Marvel : The King ราชาของโลกมาเวล - ตอนที่ 138
ตอนที่ 138 ลาก่อนนากามูระ
ซู่เจินใช้ความสามารถในการควบคุมจิตใจกับลินดามัน เพื่อที่เขาจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้อย่างหมดห่วง และถึงแม้ว่าความสามารถของลินดามันจะแข็งแกร่งและมีประโยชน์เป็นอย่างมาก ซึ่งความสามารถของเขาก็คือการรักษาผู้อื่น และถ้าเกิดว่าเขากลืนกินความสามารถของลินดามัน ในตอนนี้องค์กรลึกลับก็จะส่งคนอื่นเข้ามาแทนที่เขา ทําให้เจสสิก้าและอีเดนจะต้องตกอยู่ในอันตราย
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ลินดามันก็ตกอยู่ในการควบคุมของเขาเรียบร้อยแล้ว ทําให้เขาสามารถกลืนกินความสามารถของลินดามันได้ตลอดเวลา บวกกับการที่เขาจะให้ลินดามันช่วยดูแลอีเดน และคนอื่น ๆ ให้ในขณะที่เขาไม่อยู่ ทําให้เขาหมดห่วงในเรื่องนี้ไป
หลังจากจัดการเรื่องอะไรต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซูเงินก็เริ่มค้นหาตําแหน่งของ ฮิโรชิ นากามูระ ทันที
ซึ่งก็โชคดีที่ ฮิโรชิ นากามูระ ยังคงอยู่ในช่วงเวลานี้หรือไทม์ไลน์อันนี้ ไม่งั้นซู่เจินคงจะหาเขาไม่พบอย่างแน่นอน
หลังจากรู้ตําแหน่งของนากามูระเรียบร้อยแล้ว ซู่เจินก็พร้อมที่จะออกเดินทาง
แต่ก่อนที่เขาจะออกเดินทาง ซู่เจินก็ได้ไปบอกลากับเจสสิก้า นิกกี้ และอีเดนก่อน หลังจากที่เขาบอกลาเสร็จแล้ว ทันใดนั้นเจสสิก้าก็พุ่งไปจูบซู่เจินและพูดอะไรสองสามคํา หลังจากนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นนิกกี้ที่ทําแบบเดียวกันกับเจสสิก้า โดยมีสายตาของอีเดนที่กําลังมองมาทางซู่เจินด้วยความลังเล ปนความอิจฉาเล็กน้อย
” ผมจะไปแล้วนะ ดังนั้นคุณอย่าคิดถึงผมมากเกินไปล่ะ เดี๋ยวอีกสักพักหนึ่งผมก็กลับมาแล้ว” ซู่เจินเดินเข้าไปกอดอีเดนพร้อมกับพูดขึ้นมาเบา ๆ
“คุณต้องระวังตัวด้วยนะ”
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าซู่เจินกําลังจะทําอะไร แต่เธอก็อดเป็นห่วงเขาไม่ได้
” ไม่ต้องห่วง”
ซู่เจินยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย และพาชาวเฮติเดินไปที่ระเบียงเพื่อเตรียมตัวที่จะจากไป
ในขณะเดียวกันอีเดนก็กัดฟันลังเลอยู่นาน และในที่สุดเธอก็ตัดสินใจได้ ทําให้เธอรีบวิ่งไปหาซู่เจินที่ระเบียง และเตรียมตัวที่จะทําอะไรบางอย่างที่เธออยากทํามาตลอด แต่เธอก็พบว่า … ซู่เจิน ได้บินออกไปแล้ว
…
…
ในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งใกล้ ๆ กับลาสเวกัส มีร้านอาหารเล็ก ๆ อยู่ร้านหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ในทําเลที่ค่อนข้างดี
ซึ่งภายในร้านมี ฮิโรชิ นากามูระ กําลังนั่งทานอาหารอยู่ภายในร้าน ในขณะเดียวกันประตูร้านก็ค่อย ๆ เปิดออกมาพร้อมกับมีคนเดินเข้ามา และเมื่อนากามูระเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาเป็นใคร เขาก็รีบลุกขึ้นยืนและพูดขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนักว่า “คุณ … คุณคือคนชั่วที่ต้องการเอาความสามารถของฉันไปในตอนนั้น!”
คนชั่ว….
