Marvel : The King ราชาของโลกมาเวล - ตอนที่ 140
ตอนที่ 140 ศึกษาเกี่ยวกับชุดเกราะเหล็ก
หลังจากนั้นไม่นานซูเจินก็ลุกขึ้นบิดขี้เกรียจ และเตรียมพร้อมที่จะเริ่มเป้าหมายที่สองของเขา
ชุดเกราะไอรอนแมน!
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยสนใจเกี่ยวกับชุดเกราะไอรอนแมนสักเท่าไหร่ เพราะถึงอย่างไรท้ายที่สุดแล้วชุดเกราะนี้มันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเขามากมาย แต่มันดันมีประโยชน์มาก สําหรับผู้หญิงของเขา ตัวอย่างเช่น …. เฟลิเซ่ ที่เอาไว้ใช้สําหรับการปกป้องตัวเอง หรือเปปเปอร์ที่คอยเอาไว้ช่วยงานเขาในด้านต่างๆ
แน่นอนว่าทักษะการบินของเฟลิเซ่นั้นยอดเยี่ยมมาก และเธอก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดาทั่วไป ไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไร ดังนั้นชุดเกราะไอรอนแมนจึงเหมาะกับเธอมาก ส่วนเปปเปอร์นั้น ซู่เจินสังเกตเห็นว่าเธอค่อนข้างที่จะชอบเกี่ยวกับชุดเกราะไอรอนแมนเป็นอย่างมาก
ถ้าเธอชอบเขาก็จะเป็นคนที่จัดหามาให้
ซึ่งซู่เจินก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทําไมทุกครั้งที่นากามูระใช้ความสามารถเขาจะต้องขยี้ตา หน้าสั่นและท้องผูกทุกครั้ง หลังจากนั้นไม่นานซู่เจินก็ปรากฏตัวขึ้นมาในคฤหาสน์ของโทนี่ สตาร์ค
แน่นอนว่าซู่เจินได้หยุดเวลาเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นเขาก็ค่อย ๆ เดินสํารวจไปรอบ ๆ อย่างช้า ๆ และก็ต้องขอบอกเลยว่าที่นี่มันหรูหรามากจริง ๆ หลังจากนั้นไม่นานซู่เจินก็สังเกตเห็นโทนี่ สตาร์คที่อยู่ในห้องของแลป ซึ่งเขาก็ไม่ได้กังวลเลยสักนิดว่าจาร์วิส ปัญญาประดิษฐ์ของโทนี่จะเจอตัวของเขาหรือเปล่า ? เพราะถึงอย่างไรท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่ต้องการเสียเวลาไปกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องพวกนี้
และจุดประสงค์หลักของเขาในการมาที่นี่ก็คือชุดเกราะเหล็ก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ต้องการชุดเกราะที่มันสําเร็จรูปแล้ว ซึ่งสิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ นั่นก็คือขั้นตอนการผลิตและโครงสร้างของชุดเกราะ
ในเมื่อเขาสามารถเรียนรู้วิธีการสร้างมันขึ้นมาได้ด้วยตนเอง และสามารถสร้างชุดเกราะเหล็กของตัวเองขึ้นมาได้ แล้วทําไมเขาจะต้องไปเอาผลงานของคนอื่นมาด้วยจริงไหม?
เมื่อเขาเดินเข้าไปหาโทนี่และมองเห็นภาพวาดและข้อมูลที่แสดงอยู่บนหน้าจอโฮโลแกรม มันก็ทําให้ซู่เจินอดรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้จริง ๆ
“นี่ นี่คือชุดเกราะฮัลค์บัสเตอร์อย่างงั้นหรอ ? ไม่คิดเลยว่าเขาจะเริ่มศึกษาเกี่ยวกับมันเร็ว มากขนาดนี้”
ถึงแม้ว่านิสัยของโทนี่จะไม่ค่อยดี แต่เขาก็เป็นคนที่มีพรสวรรค์มากจริง ๆ ซึ่งชุดเกราะตัวนี้จะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะในอนาคตโทนี่จะสามารถสร้างชุดเกราะที่เอาไว้ใช้สําหรับการต่อสู้กับธอร์ หรือไม่แน่ว่ามันอาจจะมีชุดเกราะที่เอาไว้ใช้ต่อสู้กับเขาโดยเฉพาะ ?
