Marvel : The King ราชาของโลกมาเวล - ตอนที่ 142
ตอนที่ 142 ลอเรไล
“ฉัน ฉันเอาด้วย” เจมมายกมือขึ้นอย่างเขินอายพร้อมกับพูดขึ้นมาอย่างไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่
ตอนนี้เธอมีความสามารถพลังจิตอยู่กับตัว ทําให้เธอพอที่จะต่อสู้ได้บ้าง แต่ถึงอย่างไรแล้วลอเรไลก็เป็นชาวแอสการ์ดและก็สามารถเรียกเธอได้ว่าเป็นเทพเจ้าบนโลกมนุษย์ และก็แน่นอนว่า เมย์ไม่เหมาะที่จะไปต่อสู้กับเธอเพียงลําพัง
“เจมมา คุณควรยกเลิกความคิดนี้ไปได้เลย เพราะถึงแม้ว่าคุณจะต้องการช่วย แต่คุณก็ไม่มีความชํานาญในการใช้ความสามารถของคุณเลย” โควสันส่ายหัวและพูดขึ้นมา
ซู่เจินยิ้มและพูดขึ้นมาว่า “ผมรู้ว่าคุณกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเมย์ แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ไม่ควรที่จะดูถูกเมย์มากเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเกิดว่ามันจําเป็นจริง ๆ ผมก็สามารถขอความช่วยเหลือจากพันธมิตรสงครามให้มาช่วยเหลือในภารกิจครั้งนี้ได้”
เจมมาพยักหน้าขึ้นมาเมื่อเธอได้ยินคําพูดของซู่เจิน
เมย์ก็หันไปพยักหน้าให้กับซู่เจินเช่นกัน หลังจากนั้นเธอก็กลับไปควบคุมยานบิน และมุ่งหน้าไปยังหุบเขามรณะ
หุบเขามรณะ อยู่ในสถานที่ที่ค่อนข้างห่างไกล
มีภูมิอากาศที่แห้งแล้งเป็นอย่างมาก ซึ่งบริเวณโดยรอบถูกรายล้อมไปด้วยทะเลทราย
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีโรงเตี้ยมเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่มีรถมอเตอร์ไซค์จอดเรียงรายอยู่หลายคันตรงหน้าประตู และมันยังมีกลุ่มคนที่แต่งตัวสปิดไรเดอร์กําลังยืนจับกลุ่มพูดคุยกันอยู่ในขณะเดียวกันก็มีรถขับเข้ามาและหยุดลงตรงข้างหน้าโรงเตี้ยม
ทันใดนั้นก็มีผู้หญิงผมสีบลอนด์ยาวใส่ชุดเดรสสีเขียวก้าวลงมาจากรถ ใบหน้าที่งดงามราวกับตุ๊กตา และท่าทางที่สง่างาม บวกกับมุมปากของเธอที่ยกขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับดวงตาที่เร่าร้อน ทําให้เธอกลายเป็นผู้หญิงในประเภทที่ทําให้ผู้ชายตกหลุมรักในแวบแรกที่เห็นได้อย่างสิ้นเชิง
และในทันทีที่เธอปรากฏตัวขึ้น เธอก็ดึงดูดความสนใจจากผู้ชายที่อยู่โดยรอบอย่างรวดเร็ว และก็มีบางคนถึงกับผิวปากขึ้นมาทันที
“ดูนั่น มีสาวงามมาที่นี่วะ!” ผู้ชายที่ดูเหมือนว่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มของสปีดไรเดอร์ก้าวลงมาจากรถมอเตอร์ไซค์และเดินตรงไปหาเธออย่างรวดเร็ว และในขณะที่เขากําลังเดินเข้าไปหาเธอเขาก็พูดขึ้นมาด้วยว่า “คนสวยอย่างคุณมาทําอะไรที่นี่อย่างงั้นหรอ ? แล้วผู้ชายที่อยู่บนรถเขาเป็นอะไรกับคุณ ?”
ลอเรไลมองย้อนกลับไปที่ผู้ชายบนรถและหันกลับไปพูดกับผู้ชายตรงหน้าของเธอว่า “ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเขา และฉันก็เพิ่งจะแย่งเขามาจากแฟนของเขา ดังนั้นในตอนนี้ฉันก็เลยอยากได้คนที่คอยปกป้องฉันได้”
ทันทีที่เธอปรากฏตัว เธอก็ดึงดูดความสนใจจากทุกฝ่ายในทันที และบางคนถึงกับผิวปากโดยตรง
” คุณกําลังมีปัญหาอยู่อย่างงั้นหรอ ? และถ้าเกิดว่าคุณต้องการซ่อนตัวจากแฟนของเขา ที่นี่มันก็เหมาะมากเลยล่ะ!”