เมื่อได้ยินคํานี้ของนากามูระ ซู่เจินก็ถึงกับใบ้กิน
มันไม่ใช่เพราะความหมายของคํา แต่มันเป็นเพราะคําพูดที่ออกมาจากปากของนากามูระ ที่ให้ความรู้สึกที่ไร้เดียงสาเหมือนกับเด็ก ?
“คุณมาที่นี่เพื่อกลืนกินความสามารถของฉันใช่ไหม ? ฉันจะไม่ยอมให้คุณทําได้สําเร็จหรอก เพราะว่าฉันคือฮีโร่ ดังนั้นฉันจะต้องเอาชนะคุณให้ได้!”
นากามูระพูดขึ้นมาอย่างโกรธเคือง พร้อมกับดวงตาที่หดแคบลง และเตรียมตัวที่จะใช้ความสามารถของเขา
”ตาของคุณมีขนาดเล็กขนาดนั้น แต่คุณก็ยังจะหดให้มันเล็กลงไปอีก เอาล่ะ! ผมจะรอดูว่าความพยายามของคุณมันจะสูญเปล่าหรือเปล่า ?” ซู่เจินส่ายหัวพร้อมกับพูดขึ้นมาเบา ๆ โดยมีชาวเฮติเดินไปยืนอยู่ข้างหลังของนากามูระอย่างรวดเร็ว
“ทุกคนที่อยู่ในร้านจงฟังให้ดี ถ้าไม่อยากเจ็บตัว ให้รีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดซ่ะ!” ซู่เจิน ตะโกนขึ้นมาพร้อมกับร่างของเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงทันที ทําให้ผู้คนที่อยู่ภายในร้านถึงกับตื่นตระหนกและรีบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานก็ไม่มีใครหลงเหลืออยู่ในร้านอีกต่อไป
ซู่เจินรีบคว้าไปที่ตัวของนากามูระอย่างรวดเร็ว “คราวที่แล้วผมทําไม่สําเร็จ แต่คราวนี้ … ผมจะต้องเอาความสามารถของคุณมาให้ได้!”
ความสามารถในการกลืนกินถูกใช้งานขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และในทันทีที่มันเริ่มใช้งานซู่เจินก็รู้สึกได้ถึงการต่อต้านขึ้นมาในทันทีซึ่งมันทําให้หัวใจของซู่เจินรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก และเริ่มจดจ่อไปกับการกลืนกินความสามารถของนากามูระ
ความสามารถของนากามูระค่อย ๆ ถูกดึงออกมาจากร่างกายอย่างช้า ๆ และหลังจากนั้นไม่นานมันก็ถูกดึงออกมาจากร่างกายของนากามูระ และพุ่งเข้าสู่ร่างกายของซู่เจินอย่างรวดเร็ว!
ตึง!
นากามูระล้มลงไปนอนกับพื้นในทันทีพร้อมกับร้องไห้ขึ้นมาด้วยความเสียใจ
“ฮ่า ๆ ไหนขอลองหน่อยซิว่าความสามารถนี้มันจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน” ซู่เจินหัวเราะขึ้นมาอย่างตื่นเต้นพร้อมกับหันไปพูดอะไรบางอย่างกับชาวเฮติ
ทันใดนั้นชาวเฮติก็เปิดใช้ความสามารถในการปิดกั้นของเขาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับคิ้วของซู่เจินที่ขมวดเข้าหากันและเปิดใช้งานความสามารถของนากามูระขึ้นมาทันที
เงียบ -!
ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวของซู่เจินนิ่งไปหมด ราวกับว่าโลกทั้งใบถูกกดปุ่มหยุดเอาไว้ชั่วคราว ซี่งมันน่ามหัศจรรย์เป็นอย่างมาก และเมื่อเขาลองสังเกตไปยังชาวเฮติและนากามูระที่หยุดนิ่ง ซู่เจิน ก็ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ออกมาอย่างไรดี
หลังจากนั้นซู่เจินก็หยุดใช้ความสามารถของเขา ทําให้เวลากลับมาเดินเหมือนเดิม
“ชาวเฮติ ลบความทรงจําเกี่ยวกับความสามารถของเขาให้หมด และทําให้เขาเลิกร้องไห้ด้วย” ซู่เจินหันไปสั่งกับชาวเฮติ หลังจากนั้นร่างของเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว
เขาเคยสัมผัสถึงเวลาที่หยุดนิ่งมาแล้ว ดังนั้นในตอนนี้เขาก็อยากลองสัมผัสถึงการเดินทางข้ามกาลเวลาบ้าง ซึ่งเขาก็เลือกย้อนเวลาไปในตอนที่เขาพบกับแคลร์เมื่อเดือนก่อน
ในตอนนั้นแคลร์ยังคงมีความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองอยู่ ซึ่งซู่เจินก็ต้องการที่จะอัพเดทสถานะในตอนนี้ของเธอลงไปในสนามประลอง
”วิส!”