ซู่เจินส่ายหัวขึ้นมาพร้อมกับเดินไปด้านข้างเพื่อดูข้อมูลของชุดเกราะต่าง ๆ ที่กําลังแสดงอยู่บนหน้าจอ ทันใดนั้นซู่เจินก็ขยับนิ้วของเขา ทําให้ชุดเกราะเริ่มแยกออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ เหมือนกับว่ากําลังรอการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่
ซู่เจินเดินเข้าไปใกล้ ๆ พร้อมกับกระดิกนิ้วชี้ของเขาเบา ๆ และเปิดใช้ความสามารถพลังจิตของเขา หลังจากนั้นชิ้นส่วนชุดเกราะมันก็ลอยมาประกอบเข้ากับร่างของซู่เจินอย่างรวดเร็ว ซึ่งซู่เจินที่มีความสามารถของเซอร์ร่า เขาก็สามารถมองเห็นการการทํางานของมันได้อย่างชัดเจน มันสร้างขึ้นมาได้อย่างไร ชิ้นส่วนมีอะไรบ้าง และมันทํางานอย่างไร! แน่นอนว่าความสามารถนี้มันซับซ้อนยิ่งกว่าความสามารถในการกลืนกินซะอีก พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ เขาจะต้องฝึกใช้งานมันก่อนถึงจะสามารถใช้งานความสามารถนี้ได้
และถึงแม้ว่าซูเจินจะไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในตอนแรก และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าชิ้นส่วนเล็ก ๆ มันควรอยู่ส่วนไหนของชุดเกราะ
ประกอบเข้าด้วยกันและแยกชิ้นส่วนออกเป็นชิ้น ๆ
หลังจากการทําซ้ําอยู่หลายครั้ง ซูเจินก็เริ่มเข้าใจเกี่ยวกับมันที่ละเล็กที่ละน้อย
หลังจากนั้นซูเจินก็มองไปยังชุดเกราะเหล็กตัวอื่น ๆ และทําซ้ําแบบเดิม ถึงแม้ว่าการทํางานมันจะแตกต่างกัน แต่โดยพื้นฐานแล้วมันก็มาจากชุดต้นแบบอันเดียวกัน หลังจากนั้นไม่นานซู่เจินก็สามารถประกอบชุดเกราะหนึ่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ และเหมือนกับตัวต้นแบบของโทนี่ทุกประการ
ซึ่งถ้าเกิดว่าเขามีชิ้นส่วนหรือวัตถุดิบในตอนนี้ เขาก็สามารถสร้างชุดเกราะเหล็กขึ้นมาได้ในทันที
แน่นอนว่าที่เขาหมายถึงคือชุดเกราะเหล็กเท่านั้น ซึ่งมันยังไม่ได้รวมถึงระบบปฏิบัติการต่าง ๆ ท้ายที่สุดแล้วโทนี่จะไม่สามารถเป็นไอรอนแมนได้ถ้าเกิดว่าเขาไม่มีจาร์วิส และความแข็งแกร่งของชุดเกราะไอรอนแมนจะลดลงไปเยอะมาก ถ้าเกิดว่าไม่มีจาร์วิสเช่นกัน
ซึ่งเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการของชุดเกราะเหล็ก ซู่เจินก็มีแผนอย่างอื่นรองรับเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลอะไรมากมาย เขายืนตัวตรงพร้อมกับตบที่ขาของเขา ทันใดนั้นโลกเบื้อง หน้าของซู่เจินก็หมุนอย่างรวดเร็ว ทําให้เขารู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย ซึ่งที่เขาทําก็คือการย้อนเวลากลับไปประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง
ซู่เจินโบกมือของเขาเพื่อนําชุดเกราะเหล็กกลับไปยังตําแหน่งเดิม หลังจากนั้นซู่เจินก็ออกมาจากห้องแลปพร้อมกับบินออกไปอย่างรวดเร็ว หลังจากบินออกไปได้สักพัก ซู่เจินก็ทําให้เวลากลับมาเดินเหมือนเดิม
