Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่ - บทที่ 609 ฆ่าปิดปาก
หลังจากที่ลี่จุนถิงให้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตกลับไปแล้วนั้น ก็ได้สั่งงานบางอย่างกับลี่จุนซิน จากนั้นก็ได้พาอั้นเย่กับอั้นหยิ่งออกทางประตูด้านหลังของบริษัทไป เมื่อสายของอันซีหนีเห็นว่าพวกลี่จุนถิงออกไปแล้ว ก็ตามหลังไปทันที
อั้นเย่เป็นคนขับรถ สังเกตเห็นว่ามีคนตามมา
“ประธานลี่ครับ พวกเขาตามมาแล้วครับ ”
“ดี งั้นไปได้ เดินตามแผนที่วางไว้ ”
อั้นเย่ขับรถแล้ววนไปรอบเมือง จากนั้นก็ขับไปยังห้างสรรพสินค้าหนึ่ง ลี่จุนถิงลงจากรถแล้วเดินวนรอบกับอั้นเย่ จากนั้นก็สลัดคนที่ตามพวกเขาออกมาจนพ้น แต่ตอนที่ลี่จุนถิงเดินออกมานั้นกลับขึ้นไปยังรถของอั้นหยิ่ง อั้นเย่คอยเฝ้าอยู่ที่รถพอเห็นคนที่ตามมาลงจากรถแล้ว เขาถึงได้ขับรถออกไป
หลังจากที่อั้นหยิ่งพาลี่จุนถิงออกมาจากลานจอดรถได้ ก็มุ่งตรงไปยังบ้านของครอบครัวผู้เสียชีวิต เมื่อทั้งสองมาถึง ก็เดินลัดเลาะเข้าทางด้านหลัง
ภรรยาของผู้ตายกำลังเก็บข้าวของอยู่ เมื่อเห็นคนทั้งสองโผล่มา ก็กรีดร้องด้วยความตกใจ
อั้นหยิ่งก็เข้าไปเอามือปิดปากเธอไว้ทันที “อย่าส่งเสียงดัง”
ลี่จุนถิงถือวิสาสะนั่งลงบนโซฟา แล้วส่งสัญญาณให้อั้นหยิ่งปล่อยเธอ
“ไม่ต้องกลัว ที่เรามาก็แค่อยากจะมาบอกอะไรบางอย่างเท่านั้น ”
“คุณ……คุณมีอะไรที่อยากจะชี้แนะอีกคะ”
“คนที่ยุยงปลุกปั่นคุณ คงรู้แล้วว่าคุณหักหลังเขา ดังนั้น ขั้นตอนต่อไปเขาอาจจะส่งคนมาฆ่าปิดปากคุณ”
“ฆ่า……ฆ่าปิดปาก ? นั่นก็หมายความว่าชีวิตของเรากำลังตกอยู่ในอันตราย คุณลี่ ได้โปรดช่วยเราด้วย”
ภรรยาของผู้เสียชีวิตตกใจกลัวจนหน้าซีดเผือด
“คุณวางใจเถอะ เราเดาได้แต่แรกแล้วว่าเขาต้องส่งคนมาฆ่าพวกคุณ ก็เลยเตรียมการรับมือไว้อยู่แล้ว แต่ผมก็ยังไม่ไว้ใจคุณเท่าไรนัก คงต้องรบกวนคุณช่วยเซ็นเอกสารนี้ และยืนยันว่าพรุ่งนี้คุณจะไปร่วมงานแถลงข่าว แล้วคืนนี้เราจะรับประกันความปลอดภัยให้คุณ”
ลี่จุนถิงให้อั้นหยิ่งเอาหนังสือสัญญาให้เธอ พร้อมปากกาด้ามหนึ่ง
“หากคุณไม่เซ็น ก็คงจะไม่ตายง่ายๆแน่ แต่จะพิการหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของคุณแล้ว”
“เซ็นค่ะ ฉันเซ็น คุณลี่คุณต้องรับประกันความปลอดภัยให้ฉันนะ ”
“คุณวางใจได้ หนังสือสัญญานี้แค่รับรองว่าคุณจะเข้าร่วมงานแถลงข่าวเท่านั้น จะไม่มีความเสียหายอะไรเกิดขึ้นกับคุณ”
“ค่ะได้ค่ะ ขอบคุณประธานลี่”
“โอเคครับ ตอนนี้คุณเข้านอนอย่างสบายใจได้เลย แต่จำเอาไว้ว่าอย่าออกไปไหน ผมจะให้คนของผมคอยดูแลปกป้องคุณอยู่ข้างนอก”
หลังจากที่ลี่จุนถิงพูดจบ ก็เดินออกไปพร้อมกับอั้นหยิ่ง
ขึ้นบนรถ ลี่จุนติงก็คลึงไปที่ขมับ “ผ่านพ้นคืนนี้ไปได้ก็จบแล้ว ฉันจะได้กลับบ้านสักที ”
และในคืนนั้น ถนนหน้าบ้านของผู้เสียชีวิต ก็มืดสลัวกว่าปกติ ไม่รู้ว่าดวงจันทร์กับดวงดาวบนท้องฟ้าไปหลบซ่อนอยู่ที่มุมไหน ไฟทางบนถนนก็ดับไปหลายดวง ทำให้ถนนนั้นมืดมนมากยิ่งขึ้นไปอีก
