Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่ - บทที่ 99 ยกเลิกงานแต่ง
บทที่ 99 ยกเลิกงานแต่ง
ลี่จุนถิงไม่อยากจะเอาความ แค่มองเจียงเย่เฉิงที่นอนอยู่บนพื้น ไม่มีแม้แต่แรงจะลุกมาด้วยสายตาเย็นชา ท้ายที่สุดก็หมุนตัวกลับไปขึ้นรถของตัวเอง
เขาปิดประตูรถเบาๆ กลัวว่าจะไปรบกวนเข้ากับเจียงหยุนเอ๋อที่ยังไงคงสลบไสลและยังไม่ฟื้น
ถ้าเจียงเย่เฉิงไม่ได้บังเอิญมาจ้างทนายคนนี้ในครั้งนี้ ไม่แน่ว่า….เขาเองก็ไม่มีทางรู้ว่าเจียงหยุนเอ๋อจะต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้
ดูแล้ว ต่อจากนี้คงต้องจัดให้มีคนอยู่ข้างๆคอยรักษาความปลอดภัยให้เจียงหยุนเอ๋อถึงจะดี
เห้อ……ผู้หญิงคนนี้ ไม่เคยทำให้เขาหยุดกังวลได้เลยจริงๆ
ถึงแม้ในใจจะคิดแบบนี้ แต่ลี่จุนถิงก็ไม่มีทางที่จะกล่าวโทษเจียงหยุนเอ๋อ กลับกลายเป็นโกรธตระกูลเซียวกับตระกูลเจียงเสียอีก
วันนี้เจียงหยุนเอ๋อได้รับความลำบากจากพวกเขาที่นี่ ต่อจากนี้….เขาจะเอาคืนให้เจียงหยุนเอ๋อเอง
จากคำพูดและการกระทำทั้งหมดที่ทนายบอก เจียงเย่เฉิงไม่ได้แค่โดนต่อยอย่างแรงไปชุดใหญ่ สุดท้ายยังโดนพิพากษาให้ถูกจำคุกสามเดือนด้วย
ถึงแม้ว่าผลกระทบจากตระกูลเจียงจะไม่น้อย แต่ตอนนี้ลี่จุนถิงตัดสินใจที่จะจัดการพวกเขาแล้ว กำลังแค่นั้นของตระกูลเจียงก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใส่ใจอีกต่อไป
ถึงแม้ว่าเจียงเย่เฉิงจะเจอกับบทลงโทษแบบนี้ แต่ว่าฝู้ชูเหมยกับเจียงหนิงเอ๋อกลับไม่โดนเรื่องอะไรเลย เพราะว่าเจียงเย่เฉิงรับความผิดทั้งหมดไว้คนเดียว อีกทั้งยังไม่มีหลักฐานมารองรับว่าฝู้ชูเหมยกับเจียงหนิงเอ๋อมีส่วนรู้เห็น สุดท้ายก็เลยจำเป็นต้องปล่อยพวกเธอไปก่อน
พอโดนข้อหาจากทนาย เจียงเย่เฉิงก็ยอมรับทั้งหมดแต่โดยดี ข่าวอื้อฉาวขนาดนี้ ไม่นานก็ถูกตระกูลดังต่างๆพูดต่อกันไปเรื่อยๆ
ดูแล้วทุกคนเหมือนกำลังเยาะเย้ยตระกูลเซียว และดูถูกการกระทำของเจียงเย่เฉิง ถึงแม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าเมื่อก่อนเจียงหยุนเอ๋อเคยทำอะไรเอาไว้ แต่ว่าตอนนี้เจียงหยุนเอ๋อก็อยู่ในสถานะของคนที่อ่อนแอกว่า ดังนั้นทุกคนก็เลยพาหันเห็นใจเธอจนลืมไปว่าเมื่อก่อนเคยเยาะเย้ยเธอเอาไว้ยังไง
ไม่กี่วันหลังจากนั้น เซียวอี้เฟิงรับกับบรรยากาศภายในบ้านไม่ไหวแล้วจริงๆ เพราะว่าเรื่องก่อนหน้านั้น บ้านทั้งหลังก็เปลี่ยนเป็นอึมครึม ไม่เหมือนที่ที่คนอยู่เลยแม้แต่น้อย เขาก็เลยตัดสินใจที่จะออกมาที่บาร์
“บริกร เปิดห้องให้ฉันห้องหนึ่ง” เซียวอี้เฟิงพูดขึ้นอย่างอารมณ์เสีย
