ถวนจื่อใจเย็นทุกครั้งเลย ไม่รู้ว่าลูกคนนี้เป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองหรือว่าเป็นคนหยิ่งกันแน่
ถวนจื่อเล่นเกมอยู่แต่ก็สังเกตเห็นเจียงหยุนเอ๋อที่กำลังตื่นเต้น เมื่อเล่นจบหนึ่งตาก็วางโทรศัพท์ลงไว้หลังจากนั้นขยับไปข้างๆ เจียงหยุนเอ๋อเพื่อปลอบใจเธอ
“แม่ ไม่ต้องกังวลไปหรอก ฉันไม่เป็นไร ฉันจะเอารางวัลชนะเลิศกลับมาให้คุณแน่นอน”
เจียงหยุนเอ๋อรีบปิดปากถวนจื่อ ตื่นเต้นจนมองไปรอบๆ ไม่มีใครให้ความสนใจกับพวกเขาเลย เธอก็ค่อยๆ เอามือที่ห้ามปากถวนจื่อไว้ออก
“ลูกอย่าพูดจาโอ้อวดขนาดนี้ ลูกลืมการแข่งขันครั้งก่อนแล้วเหรอ มีคนอิจฉาลูกจนเกิดเรื่องร้ายกับลูกน่ะ ลูกควรจะถ่อมตัวหน่อย”
ลี่จุนถิงมองเจียงหยุนเอ๋อที่ท่าทางระมัดระวังขนาดนี้ ก็แอบยิ้มมุมปาก
“เจียงหยุนเอ๋อ คุณไม่ต้องระวังขนาดนี้ ทั้งหมดก็มาแข่งขันแสดงความโดดเด่นเพื่อคว้ารางวัลชนะเลิศ และยิ่งกว่านั้นทุกๆ คนก็ฝึกฝนศิลปะพู่กันจีนกันทั้งนั้น ศิลปะพู่กันจีนบ่มเพาะนิสัยที่ดีได้ขนาดนี้ คงไม่มีอะไรที่มันน่ากลัวมากหรอก”
“อีกอย่าง คุณตัดสินคนว่าดีหรือไม่ดีโดยไม่มีสาเหตุ แต่ก็ไม่ได้แสดงตัวอย่างที่ดีให้ถวนจื่อเห็นเลยนะ”
เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า “ถวนจื่อ ขอโทษนะ ที่แม่ไม่ได้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ลูกเลย”
“ไม่เป็นไรแม่ ฉันรู้ว่าแม่เป็นห่วงฉัน”
เมื่อได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความใสซื่อของถวนจื่อ ในที่สุดเจียงหยุนเอ๋อวางใจลง
ทั้งสามคนรออีกชั่วครู่ สุดท้ายผลคะแนนก็ออกมา ถวนจื่อเข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ
“ส่วนคนที่ไม่ได้เข้ารอบรองชนะเลิศก็ไม่ต้องท้อใจไป ขอให้สู้ต่อไป รบกวนออกจากสนามแข่งตามระเบียบด้วย ถ้าหากคุณอยากชมการแข่งขัน หลังจากกินข้าวเที่ยงแล้วกลับมายังสนามเพื่อตามหาเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็จะจัดที่นั่งผู้ชมให้แก่คุณ ขอบคุณทุกท่านสำหรับความร่วมมือ”
“ส่วนคนที่ได้รับคัดเลือกเข้ารอบรองชนะเลิศและคนในครอบครัว ขอให้พักสักครู่ กินข้าวเที่ยงแล้วค่อยกลับมาแข่งขัน เวลาการแข่งขันเริ่มบ่ายโมงครึ่ง ขอให้ทุกคนอย่ามาสาย ถ้าหากเข้าสายก็จะจัดการปรับแพ้ไปตามกติกาที่กำหนด ขอให้ทุกท่านให้ความร่วมมือด้วย ขอบคุณทุกท่าน”
หลังจากฟังประกาศจากพิธีกร ลี่จุนถิงก็พาเจียงหยุนเอ๋อและถวนจื่อไปที่รถพักผ่อนกินข้าว ลี่จุนถิงกำชับกับคนขับรถเรียบร้อยแล้วว่าก่อนเที่ยงให้เตรียมอาหารกลางวันให้พวกเขา ดังนั้น เมื่อพวกเขาขึ้นรถก็กินข้าวที่ยังร้อนๆ อยู่
หลังจากกินข้าวเสร็จเรียบร้อย ทั้งสามคนพักผ่อนชั่วครู่ก็กลับไปสนามแข่งขัน
เมื่อพวกเขากลับถึงสนามแข่งขัน ที่นั่งผู้ชมและผู้เข้าแข่งขันยังมีคนไม่มาก ผ่านไปไม่กี่นาที คนก็กลับมาแล้ว เจียงหยุนเอ๋อโชคดีมากที่กลับมาก่อน ไม่งั้นตัวเองต้องรู้สึกไม่ดีแน่ๆ
เพราะการแข่งขันครั้งนี้รัฐบาลก็ได้เฝ้าดูเหมือนกัน ดังนั้น การแข่งขันบ่ายนี้เข้าสู่กระบวนการถ่ายทอดสดทางอินเทอร์เน็ต โทรทัศน์ สุดท้ายผลการแข่งก็ต้องพาดหัวข่าวซึ่งมันได้ส่งผลกระทบต่อคนทั่วทั้งประเทศเป็นอย่างมาก
