Marvel : The King ราชาของโลกมาเวล - ตอนที่ 158
ตอนที่ 158 หนึ่งต่อสี่!
เฮ้อ!
หลังจากที่ทราบสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ซู่เจินก็เตรียมตัวที่จะออกไปทําภารกิจให้มันเสร็จสิ้นสักที แต่ทันใดนั้นประตูห้องของสตีฟก็เปิดขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับชารอนที่เดินเข้ามาภายในห้องอย่างช้า ๆ และเธอก็ค่อย ๆ มองสํารวจไปยังซู่เจินและโทดที่นอนกองอยู่บนพื้น พร้อมกับถามขึ้นมาด้วยความสงสัยว่า “เกิดอะไรขึ้น อย่างงั้นหรอ ? เมื่อกี้ฉันได้ยินเสียงปืนดังขึ้นมา และสตีฟที่วิ่งออกไปอย่างรีบร้อน”
“มันเกิดอุบัติเหตุขึ้นเล็ก ๆ น้อย ๆ น่ะ” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
ชารอนรู้สึกนุนงงเล็กน้อยกับคําตอบของซู่เจิน เพราะเธอไม่คิดว่าอุบัติเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ มันจะมีเสียงปืนดังขึ้นมาพร้อมกับมีร่างของใครบางคนกําลังนอนกองอยู่กับพื้นหรอกนะ ?
“ไม่ต้องกังวล ผมสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ เพราะงั้นสิ่งที่คุณควรจะทาในตอนนี้ก็คือกลับไปที่ห้องของคุณ และพักผ่อนหรือจะทําอะไรก็แล้วแต่คุณ” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ซึ่งชารอนก็ยังไม่ได้เชื่อคําพูดทั้งหมดของซู่เจิน เพราะเธอคิดว่าเสียงปืนที่เธอได้ยินมันคงจะไม่ใช่อุบัติเหตุเล็กน้อยอย่างแน่นอน ซึ่งเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทําไมเวลาเธอมองไปที่การแสดงออกที่สงบนิ่งและมั่นคงของซู่เจินเธอจึงเผลอคิดว่าไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไร เขาก็สามารถจัดการมันได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะเสียงของเขาที่เวลาเธอได้ยินมันเมื่อไหร่มันจะทําให้เธอรู้สึกปลอดภัยและรู้สึกโล่งใจอย่างผิดปกติ
ชารอนดูงุนงง แต่ในใจของเธอ เธอสงสัยว่าอุบัติเหตุคืออะไรและใครคือชายที่นอนอยู่ใต้ดิน
“ถ้าอย่างนั้น…ฉันขอตัวกลับก่อนนะ คุณ … คุณระวังตัวด้วย” ชารอนพูดขึ้นมาด้วยความกังวลเล็กน้อย พร้อมกับหันหลังและเดินกลับไปที่ห้องของเธอ
และหลังจากที่ชารอนจากไปแล้ว ซู่เจินก็เตรียมตัวที่จะจากไปเช่นกัน
“เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไปสิ ฉัน … ฉันควรทําอย่างไรดี”
เมื่อเห็นว่าซู่เจินกําลังจะจากไป โท้ดก็รีบลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับถามซูเจนขึ้นมาด้วยความมึนงง
เมื่อซู่เจินได้ยินเช่นนั้นเขาก็มองไปยังโทดราวกับว่าเขาเป็นคนโง่ เพราะว่าโท้ดได้ถามออกมาโดยไม่คิดเลย
และเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาโท้ดก็ถือว่าเป็นคนที่น่าสงสารพอสมควร เพราะไม่ว่าเขาจะน่าตาขี้เหร่แล้ว เขายังน่ารังเกียจอีกด้วย ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าความสามารถของโทดจะแข็งแกร่งหรือเท่มากแค่ไหน มันก็คือความสามารถของคางคกดี ๆ นี่เอง ดังนั้นแล้วเขาจึงขาดความมั่นใจในตัวเองเป็นพิเศษ และตราบใดที่มีคนใส่ใจในตัวของเขาสักนิดเขาก็คงจะยอมเป็นลูกน้องของคน ๆ นั้นอย่างเต็มใจ ซึ่งแม็กนีโตก็คือคนแรกที่เห็นคุณค่าในตัวของเขา
เนื้อแท้ของเขาแล้วเขาก็ไม่ใช่คนเลว!