หลังจากนั้นซูเจินก็ปล่อยพลังงานของแหวนออกมาห่อหุ้มร่างกายของเขาเอาไว้ พร้อมกับบินกลับไปยังยานบิน ซึ่งซู่เจินได้เรียกพลังของเขากลับมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หลังจากบินไปได้ไม่นาน ซู่เจินก็รู้สึกได้ว่าพลังงานภายในร่างกายของเขามันฟื้นฟูเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทําให้เขาเริ่มใช้ความสามารถขึ้นมาอีกครั้ง วินาทีต่อมาเขาก็ปรากฏตัวขึ้นมาภายในห้องนอนของเขา
“ระบบ ส่งฉันเข้าไปที่สนามประลอง”
หลังจากพูดจบร่างของซู่เจินก็ปรากฏตัวขึ้นในเวทีการประลองอย่างรวดเร็ว
ซึ่งรูปภาพของแคลร์ในจอโฮโลแกรมยังมืดอยู่เล็กน้อย แต่จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับแคลร์มากนัก แต่ที่เขาสนใจจริง ๆ ก็คือเจสสิก้า
หลังจากนั้นไม่นานเจสสิก้าก็ปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าของซู่เจิน เหมือนกับตอนที่แคลร์มาที่นี่ในครั้งแรก ทําให้เจสสิก้าในตอนนี้ถึงกับตื่นตระหนก และตั้งท่าเตรียมพอที่จะต่อสู้อยู่ตลอดเวลา
และเมื่อเธอสังเกตเห็นซูเจิน เธอก็ค่อย ๆ ลดมือลงพร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยความสงสัยว่า “คุณพาฉันมาที่นี่ทําไม ? ที่นี่คือ … ภาพลวงตาอย่างงั้นหรอ ?”
“เอาล่ะ! คุณต้องตั้งสติให้ดีก่อนในตอนนี้”
ซู่เจินไม่ได้พูดอธิบายอะไรออกมา แต่พูดอย่างอื่นขึ้นมาแทนว่า “ผมมีอะไรบางอย่างให้คุณทําคุณช่วยผมหาคนสองคนหน่อย คนแรกชื่อว่า ชาร์ลี เป็นพนักงานเสิร์ฟอยู่ในร้านอาหาร เธอเป็นคนที่มีความจําที่เป็นเลิศมาก ส่วนอีกคนหนึ่งชื่อว่า ฮันนาห์ กัตโตมัน เขาเป็นคนที่สามารถควบ
รถควบคุมเครื่องกลอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างไร้ที่ติ และถ้าเกิดว่าคุณสามารถหาตัวของพวกเขาเจอ คุณก็บอกให้ชาร์ลีเริ่มศึกษาเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์เอาไว้ได้เลย ส่วนฮันนาห์ก็ขอให้เขาช่วยกันสร้างปัญญาประดิษฐ์ให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น”
” ปัญญาประดิษฐ์ ?”
เจสสิก้ารู้สึกสับสนเล็กน้อย เพราะจู่ ๆ ซู่เจินก็สั่งงานมาให้กับเธอมากเกินไป ตามหาคน ? และสร้างปัญญาประดิษฐ์ ?
“ใช่ เมื่อฟังดูแล้วมันอาจจะยากไปหน่อย แต่ด้วยความช่วยเหลือของฮันนาห์ ผมก็คิดว่ามันไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่อะไร คุณลองให้พวกเขาลองศึกษาดู และถ้าเกิดว่าพบปัญหาอะไร เดี๋ยวผมจะช่วยหาวิธีแก้ไขอีกแรง”
เมื่อพูดถึงดันเจี้ยนของซูเปอร์ฮีโร่แล้วดันเจี้ยนแห่งนี้มันเป็นการพัฒนาเกี่ยวกับความสามารถพิเศษและพันธุกรรมเป็นหลัก และถ้าเกิดว่าเขาลองให้มันพัฒนาไปทางด้านของเทคโนโลยี มันอาจจะเวิร์คก็ได้ บวกกับการที่เขามีคนอย่างฮันนาห์ หรือมิคาห์ มันก็ยิ่งทําให้ปัญญาประดิษฐ์ของเขาสามารถสร้างเสร็จได้อย่างรวดเร็ว
และหลังจากที่พวกเขาสามารถสร้างมันขึ้นมาได้เรียบร้อยแล้ว เขาก็คัดลอกมันมาและนํามันกลับมาแก้ไขให้กลายเป็นปัญญาประดิษฐ์ในแบบฉบับของเขา ซึ่งมันช่วยประหยัดเวลาได้อย่างมหาศาล