“ดีเลย แล้วคุณชื่ออะไรอย่างงั้นหรอ ?” ลอเรไลถามขึ้นมาพร้อมกับมองไปที่ชายคนนั้น
ชายคนนั้นชี้ไปยังรูปไก่บนเสื้อนอกของเขาและพูดขึ้นมาว่า “คนของฉันเรียกฉันว่า ชิกเก้น”
ลอเรไลมองไปยังผู้ชายที่อยู่รอบ ๆ และถามขึ้นมาอีกครั้งว่า “คุณเป็นหัวหน้าของพวกเขาอย่างงั้นหรอ ?”
ชิกเก้นยิ้มขึ้นมาอย่างมีชัยและพูดว่า “ใช่”
ลอเรไลก็ยิ้มขึ้นมาเช่นกัน แต่รอยยิ้มของเธอมันดูชั่วร้ายเป็นอย่างมาก เธอค่อย ๆ เอื้อมมือของเธอไปแตะบนไหล่ของชิกเก้นพร้อมกับมองไปที่เขาและพูดว่า “คุณและคนของคุณจะต้องจงรักภักดีต่อฉันเพียงผู้เดียว”
เสียงของเธอที่เปร่งออกมามันช่างไพเราะเป็นพิเศษ เพราะเสียงของเธอในตอนนี้มันเต็มไปด้วยพลังเวทย์มนตร์ที่น่าหลงไหล
“คุณมีปัญหาอะไรไหม ?”
ชายที่อยู่ในรถรีบวิ่งออกมาหาลอเรไลอย่างรวดเร็ว พร้อมกับถามขึ้นมาและค่อย ๆ มองสํารวจไปยังชิกเก้นอย่างระแวดระวัง
ลอเรไลส่ายหัวขึ้นมาเล็กน้อยและพูดว่า “ไม่เป็นไร ตอนนี้เขาตกเป็นของฉันเรียบร้อยแล้ว”
” อะไรกัน ไม่ใช่ว่าฉันก็เป็นของคุณเหมือนกันอย่างงั้นหรอ ? คุณอย่าบอกนะว่าคุณจะให้เขาตามพวกเราไปด้วย ?” ชายคนนั้นตะโกนขึ้นมาอย่างกังวล
ลอเรไลมองไปที่ชายคนนั้นและพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่ ฉันเคยบอกกับคุณว่าฉัน จะให้คุณอยู่กับฉันไปตลอด แต่ในตอนนี้ … ฉันไม่ต้องการคุณแล้ว!”
เมื่อพูดจบลอเรไลก็ต่อยไปที่เขาอย่างรุนแรง ทําให้ร่างของชายคนนั้นกระเด็นออกไปอย่างรวดเร็ว และกระแทกเข้ากับรถอย่างรุนแรง หลังจากนั้นร่างของเขาก็หล่นลงมากองกับพื้นและแน่นิ่งไป …
การกระทําอย่างกะทันหันของเธอทําให้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ถึงกับตกอยู่ในความหวาดกลัวอย่างสมบูรณ์ หลังจากนั้นลอเรไลก็เดินเข้าไปหาคนพวกนั้นด้วยใบหน้าที่ชั่วร้ายและรอยยิ้มอันยิ้มแย้มแจ่มใส
หลังจากนั้นไม่นานคนพวกนั้นก็ค่อย ๆ โดนเธอควบคุมทีละคนอย่างช้า ๆ ทําให้พวกเขาถึงกับเปลี่ยนไปเป็นคนละกัน และปฏิบัติกับเธออย่างกับราชินี
” จอดตรงนี้ล่ะ เดี๋ยวผมจะเป็นคนพาเมย์ไปเอง”
เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงหุบเขามรณะแล้ว ซู่เจินก็พูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทําให้ไม่นานหลังจากนั้นยานบินก็ค่อย ๆ ลงจอดอย่างเร็ว เมย์เดินออกมาจากห้องนักบินและจัดเตรียมอุปกรณ์ที่จําเป็นให้พร้อม ทันใดนั้นเธอก็หันไปถามกับซู่เจินว่า “ตําแหน่งของเป้าหมายยังอยู่อีกไกลมาก พวกเราจะบินไปกันอย่างงั้นหรอ ?”