บ่ายโมงครึ่ง การแข่งขันก็ได้เริ่มขึ้น
ก่อนการแข่งขันเริ่มอย่างเป็นทางการ ยังต้องมีขั้นตอนที่ยังต้องทำ อย่างแรกคือถ่ายทอดสดโฆษณาการแข่งขันครั้งใหญ่
เจียงหยุนเอ๋อมองวีดิทัศน์ที่มีความเป็นธรรมชาติ ความไร้ขอบเขตของอักษรและภาพวาด ตัดสินใจว่าจะให้ถวนจื่อกลับไปศึกษาภาพวาดพู่กันจีน ถ้าถวนจื่อมีความสนใจนะ
ต่อจากนี้พิธีกรจะแนะนำประวัติของศิลปะพู่กันจีนที่มีจนถึงปัจจุบัน เจียงหยุนเอ๋อและถวนจื่อฟังอย่างตื่นเต้นและสนใจ
เมื่อแนะนำกรรมการและผู้ที่ได้คัดเลือกเข้าแข่งขันจบ การแข่งขันก็เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
การตัดสินรอบรองชนะเลิศคือเขียนสิ่งที่เกี่ยวข้องกับ “พู่กัน หมึก กระดาษ จานฝนหมึก” ต้องสามารถเขียนได้ทั้งสำนวนและบทกวี
ที่ทำอย่างนี้เพื่อจะได้ประเมินระดับความรู้ของผู้เข้าคัดเลือกในการฝึกฝนศิลปะพู่กันจีนที่เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในการแข่ง
สำนวนที่ถวนจื่อเขียนคือ “ปี่เกอโม่หวู่” และ “ปี่ป่าวโม่ฮาน” ส่วนของบทกวีที่เขียนเป็นของราชวงศ์ถังผู้แต่งคือไป๋ จวีอี้《จื่อหาวปี่》 “มีกระต่ายชราตัวหนึ่งบนก้อนหิน มันกินไม้ไผ่ดื่มน้ำแร่จนมีขนสีม่วงงอกขึ้น คนในเมืองเซวนเก็บขนของมันมาทำเป็นพู่กัน ก็ต้องคัดเลือกเส้นขนที่ดีที่สุดหนึ่งกำเพื่อมาเป็นวัสดุสำหรับพู่กัน”
กรรมการต่างก็พึงพอใจต่อการเลือกใช้คำและเขียนตัวอักษรของถวนจื่อเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอาจารย์ของถวนจื่อรู้สึกภาคภูมิใจต่อลูกศิษย์ของตนเอง
สุดท้าย ถวนจื่อได้รับคัดเลือกเข้าสู่รอบชิงเป็นลำดับที่หนึ่ง และคนที่เข้ารอบด้วยกันอีกก็คือคนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศการแข่งขันครั้งก่อนและอีกสามคนที่เหลือ
หลังดูผลคะแนนถวนจื่อแล้ว เจียงหยุนเอ๋อและลี่จุนถิงตื่นเต้นดีใจมาก โดยเฉพาะเจียงหยุนเอ๋อ ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายและบรรยากาศรอบข้างที่ไม่เอื้ออำนวย เธอก็โห่ร้องตะโกนด้วยความยินดีออกไปนานแล้ว
ผู้เข้าแข่งขันได้พักสักครู่ แล้วก็กลับเข้าแข่งขันในส่วนของรอบชิงชนะเลิศอย่างเป็นทางการ
ก่อนการแข่งเริ่มขึ้น พิธีกรได้อ่านรางวัลของการแข่งขันในรอบสุดท้าย ผู้ชนะการแข่งขันสองลำดับแรกจะได้เสนอชื่อเข้าสาขาสมาคมเขียนอักษรจีนด้วยปากกาเด็กเล็กระดับมณฑล และผู้ชนะเลิศยังได้รับการเสนอชื่อเข้าสมาคมเขียนอักษรจีนด้วยปากการะดับประเทศ และอาจารย์ของเขายังได้รับสมญานามว่าเป็นผู้ชี้แนะฝึกสอนที่ดีที่สุด ตลอดจนเงินรางวัลและรางวัลปลอบใจอื่นๆ
กติกาการตัดสินรอบชิง ทุกคนต้องเขียนกวีที่เหมือนกัน ใครที่ได้คะแนนเยอะสุดเป็นผู้ชนะ แต่สุดท้ายคะแนนออกมาเท่ากัน ถวนจื่อและคนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศครั้งก่อนคะแนนเท่ากัน
ผู้จัดงานแข็งขันออกมาเกล่าว่า:
“ทักษะการเขียนทั้งสองคนสูสีกัน ถ้าให้แข่งอีกก็ไม่น่าสนใจเท่าไหร่แล้ว พวกเราจะตัดสินตำแหน่งชนะเลิศโดยการแข่งขันความรู้ที่พวกคุณสั่งสมมา ดีไหมล่ะ”
ทั้งสนามส่งเสียงสนับสนุน สถานที่แข่งขันติดตั้งระบบอุปกรณ์ส่งสัญญาณอย่างเร่งด่วน ผู้ชนะเลิศทั้งสองฝั่งกำลังจะแข่งขันในไม่ช้านี้