พนักงานรีบพยักหน้า ถึงแม้เซียวอี้เฟิงจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดี แต่ว่าด้วยความคิดที่ว่าลูกค้าคือพระเจ้า สุดท้ายเขาก็นำเซียวอี้เฟิงไปยังห้องรับรองห้องหนึ่ง
ในตอนที่เขากำลังเดินผ่านห้องรับรองห้องหนึ่ง สายตาของเซียวอี้เฟิงก็บังเอิญไปเห็นเข้ากับเงาร่างที่คุ้นเคย พวกนั้นเป็นบริษัทที่กำลังทำโปรเจกต์ร่วมกันกับบริษัทเซียวซื่อพอดี เพราะว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หุ้นของบริษัทเซียวซื่อก็ตกลงเรื่อยๆ คนพวกนี้ก็กำลังปรึกษากันเรื่องราคาที่ตกลงอย่างรวดเร็ว
คนพวกนี้ล้วนเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทเซียวซื่อ เห็นว่าพวกเขาตัดสินใจจะทำอย่างนั้น ก็รู้ได้ทันทีว่าหลังจากนี้บริษัทเซียวซื่อจะต้องประสบปัญหาและลำบากกันไปช่วงใหญ่
ได้ยินพวกเขาคุยกัน เซียวอี้เฟิงโมโหจนทำขวดเหล้าXOแตกใบหลายขวด เขาเดินกลับไปที่ห้องรับรองของตัวเองด้วยความโมโห
เซียวอี้เฟิงนั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียวในห้องรับรอง ผ่านไปไม่เท่าไหร่ ประตูของห้องรับรองก็ถูกเปิดออก ตอนแรกอารมณ์ของเซียวอี้เฟิงก็ร้อนรุ่มมากพออยู่แล้ว พอเห็นแบบนั้นก็ตะโกนออกมา “ไสหัวออกไป!”
ตรงประตูมีร่างของเจียงหนิงเอ๋อที่แต่งตัวล่อแหลมยืนอยู่ แค่ได้เห็นเซียวอี้เฟิงก็ชักงับไป อารมณ์ขุ่นมัวเมื่อกี้หายไปในพริบตา
“โอ้ นี่ไม่ใช่เจียงหนิงเอ๋อหรือยังไง ? คุณมาได้ยังไง?” เซียวอี้เฟิงเรียกชื่ออย่างสนิทสนม ราวกับรู้จักเจียงหนิงเอ๋อมาตั้งนานแล้ว
เจียงหนิงเอ๋อยิ้มยั่วยวน เดินไปนั่งลงด้านข้างเซียวอี้เฟิงใช้มือจับตรงข้อศอกของเขาเอาไว้ พูดขึ้นแบบอ้อน “ได้ยินว่าคุณชายเซียวอารมณ์ไม่ค่อยดี ฉันก็เลย….มาอยู่เป็นเพื่อน”
พูดไป เจียงหนิงเอ๋อก็ใช้หน้าอกของตัวเองถูไปกับหน้าอกของเซียวอี้เฟิงแววตาของเซียวอี้เฟิงเข้มขึ้น ออกแรงดึงตัวของเจียงหนิงเอ๋อให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง แล้วเจียงหนิงเอ๋อเองก็ล้มลงไปอยู่ในอ้อมอกของเขา
“นี่….. คุณชายเซียว นี่คุณคือ…..” เจียงหนิงเอ๋อช้อนตามอง มีแววตาที่กำลังสื่อถึงบางอย่าง
เซียวอี้เฟิงมองเธออยู่แค่แป๊บเดียว ก็โน้มตัวลงไปจูบเธอ ไม่นานทั้งสองคนก็จูบกันจนลืมทุกสิ่ง
เพราะว่าก่อนหน้านี้ก็มีความคิดแบบนี้อยู่ก่อนแล้ว ท่าทางของเจียงหนิงเอ๋อนั้นเร่าร้อน กลัวว่าเซียวอี้เฟิงจะปฏิเสธ มีผู้หญิงส่งมาให้ยังเซียวอี้เฟิงก็ไม่มีทางปฏิเสธ ทั้งสองคนเริ่มจูบกันดุเดือดมากขึ้นบนโซฟา