“เป็นตัวประกัน เพราะไม่แน่บางที่คุณอาจจะนําไปต่อรองในการช่วยนิคฟิวรี่ได้” ซู่เจินส่ายหัวขึ้นมาเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็เอื้อมมือออกไปคว้าตัวของโท้ดเอาไว้ พร้อมกับทิวทัศน์เบื้องหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากตอนแรกที่อยู่ภายในห้องของกัปตันอเมริกา มันก็เปลี่ยนเป็นโรงงานร้างแห่งหนึ่ง
และหลังจากที่โทดลองมองสํารวจไปรอบ ๆ แล้วเขาก็พบว่าที่นี่มันก็คือฐานชั่วคราวของพวกเขาก่อนหน้านี้ ? และเมื่อเขากําลังจะพูดอะไรบางอย่างขึ้นมา ทันใดนั้นเขาก็พบตอนนี้เขากําลังถูกขังอยู่ภายในห้องขังสีเขียว
หลังจากที่ซู่เจินจัดการเรื่องของโท้ดเรียบร้อยแล้ว เขาก็ก้าวเดินไปข้างหน้าสองสามก้าวพร้อมกับเฝ้ามองไปที่กลุ่มคนที่อยู่ข้างหน้าของเขาอย่างระมัดระวัง
พวกเขามีกันทั้งหมด 4 คน
คัสลิสโตยืนอยู่ด้านซ้ายสุด ถัดมาจากเธอก็คือชายคนหนึ่งที่มีท่าทางราวกับว่าเขาเป็นคนเอเชีย ใบหน้าและร่างกายของเขาเต็มไปด้วยหนามคล้ายกับเม่น ถัดไปก็มีชายคนหนึ่งที่กําลังสวมหมวกหน้ากากอยู่ ร่างกายของเขาสูงใหญ่เต็มไปด้วยหมัดกล้าม และอีกคนหนึ่งก็คือชายคนหนึ่งที่มีท่าทางราวกับคนงี่เง่า!
คัสลิสโต, เฮดจ์ฮอก, จักเกอร์นอท และ โคลนนิ่ง ?
ซึ่งไม่ไกลจากพวกเขาทั้ง 4 คนก็มีวินเทอร์โซลเจอร์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นิคฟิวรี่ โดยมือของนิคฟิวรี่ถูกมัดติดเอาไว้กับท่อ และใบหน้าของวินเทอร์โซลเจอร์ในตอนนี้ก็ดูซีดเล็กน้อย เพราะว่าเขาเพิ่งจะตื่นจากการหมดสติเมื่อไม่นานมานี้
“แม็กนีโตไปไหนล่ะ ?”
เมื่อซู่เจินลองมองไปรอบ ๆ จนทั่วแล้วไม่เจอกับแม็กนีโต มันก็ทําให้เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“ซู่เจิน พวกเราไม่ได้อยากเป็นศัตรูกับคุณ และเรื่องนี้มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณเลยด้วย ซึ่งคุณก็ได้ฆ่าอาร์ทไลท์ไปแล้วด้วย ดังนั้นถ้าเกิดว่าคุณยอมถอยกลับไปแต่โดยดี แม็กนีโตจะไม่เอาเรื่องคุณที่คุณได้ฆ่าอาร์ทไลท์ไปอย่างแน่นอน… “คัสลิสโตพูดขึ้นมาด้วยน้ําเสียงจริงจัง
ดูเหมือนว่าคัสลิสโตจะเป็นหัวหน้าของกลุ่มคนพวกนี้
“ตั้งแต่ที่คุณได้ช่วยวินเทอร์โซลเจอร์หนีไป เรื่องนี้มันก็ได้เกี่ยวข้องกับผมโดยตรงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องของแม็กนีโต เพราะว่าผมจะเป็นคนที่ไปหาเขาด้วยตัวเอง ซึ่งตอนนี้ผมก็มีทางเลือกให้พวกคุณสองทางเลือก ทางเลือกที่หนึ่ง : ปล่อยตัวของนิคฟิวรี่และรีบหนีไปให้พ้นจากสายตาของผมซะ เอ่อ.. ฝากบอกแม็กนีโตด้วยว่าให้เตรียมตัวเตรียมใจรอไว้ได้เลย เพราะอีกไม่นานผมจะไปจัดการกับเขาอย่างแน่นอน ส่วนทางเลือกที่สองนั้น… ผมจะจัดการกับพวกคุณทั้งหมดและพาตัวของนิคฟิวรี่ออกมา”
“คุณมันบ้าหรือโง่กันแน่ ? พวกเรามีกันตั้ง 4 คน คุณคิดว่าเพียงแค่คุณคนเดียวจะชนะพวกเราได้อย่างงั้นหรอ ?” เฮดจ์ฮอกส่ายหัวและพูดขึ้นมาอย่างเย่อหยิ่ง
“คุณไม่สนใจเขาหน่อยหรอ ?”
