Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่ - บทที่ 666 ล้อมรอบโจมตี
หลังจากที่อาเธอร์จัดการสองคนนี้แล้ว หันหลังแล้วเดินออกไปทันที จากนั้นยื่นปืนของตัวเองไปให้กับลูกน้อง แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมือตัวเอง
“นำศพของพวกเขา ไปต้ม แล้วเอาไปปรับปรุงอาหารให้เด็กๆ ข้างนอก”
หลังจากที่อาเธอร์กลับไปถึงที่ทำงานแล้ว รอมือซ้ายมือขวาของเขาทั้งสองคนกลับมา แล้วปรึกษาหารือกับพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องของลี่จุนถิง
มือซ้ายมือขวาของอาเธอร์ ทั้งสองคนเริ่มติดตามเขา ตั้งแต่เขายังไม่ร่ำรวยและมีอำนาจ คนหนึ่งชื่อเอตัม อีกคนชื่ออดอร์ฟ ทั้งสองคนเป็นนักฆ่าที่มีชื่อเสียงและติดอันดับระดับนานาชาติ แต่ไม่มีคนมากนักที่รู้ว่าพวกเขาเป็นคนของใคร รู้แค่ว่าพวกเขาลงมือโหดเหี้ยมและรวดเร็ว และชอบตัดลิ้นของผู้ถูกฆ่ามาเก็บไว้เป็นของที่ระลึก
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่พวกเขาปรากฏตัวและฆ่าคนมากมาย แต่ผ่านไปสักพักพวกเขาก็หายตัวไปอย่างลึกลับ จนกระทั่งคดีของหญิงตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาจึงปรากฏตัวขึ้นในสถานที่ต่างๆ บนโลกนี้อีกครั้ง
หลังจากที่เอตัมกับอดอร์ฟกลับมา และหลังจากที่ได้ทักทายกับอาเธอร์เสร็จ ก็ได้นั่งลงบนโซฟา
เนื่องจากทั้งสองคนอยู่กับอาเธอร์มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ดังนั้นจึงจงรักภักดีต่ออาเธอร์มาก และอาเธอร์ก็คิดกับพวกเขาทั้งสองเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน สิ่งที่เขามีพวกเขาทั้งสองก็มีเหมือนกัน ระหว่างพวกเขาทั้งสามคนจึงไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากนัก
“อาเธอร์ ได้ยินมาว่าเมื่อกี้นายเพิ่งจัดการทีมแพทย์ไปสองคนเหรอ จัดการพวกเขาแล้ว หมอของนายก็จะน้อยลงไปสองคนไม่ใช่เหรอ?”
“พวกมันนินทาเบ็ตตี้ของฉัน ฉันโกรธเลยฆ่าพวกมันทิ้งเสีย หมอมีมากมาย ไม่มีก็หาใหม่ได้”
อาเธอร์แค่นึกถึงคำพูดของคนสองคนเมื่อกี้ ความโกรธก็เกิดขึ้นมาทันที
เอตัมเห็นสีหน้าของอาเธอร์ที่เปลี่ยนไปทันที จึงตบเบาๆ ไปที่อดอร์ฟ “ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว พวกเรามาคุยเรื่องเกี่ยวกับลี่จุนถิงคนนั้นกันดีกว่า”
“ถ้ายืดเวลาออกไปอีก ฉันคิดว่าพวกมันอาจลงมือก่อนแน่นอน”
อาเธอร์เก็บอาการโกรธลงไป แล้วพยักหน้า
“ฉันคิดว่าในเมื่อพวกมันรู้สถานที่แห่งนี้แล้ว พวกมันต้องมาช่วยผู้หญิงคนนั้นแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราก็ให้พวกมันจับเต่าในไห และจัดการพวกมันโดยที่พวกมันไม่ทันตั้งตัว”
อดอร์ฟเสนอความคิดเห็นอย่างกระตือรือร้น เขาไม่ได้สัมผัสความรู้สึกของการฆ่าคนมาตั้งนานแล้ว ก่อนหน้านี้เรื่องที่เกิดขึ้นบนเกาะเดี่ยว ทำให้เขารู้เสียเสียดายมากมาเป็นเวลานาน ครั้งนี้มีโอกาสเสียที เขาต้องรักษาโอกาสนี้ไว้ให้ดี