หลังจากนั้นไม่นานซูเงินก็ค่อย ๆ ลืมตาของเขาขึ้นมาอย่างช้า ๆ และดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในรัฐเท็กซัส ในขณะเดียวกันเขาก็สังเกตเห็นแคลร์ที่เพิ่งกลับมาจากการไปโรงเรียน
” อัพเดทสถานะของ อันเดดเกิร์ล : แคลร์ เบนเน็ตต์ ในตอนนี้ลงในสนามประลอง” ซู่เงินจ้องมองไปที่แคลร์ พร้อมกับสั่งระบบในใจ
แคลร์มองไปยังคนเอเชียตรงหน้าของเธอด้วยความประหลาดใจ เพราะว่าแววตาของเขา .. มันดูแปลกนิดหน่อย ? และก็ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักเธอด้วย ? ซึ่งแคลร์ก็พยายามคิดอยู่ตั้งนาน แต่เธอก็จําไม่ได้ว่าเขาคือใคร ?
ในขณะที่แคลร์กําลังจะเดินผ่านเขา เธอก็หันไปยิ้มให้กับซู่เจินอย่างสุภาพ แล้วเดินจากไปทันที แต่หลังจากเธอเดินไปได้ไม่นาน แคลร์ก็หันกลับมามองข้างหลังเป็นระยะ ๆ และเธอก็พบว่ากําลังมีคนเดินตามเธอมาอยู่ ซึ่งเขาคนนี้ก็กําลังมองมาที่เธอด้วยรอยยิ้ม ทําให้แคลร์รู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย และรีบเร่งฝีเท้าของเธอให้เร็วขึ้น
“ผมรู้สึกขอบคุณในอนาคตมากกว่าอยู่ดี!”
เมื่อมองไปยังแคลร์ที่เดินจากไปหลังจากที่เขาหยุดเดิน ซู่เจินก็พูดขึ้นมาเบา ๆ
หลังจากระบบอัพเดทสถานะของแคลร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซู่เจินก็เข้าไปยังสนามประลองอย่างรวดเร็ว
ซึ่งในตอนนี้เจสสิก้าก็สามารถเข้ามาในสนามประลองได้เช่นกัน ส่วนอีเดนถึงแม้ว่าค่าความสัมพันธ์จะเพิ่มขึ้นแต่มันก็ยังไม่ถึง 80% อยู่ดี ซึ่งมันก็อาจจะเป็นว่าเขายังไม่ทําอะไรแบบนั้นกับเธอ
สีที่แสดงสถานะบนหัวของแคลร์ในจอภาพโฮโลแกรมมันสว่าง ทําให้ซู่เจินกดเลือกไปที่เธอ และกดยืนยันทันที หลังจากนั้นไม่นานแคลร์ก็ปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าของซู่เจิน โดยที่ความทรงจําก่อนหน้านี้ถูกลบไป ทําให้เธอตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย แต่หลังจากที่เธอสังเกตเห็นซู่เจิน เธอก็ค่อย ๆ สงบสติลง พร้อมกับพุ่งเข้าไปกอดแขนของซู่เจินอย่างรวดเร็วและพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นว่า ” ทําไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ ? แล้วที่นี่คือ ”
“อย่าเพิ่งถามเรื่องนี้เลย ตอนนี้คุณสามารถใช้ความสามารถของคุณได้ไหม ?” ซู่เจินพูดขัดจังหวะและถามเธอขึ้นมาแทน
“ได้สิ ซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นเพราะอะไร เพราะดูเหมือนว่าตอนนี้ฉันจะสามารถกลับมาใช้ความสามารถได้เหมือนเดิมแล้ว” แคลร์พยักหน้าและรีบพูดขึ้นมาอย่างเร็ว
“ดีแล้ว!”
ซู่เจินพยักหน้าขึ้นมาเบา ๆ ในเมื่อตอนนี้แคลร์ก็ได้ความสามารถของเธอกลับคืนมาเรียบร้อย แล้วเขาก็สามารถออกไปจากดันเจี้ยนแห่งนี้ได้สักที