ซู่เจินชี้ไปที่โทดที่ถูกขังอยู่ภายในกําแพง
เมื่อโท้ดได้ยินเช่นนั้นเขาก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาในทันที
“เขาน่ะหรอ ? เขามันก็แค่ขยะดี ๆ นี่เอง และการที่พวกเราจะช่วยคนที่ไม่สามารถทําภารกิจได้สําเร็จมันจะไปมีประโยชน์อะไรจริงไหม ?” โคลนนิ่งพูดขึ้นมาอย่างดูถูกและพูดต่อว่า “ถ้าเกิดว่าคุณจะเอาเขามาต่อรองละก็ … คุณคิดผิดแล้ว และถ้าเกิดว่าคุณช่วยฆ่าเขาไปก่อนหน้านี้มันก็คงจะดีมากกว่านี้ซะอีก เพราะมันเหมือนกับว่าคุณช่วยกําจัดขยะทําให้โลกใบนี้มันสะอาดมากยิ่งขึ้นไปอีกชิ้นหนึ่ง”
“คุณแน่ใจนะ ? ถ้าเกิดว่าแม็กนีโต… ” ในขณะที่ซู่เจินกําลังพูดอยู่ ทันใดนั้นโคลนนิ่งก็พูดแทรกขึ้นมาอย่างหมดความอดทนว่า “นี่เป็นสิ่งที่แม็กนีโตได้บอกกับพวกเราเอาไว้ด้วยตัวของเขาเอง ดังนั้นล้มเลิกความคิดที่จะเอาเขามาต่อรองหรือแลกตัวกับนิคฟิวรี่ได้เลย และถ้าเกิดว่าคุณอยากจะฆ่าเขาก็เชิญฆ่าได้เลย!”
ซู่เจินเหลือบมองไปที่โทดเล็กน้อย ซึ่งโทดในตอนนี้ก็เต็มไปด้วยความโกรธที่เขาถูกหักหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขารู้ความจริงว่าแม็กนีโตเป็นคนที่ทํากับเขาแบบนี้ มันก็ทําให้เขาถึงกับทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความสิ้นหวังและความเสียใจ
ถึงแม้ว่าซู่เจินจะรู้อยู่แล้วว่าตัวของโท้ดมันไม่สามารถนําไปแลกกับตัวนิคฟิวรี่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อยากให้โท้ดได้รู้ว่าคนที่เขากําลังทํางานให้อยู่เป็นคนแบบไหน และคิดดีแล้วใช่ไหมที่ได้ไปติดตามเขา
“หนึ่งต่อสี่ ? สําหรับคนประเภทพวกคุณแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะมีเป็นสิบยี่สิบคนมันก็ไม่ได้ต่างกันเลย และคุณยังบอกอีกว่าโท้ดได้ถูกแม็กนีโตทิ้งไปแล้ว ? และถ้าเกิดว่าแม็กนีโตพูดขึ้นมาอย่างนั้นจริง ๆ เขาก็น่าจะมีที่นี่ด้วยตัวของเขาเอง โดยไม่ฝากคําพูดมากับพวกคุณทั้งสี่คนหรอก เพราะว่าคนแบบเขาคงไม่ยอมทําอะไรแบบนี้อย่างแน่นอน”
ซู่เจินมองไปที่พวกเขาทั้งสี่คนพร้อมกับส่ายหัวขึ้นมาเบา ๆ ทันใดนั้นมันก็มีชุดอนุภาคอีเทอร์ปรากฏขึ้นมาบนร่างกายของซู่เจินอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นซู่เจินก็ค่อย ๆ ยื่นมือของเขาออกไปพร้อมกับกระดิกนิ้วท้าทายไปยังพวกเขาทั้งสี่คน
“ผมให้พวกคุณเริ่มก่อนเลย ไม่งั้นผมเกรงว่าพวกคุณจะไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว!”
“ฮึ!”
คําพูดของซู่เจินทําให้โคลนนิ่งถึงกับหงุดหงิดหลังจากนั้นเขาก็สูดหายใจเข้าไปลึก ๆ พร้อมกับร่างกายของเขาที่สั่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และค่อย ๆ แยกร่างออกมาจํานวนมากมายอย่างรวดเร็ว พร้อมกับพุ่งเข้าไปหาซู่เจิน ในทันที ในขณะเดียวกันเฮดจ์ฮอกถึงอกหนามออกมาจากด้านหลังของเขา
“นายไม่เอาด้วยกับพวกเขาหรือไง ?” เมื่อคัสลิสโตเห็นว่าจักเกอร์นอทยังยืนอยู่กับที่ เธอก็เลยถามขึ้นมาด้วยความสงสัยเล็กน้อย ในขณะเดียวกันซู่เจินก็พูดขึ้นมาด้วยความเยาะเย้ยว่า “ยังมีคนที่กล้าท้าทายผมอยู่สินะ สงสัยว่าพวกเขาจะสะกดคําว่า “ตาย” ไม่เป็นสินะ”