เจียงหยุนเอ๋อเป็นคนปลุกความต้องการของเซียวอี้เฟิงสถานการณ์ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆและเรื่อยๆ แต่ทั้งสองคนกลับไม่ได้สังเกตเห็นว่าตรงมุมมืดมุมหนึ่งมีคนกำลังจ้องมองที่พวกเขา
ที่ประตูของบาร์ กู้ลั่วจิ่นมองรถที่จอดอยู่ตรงนั้น ยืนอยู่เงียบๆที่เดินอยู่นาน
นั่นเป็นรถของเจียงหนิงเอ๋อ เมื่อกี้เขาก็เห็นกับตาตัวเอง เซียวอี้เฟิงกับเจียงหนิงเอ๋อพยายามขึ้นไปบนรถกันท่าทางทุลักทุเล ตอนนี้……บนรถคงจะบ้ามากน่าดู
กู้ลั่วจิ่นแอบถอนหายใจเบาๆ แล้วส่ายหน้าไปมา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาคนที่บ้าน
“ฮัลโหล พ่อ งานแต่งกับตระกูลเจียงยกเลิกไปเถอะ พวกเราเป็นคนพูดเอง”
ที่จริง ไม่ต้องให้กู้ลั่วจิ่นพูด คนของตระกูลกู้ก็เข้าใจความหมายของการยกเลิกงานแต่ง ตระกูลเจียงในตอนนี้ อยู่ในขั้นที่ใครๆก็ตะโกนด่า และไม่มีใครที่อยากจะลงไปแปดเปื้อนน้ำโคลนนี้ด้วย
ตอนแรกพวกเขาก็ยังคิดว่าจะเกลี้ยกล่อมกู้ลั่วจิ่นยังไง คิดไม่ถึงว่ากู้ลั่วจิ่นจะเป็นคนเสนอขึ้นมาเอง แน่นอนว่าพวกเขาก็ต้องยอมรับด้วยความยินดี
วันนั้นตอนเย็นเจียงหนิงเอ๋อเพิ่งกลับถึงบ้าน ก็โดนฝู้ชูเหมยตบเข้าครั้งหนึ่ง
“แม่ ตบหนูทำไม?” เจียงหนิงเอ๋อกุมหน้าตัวเองไว้ พูดขึ้นด้วยความตกใจ
ฝู้ชูเหมยมองเธอด้วยสายตาผิดหวัง โยนรูปใบนึงลงมาตรงหน้าเธอ กล่าวโทษเธอด้วยความโมโห “แกดูว่าแกไปทำเรื่องงามหน้าอะไรไว้! ทำไมฉันถึงได้คลอดคนไร้คุณภาพแบบแกออกมานะ แถมยังโดนคนจับได้แบบมีหลักฐานอีก!”
เจียงหนิงเอ๋อขมวดคิ้วแล้วเก็บรูปภาพพวกนั้นขึ้นมา กลับเห็นว่าบนนั้นเป็นรูปภาพของเธอกับเซียวอี้เฟิงในบาร์แล้วก็บนรถในท่าทางสนิทสนม
“แม่ รูปพวกนี้คือ……..” เจียงหนิงเอ๋อถามขึ้นทั้งๆที่ในใจก็ตกใจมาก
“พวกนี้เป็นสิ่งที่ตระกูลกู้ส่งมา แกดูสิ เรื่องงามหน้าที่แกทำลงไป ตอนนี้คนอื่นกำลังจะมายกเลิกงานแต่งกับเราแล้ว แกว่ามา จะเอายังไง? ตอนแรกสถานการณ์บ้านเราก็ไม่ดีอยู่แล้ว อย่างนี้นี่ไม่ใช่ว่าเอาน้ำมันไปราดลงบนกองไฟหรือยังไง?” ฝู้ชูเหมยโมโหจนแทบจะอกแตกตายอยู่แล้ว เธอก็เลยยกมือขึ้นมาทาบเอาไว้ตรงหน้าอกตัวเอง
เห็นแบบนั้น เจียงหนิงเอ๋อก็เลยรีบไปพยุงเธอเอาไว้ “แม่ แม่ใจเย็นนะๆ”
“ใจเย็น? จะไม่ให้ฉันร้อนใจได้ยังไง?” ฝู้ชูเหมยยังคงด่าอยู่เหมือนเดิม ทำให้อารมณ์ของเจียงหนิงเอ๋อแย่ขึ้นเรื่อยๆเหมือนกัน
เธอจ้องไปที่ฝู้ชูเหมย พูดขึ้นอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป “พอแล้วน่า แม่ งานแต่งถูกยกแล้วก็ยกเลิกไปสิ ยังไงเสียตระกูลกู้ตอนนี้ก็พึ่งอะไรไม่ได้”