จู่ๆถนนที่เงียบสงบ ก็มีชายชุดดำโผล่ออกมา นำโดยซาติงผู้ช่วยของอันซีหนี พวกเขามีแผนจะแอบย่องเข้าไปยังบ้านของผู้เสียชีวิตเพื่อฆ่าคนปิดปาก
ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในบ้านได้นั้น ตั้งใจจะเข้าไปยังห้องนอนเพื่อลงมือ คนที่ลี่จุนถิงจัดวางกำลังเอาไว้ก็ปรากฏตัวขึ้น แล้วยับยั้งขัดขวางแผนการทั้งหมด
เมื่อพวกซาติงถูกควบคุมตัวเอาไว้ ทางด้านนอกก็มีเสียงไซเรนของตำรวจดังขึ้น จากนั้นตำรวจก็เข้ามาล้อมพวกเขาเอาไว้ จ่อปืนไปที่พวกเขา
ในใจซาติงไหววูบ เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองนั้นเสียรู้เข้าให้แล้ว นี่คือกับดักที่ลี่จุนถิงได้วางเอาไว้ ไม่เช่นนั้นคงไม่ถูกจับตัวได้ทันทีที่เข้ามาภายในบ้านหลังนี้ นี่มันเป็นละครฉากหนึ่งที่ถูกวางเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ซาติงก็ยิ่งสิ้นหวังมากขึ้นไปอีก ตอนนี้เขาหวังเพียงว่าเมื่ออันซีหนีรู้ข่าวแล้ว จะรีบมาช่วยเหลือพวกเขาทันที
ภรรยาและแม่ของผู้เสียชีวิตเมื่อได้ยินเสียงไซเรน ก็รีบลงมาดู แม้ลี่จุนถิงรับปากว่าจะคุ้มครองดูแลพวกเขา แต่พวกเขาต่างก็ยังคงหวาดกลัว และไม่กล้าที่จะนอนหลับ ทำได้เพียงรออยู่อย่างเงียบๆ
เมื่อตำรวจเห็นพวกเขาลงมา กวักมือเรียกพวกเขาเพื่อสอบถามเรื่องราวบางอย่าง และทุกคนต่างก็พูดไปตามความจริง
ค่ำคืนของถนนสายนี้ที่ปรกติก็เงียบอยู่แล้ว เมื่อเสียงไซเรนของตำรวจดังขึ้น บ้านเรือนระแวงนั้นต่างก็ถูกปลุกให้ตื่น ทุกบ้านทุกครัวเรือนพร้อมใจกันเปิดไฟ จากถนนที่เงียบสงบ ก็พลันสว่างไสวขึ้นมาทันที
เมื่อเพื่อนบ้านของบ้านผู้เสียชีวิตได้ยินเสียง ก็รีบออกมาดู เมื่อเห็นตำรวจอยู่เต็มไปหมด ก็ตกใจ รีบตรงไปยังบ้านผู้เสียชีวิตสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ครอบครัวของผู้เสียชีวิตก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง เพื่อนบ้านก็ยิ่งเห็นใจพวกเขามากยิ่งขึ้น
และในคืนนี้ ซาติงถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจเพื่อสอบปากคำ ลี่จุนถิงยืนอยู่หน้าห้องสอบสวนด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย มองซาติงที่นั่งเงียบอยู่ภายในผ่านกระจกเงา เมื่อผู้กำกับของสถานีตำรวจเห็นสีหน้าของลี่จุนถิง ในใจก็ก่นด่าลูกน้องที่ไร้ประโยชน์ เป็นถึงฝ่ายสอบสวนแต่กลับถามเอาความอะไรไม่ได้
“ประธานลี่ครับ คุณต้องการจะลองใช้วิธีอื่น เพื่อให้เขาพูดไหมครับ”
ผู้รับผิดชอบคดีรู้สึกประหม่าจนต้องถูมือไปมา
“ไม่ต้องหรอก พรุ่งนี้เขาจะพูดทุกอย่างออกมาเอง ”
หลังจากที่ลี่จุนถิงพูดจบ ก็เหลือบมองไปที่ซาติงแวบหนึ่งอย่างเงียบเฉย จากนั้นก็หันหลังแล้วจากไป
กลับมาถึงที่โรงแรม ลี่จุนถิงบอกกับลี่จุนซินว่า เตรียมตัวสำหรับงานแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้ได้ ลี่จุนซินเองรู้สึกดีใจมาก รีบสั่งงานกับผู้ช่วยทันที
“จุนถิง คนคนนั้นสารภาพแล้วใช่ไหม ? ”
“ไม่ครับ เขาไม่ปริปากพูดอะไรเลย ”
ลี่จุนซินรู้สึกประหลาดใจ “ไม่พูด ? แล้วพรุ่งนี้จะชี้แจงข้อเท็จจริงกันยังไง ?”