แต่ว่า เอตัมที่อยู่ข้างๆ ส่ายหัว “ฉันรู้สึกแบบนี้ไม่เหมาะเท่าไหร่ ในเมื่อพวกมันกำลังเฝ้าดูพวกเราอยู่ ฉะนั้นพวกมันต้องรู้อยู่แล้วว่าพวกเราก็กำลังเฝ้าดูพวกมันอยู่เช่นกัน ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะเข้ามารนหาที่เอง คงต้องรอตอนที่พวกเราเคลื่อนย้าย แอบโจมตีเรา ในเมื่อเป็นแบบนี้ พวกเราก็ปล่อยเลยตามเลยก็แล้วกัน”
“เมื่อถึงเวลานั้นอาเธอร์นายพาคนออกไปอีกทางหนึ่ง ส่วนฉันพาผู้หญิงกับดอกเตอร์คูลี่ออกไปอีกทางหนึ่ง และเมื่อถึงตอนนั้นอาเธอร์นายต้องหาคนที่เหมือนกันกับพวกเขาอีกหลายคน เพื่อให้ลี่จุนถิงเข้าใจผิดว่าคนที่นายพาไปคือเจียงหยุนเอ๋อพวกเขา ถ้าเป็นแบบนี้ พวกมันทั้งหมดก็จะไปไล่ล่านาย ส่วนพวกเราทางนี้ก็จะไม่ต้องกังวลอะไรโดยปริยาย”
“อีกอย่างฉันเชื่อว่าพวกมันจับอาเธอร์นายไม่ได้หรอก และถึงแม้จะจับได้ก็สามารถหนีออกมาได้อยู่แล้ว”
หลังจากที่อาเธอร์ฟังที่เอตัมพูดจบ ตรึกตรองสักครู่แล้วพยักหน้า “เนื่องจากพวกมันไม่รู้ตัวตนของพวกนายสองคน ดังนั้นจึงจับจ้องมาที่ตัวฉันทั้งหมด พวกเราก็ทำแบบนี้แล้วกัน ส่วนรายละเอียดที่แท้จริงค่อยปรึกษากันอีกที”
“ตอนนี้ พวกนายสองคนพาคนไปปล้นฆ่าพวกมันก่อน ถ้าหากสำเร็จพวกเราก็ไม่ต้องเคลื่อนย้ายถิ่นฐาน และถ้าไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร พวกเรายังมีแผนการนี้อยู่”
เอตัมกับอดอร์ฟพยักหน้า “ได้ พรุ่งนี้พวกเราไปจัดการ คืนนี้ขอไปพักผ่อนก่อน”
เวลาผ่านไปหลายวัน ลี่จุนถิงสูญเสียข่าวคราวของอาเธอร์ไปอีกครั้ง แต่ก็เพราะเหตุนี้จึงทำให้รู้ว่าคนของอาเธอร์ก็เฝ้าดูพวกเขาอยู่เช่นกัน ในเมื่อเป็นแบบนี้ แสดงว่าพวกเขาต้องเริ่มทำการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานแน่นอนแล้ว
คืนนี้ ลี่จุนถิงเรียกชิงโม่กับเฟิงจิงเป่ยเข้ามาหา เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับแผนการในอนาคตร่วมกัน
“ตอนนี้พวกเราค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าอาเธอร์อยู่สถานที่แห่งนี้ เพียงแต่ยังไม่ทราบตำแหน่งที่แท้จริง อีกอย่าง หลายวันมานี้ร่องรอยของพวกเขาจู่ๆ ก็หายสาบสูญไป ซึ่งนี่ก็ยืนยันได้ว่าคนของพวกเขาสังเกตเห็นพวกเราแล้ว และมีความเป็นไปได้อีกข้อหนึ่งก็คือพวกเขารู้ความเคลื่อนไหวของพวกเราตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
ลี่จุนถิงชี้ไปที่สถานที่แห่งหนึ่งของแผนที่ที่วางไว้บนโต๊ะ สีหน้าเคร่งขรึม
“ในเมื่อพวกมันรู้เรื่องของพวกเราแล้ว ฉะนั้นหลังจากนี้พวกมันต้องเคลื่อนย้ายถิ่นฐานแน่นอน ในเมื่อตอนนี้มีความเป็นไปได้ว่าพวกมันอาจเคลื่อนย้ายได้ตลอดเวลา ดังนั้นก็ยืนยันได้ว่าพวกมันยังไม่ได้ทำอะไรคุณนาย แสดงว่าตอนนี้คุณนายยังปลอดภัยอยู่ ฉะนั้นขอแค่พวกเรารู้ว่าพวกมันจะใช้เส้นทางไหนในการเคลื่อนย้ายก็พอแล้ว”