“ไม่ใช่ พวกเราจะวาร์ปไปกัน”
เมื่อซู่เจินพูดจบเขาก็คว้าไปที่ไหล่ของเมย์อย่างรวดเร็ว พร้อมกับหันไปยิ้มให้กับคนอื่น ๆ เล็กน้อย หลังจากนั้น ร่างของเขาและเมย์ก็หายไปอย่างรวดเร็ว
“ว้าว!”
ฟิทซ์อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องแปลก ๆ ออกมา ซึ่งก็เห็นได้ชัดว่าเขาตกใจเป็นอย่างมาก
โควสันรีบมองไปทางสกายอย่างรวดเร็ว และเมื่อสกายเห็นเช่นนั้นเธอก็ยักไหล่ขึ้นมาและพูดว่า “อย่ามองมาที่ฉันแบบนั้นสิ ฉันก็เคยตกใจแบบนั้นมาก่อน”
“ว้าว มันสุดยอดมาก … แต่ครั้งหน้าคุณควรที่จะบอกฉันก่อนนะ” เมื่อเห็นว่าภาพเบื้อง หน้าของเธอมันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทําให้เมย์อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าไปลึก ๆ และหันไปพูดกับซู่เจิน
“ ตกลง”
ซู่เจินพูดตอบขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ในขณะเดียวกันพวกเขาก็มองไปยังโรงเตี้ยมที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขามากนัก
บริเวณด้านนอกโรงเตี้ยมเต็มไปด้วยรถมอเตอร์ไซค์จอดเรียงรายอยู่หลายคัน แต่ถึงอย่างนั้นประตูโรงเตี้ยมกับบิดสนิทและไม่มีคนอยู่ด้านนอกเลยสักคน ทําให้ซูเจินเริ่มใช้ความสามารถสุดยอดการได้ยินขึ้นมาในทันที และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมา ซึ่งในเสียงพวกนั้นมันก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่ไพเราะเป็นอย่างมาก และก็เห็นได้ชัดว่าเจ้าของเสียงอันนี้ก็น่าจะเป็นลอเรไลอย่างแน่นอน
” ข้างในมีคนอยู่ประมาณ 20 กว่าคน” ซู่เจินพูดขึ้นมา
เมย์พยักหน้าขึ้นมาเบา ๆ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าซู่เจินรู้ได้อย่างไร แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เชื่อในคําพูดของซู่เจินอยู่ดี
“ให้ฉันจัดการเอง”
หลังจากพูดจบ เมย์ก็หยิบปืนออกมาและเตรียมตัวที่จะเดินเข้าไป
แต่ในขณะที่เธอกําลังจะเดินเข้าไป ซู่เจินก็พูดแทรกขึ้นมาก่อนว่า ” ผมไม่รู้ว่าความสามารถของลอเรไลมันจะส่งผลต่อผมหรือเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นเรื่องยากมากที่คุณจะเข้าไปข้างในเพียงตัวคนเดียว และถ้าเกิดว่าคุณถูกคนที่อยู่ข้างในจับได้ และไม่สามารถหนีออกมาได้ คุณจะไม่ตายเอาอย่างงั้นหรอ ? ซึ่งที่ผมพูดขึ้นมายังไม่ได้รวมถึงลอเรไลเลยนะ”
เมย์ขมวดคิ้วและพูดขึ้นมาด้วยความมั่นใจว่า “ฉันจัดการได้”
“ผมรู้ แต่ผมมีวิธีที่ง่ายกว่านั้น”
ซู่เจินยิ้มขึ้นมาพร้อมกับควงแขนของเขา ทําให้เกิดกระแสลมขึ้นมาบนแขนของซู่เจินอย่างรวดเร็ว มันเริ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทําให้เมย์ที่กําลังเดินตามหลังซู่เจินมาถึงกับเซเล็กน้อย
ทรายและโขดหินเริ่มปลิวว่อนไปตามสายลม
มอเตอร์ไซค์ถูกพัดให้บินขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นานมันก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นมา คาดว่ามอเตอร์ไซค์ที่ถูกพัดบินขึ้นไปคงจะเบิดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในขณะเดียวกันโรงเตี้ยมก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับว่ามันจะพังทลายได้ทุกเมื่อ มีเสียงเอี้ยดแอดดังขึ้นอยู่ตลอดเวลา ทันใดนั้นตัวโรงเตี้ยมก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นจากพื้นดินที่ละเล็กทีละน้อย และไม่นานโรงเตี้ยมทั้งหลังก็ลอยขึ้นไปบนฟ้าอย่างรวดเร็ว