ลี่จุนถิงหัวเราะออกมา“พี่จุนซิน น้องชายพี่จะออกรบโดยไม่เตรียมความพร้อมได้ยังไง หลักฐานยังไงก็ต้องมีอยู่แล้ว เพียงแต่มันเป็นหลักฐานที่เราสืบสอบมาเอง แล้วพี่ไม่คิดหรือว่าทำไมเวียร์ถึงไม่มาหาพี่เลย ”
เมื่อลี่จุนซินได้ยินลี่จุนถิงเอ่ยพูดถึงเวียร์ ความโกรธที่สะสมมาก็ปะทุมากขึ้นไปอีก
“ใครจะไปรู้ว่าเขาไปทำอะไร ก็แค่โทรหาฉันวันละสองสามสายทุกวัน แต่ก็ไม่มาหาฉันเลย จุนถิง นายคิดว่าเขามีคู่หมั้นอยู่ที่นี่หรือเปล่า เขาเลยต้องไปดูแลเธอ ? ”
ลี่จุนถิงพูดไม่ออกบอกไม่ถูก“พี่จุนซิน พี่ไม่เข้าใจที่ผมพูดเหรอ ผมหมายถึงหลักฐานส่วนใหญ่ที่เรามีถูกเก็บรวบรวมโดยเวียร์ ไม่อย่างนั้นพี่คิดว่าเขาจะยอมห่างจากพี่เหรอ นี่เขากำลังสร้างผลงานให้เห็น ถึงตอนนั้นก็หวังให้ผมพูดชมเขาต่อหน้าแม่ยังไงล่ะ ”
“แบบนี้นี่เอง พี่เข้าใจเขาผิดไป เหอะๆ…”ลี่จุนซินยิ้ม แล้วเกาหัวยิกๆอย่างเขินอาย
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง พี่จุนซิน ผมจองเที่ยวบินของพรุ่งนี้ในตอนบ่าย หลังจากจบงานแถลงข่าวแล้ว ผมก็จะขึ้นเครื่องกลับเลย ส่วนงานที่เหลือ พี่กับเวียร์ก็อยู่จัดการให้เสร็จแล้วค่อยกลับไป ใช้โอกาสนี้เที่ยวเล่นไปในตัวก็แล้วกันนะครับ”
“มีอะไรน่าสนุก ใช่ว่าพี่จะไม่เคยมาอังกฤษซะเมื่อไร ” ลี่จุนซินบิดตัวไปมาราวกับไม่ได้สนใจอะไร แต่ภายในใจนั้นก็ได้วางแผนไว้แล้วว่าจะไปเที่ยวเล่นที่ไหน
ลี่จุนถิงยิ้มแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็ได้แนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานแถลงข่าวของวันพรุ่งนี้ เสร็จแล้วก็กลับไปห้องพักของตัวเองเพื่อพักผ่อน
วันรุ่งขึ้น งานแถลงข่าวได้เริ่มขึ้นตามเวลา
จากเดิมที่นักข่าวต่างก็วุ่นวายถามคำถามกับเจ้าหน้าที่ในงาน เมื่อเห็นลี่จุนถิงออกมา เสียงชัตเตอร์“แชะๆ”ก็ดังขึ้นรัวๆ กลบเสียงนักข่าวในทันที
หลังจากที่ลี่จุนถิงกับลี่จุนซินนั่งลงกับที่ พนักงานที่อยู่ข้างๆก็ส่งสัญญาณให้นักข่าวเงียบลง และให้ถามคำถามทีละคน และห้ามส่งเสียงดัง จากนั้นบรรยากาศก็เหลือเพียงเสียงถ่ายรูป