ชิงโม่เอามือเท้าคางไว้ และพูดต่อจากคำพูดของลี่จุนถิง
“แล้วพวกคุณรู้ได้ยังไง ว่าพวกมันจะเดาไม่ออกว่าพวกเราจะจู่โจมเข้าไป?” เฟิงจิงเป่ยตั้งข้อสงสัยขึ้นมา
“พวกคุณดูสิ พวกมันรู้อยู่แล้วว่าพวกเราเฝ้าดูพวกมันอยู่ แสดงว่าพวกมันต้องรู้แน่นอนอยู่แล้วว่าพวกเราก็เฝ้าดูพวกมันอยู่เช่นกัน แล้วเวลานี้พวกเรายังจะไปจู่โจมโดยตรงอีก พวกมันต้องเตรียมพร้อมทุกอย่างอยู่แล้ว เพื่อรอให้พวกเราเข้าไปติดกับดักเอง”
“อีกอย่างตอนนี้พวกเราก็ยากที่แอบเข้าไปเป็นสายลับอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเราไม่สามารถเข้าไปจู่โจมเขาโดยตรงได้ สิ่งที่พวกเราคิดได้ พวกมันก็ต้องคิดได้เช่นกันอยู่แล้ว”
“ดังนั้น เวลานี้ สิ่งเดียวที่พวกมันทำได้คือเคลื่อนย้ายถิ่นฐาน ถึงแม้จะอันตราย แต่ก็เป็นเพียงวิธีเดียว ฉะนั้นตอนนี้พวกเราเริ่มล็อกเส้นทางที่พวกมันอาจใช้ในการหลบหนี และเมื่อถึงเวลานั้นก็ล้อมรอบโจมตีพวกเขาก็พอแล้ว”
ชิงโม่อธิบายให้กับเฟิงจิงเป่ยฟัง
เนื่องจากสถานที่ที่อาเธอร์อยู่เป็นย่านใจกลางเมืองของสลัมแห่งนี้ ผู้คนและสิ่งของต่างๆ ล้วนซับซ้อนกว่าที่อื่น และถนนก็ได้รับการพัฒนาอย่างดี ทุกเส้นทางล้วนเป็นเส้นทางที่ใช้ในการหลบหนีได้ทั้งนั้น
ลี่จุนถิงและพวกเริ่มศึกษาแผนการขึ้นมา จากนั้นลี่จุนถิงได้ชี้ไปที่แผนที่และเริ่มหารือกับพวกเขา
“พวกคุณดูถนนสองเส้นนี้สิ เป็นพื้นที่รกร้างแห่งหนึ่งในใจกลางเมือง ผู้คนและร้านค้าก็มีไม่มากนัก พวกมันคนเยอะมาก ถ้าเคลื่อนย้ายจุดนี้คนอื่นจะเห็นได้ง่าย ดังนั้นสองเส้นทางนี้โอกาสน้อยมากที่พวกมันจะเลือก หรือเป็นไปไม่ได้เลย แต่เพื่อไม่ให้ผิดพลาดพวกเราก็ต้องจัดเตรียมคนเฝ้าที่นั่นไว้เหมือนกัน”
“เส้นทางอื่นๆ ที่เหลือ พวกเราต้องเฝ้าดูอย่างเข้มงวด แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด พวกเราต้องวางแผนสร้างกับดักให้พวกเขา”
“พวกคุณดู เส้นทางพวกนี้ ทิศทางที่ออกไปล้วนเป็นฐานที่รวมตัวกันของเขาในที่อื่น แต่ว่า ผมวางแผนว่าจะเปิดช่องออกมา”
ลี่จุนถิงเงยหน้าขึ้น มองไปที่ชิงโม่กับเฟิงจิงเป่ยสายตาเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
“เปิดช่องเหรอ?” ใบหน้าของชิงโม่เต็มไปด้วยความสงสัย
แต่ว่า หลังจากที่เฟิงจิงเป่ยเห็นสายตาของลี่จุนถิงแล้ว หัวเราะเสียงดังออกมาทันที
“ใช้ได้หนิ่ ลี่จุนถิง นายสามารถคิดวิธีนี้ออกมาได้ สู้กับพวกเราได้แล้วล่ะสิ นายบอกฉันสิว่านายเคยเรียนวิชาพวกนี้มาก่อนใช่ไหม”
ลี่จุนถิงยิ้มแต่ไม่พูดอะไร ชิงโม่มองดูปฏิสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคน ความสงสัยยิ่งทวีเพิ่มมากขึ้น