Marvel : The King ราชาของโลกมาเวล - ตอนที่ 164
ตอนที่ 164 ฐาน หรือ เกาะฮาเร็ม ?
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะออกมาจากฐานของ SHIELD เรียบร้อยแล้ว แต่มันก็ยังมีระบบติดตามอยู่บนยานบินอยู่ดี ซึ่งหลังจากนี้ไม่นานยานบินลํานี้ก็คงจะถูกแทรกแซงระบบให้ลงจอดอย่างแน่นอน และเมื่อยานบินลํานี้ลงจอด พวกเขาก็คงถูกจับ 100 % อย่างแน่นอน
หลังจากที่ทุกคนได้ยินคําพูดของฟิทซ์พวกเขาก็หันหน้าไปมองที่ซู่เจินกันอย่างพร้อมเพียง ซึ่งมันก็รวมถึงโควสันที่เป็นหัวหน้าของทีมนี้ด้วยเช่นกัน โดยพวกเขาหวังว่าซู่เจินจะสามารถแก้ปัญหาภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกในปัจจุบันนี้ได้
“ดูเหมือนว่าพวกคุณจะรู้สึกหวาดกลัวจนเกินกว่าเหตุ นี่มันไม่ใช่วันสิ้นโลกนะ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าถ้าเกิดว่ามันเป็นวันสิ้นโลกจริง ๆ ผมก็จะหาทางกอบกู้โลกให้ได้ และพวกคุณก็ไม่ต้องกลัวเลยนะว่าพวกไฮดร้าจะทําอะไรกับพวกคุณ เพราะว่าตอนนี้พวกคุณยังมีผมอยู่” ซู่เจินหันไปมองทุกคนและพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับพูดต่อว่า “ผมได้คิดแผนรับมือเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นตอนนี้พวกเราควรที่จะมุ่งหน้ากลับไปที่ฐานของผมให้เร็วที่สุดก่อนจะดีกว่า”
“แต่ … พวกเขาอาจจะส่งคนมาไล่ล่าพวกเรา ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหลบหนีไปได้” ฟิทซ์พูดขึ้นมา
เมื่อซู่เจินได้ยินคําพูดของฟิทซ์เขาก็พูดขึ้นมาคําเดียวโดยเน้นเสียงว่า “ฆ่า!”
“ฆ่า ?”
“ใช่ ถ้าเกิดว่าพวกเขากล้าที่จะตามมาเราก็ฆ่าพวกเขาให้หมดซะ”
“แต่ถ้าพวกเขาตามเราจนไปถึงฐานพันธมิตรสงครามของคุณ และเปิดฉากโจมตีขึ้นมาคุณจะทําอย่างไร ?” โควสันถามขึ้นมาด้วยความกังวล
ซู่เจินยิ้มขึ้นมาพร้อมกับส่ายหัวเบา ๆ และพูดว่า “คุณไม่จําเป็นที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับมัน เพราะถึงแม้ว่าพันธมิตรสงครามของผมจะไม่เคยมีโอกาสได้ปรากฏตัวขึ้นมาให้สายตาของคนบนโลกได้รับรู้ แต่ถึงอย่างนั้นถ้าเกิดว่ามีคนมาท้าทายหรือมาโจมตี พวกเรา พวกเขาก็จะต้องจ่ายค่าตอบแทนที่สมน้ําสมเนื้อกลับมาด้วย!”
“ดูเหมือนว่าจะมีเครื่องบินกําลังขับไล่ตามพวกเรามาอยู่”
สกายพูดขึ้นมาเบา ๆ
“พวกเขาลงมือกันเร็วมาก!” โควสันพูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ ส่วนซู่เจินก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมกับเดินออกไป
หลังจากที่ซู่เจินกระโดดออกมาจากยานบิน ในไม่ช้าเขาก็สามารถมองเห็นเครื่องบินที่กําลังไล่ตามพวกเขามาอยู่สองลํา ในขณะเดียวกันเมื่อคนขับเครื่องบินเห็นซู่เจินที่ออกมาจากยานบินก็ทําการยิงมิสไซล์ไปที่ซู่เจินทันที
เมื่อซูเจนเห็นเช่นนั้นเขาก็ยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย พร้อมกับเอื้อมมือไปจับมิสไซล์อันนั้นเอาไว้ หลังจากนั้นเขาก็ปามิสไซล์ที่อยู่ในมือของเขาไปยังเครื่องบินอีกลําหนึ่ง
ตูม!
เครื่องบินลํานั้นเกิดการระเบิดขึ้นมาทันทีพร้อมกับเศษซากที่ล่วงตกลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว
ทําให้นักบินของเครื่องบินที่ยิงมิสไซล์มาถึงกับตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น ทันใดนั้นนักบินก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นมาจากด้านบนหัวของเขา และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นไปมอง ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ซึ่งภาพที่เขาเห็นก็คือซู่เจินกําลังยืนยิ้มอยู่พร้อมกับโบกมือให้เขาเบา ๆ ทําให้เขารีบบังคับเครื่องบินให้บินกลับหัวอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะทําให้ซู่เจินกระโดดออกไป แต่ถึงอย่างนั้นมันก็สายเกินไปเรียบร้อยแล้ว!
ซูซานกําลังยิ้มและโบกมือให้เขา เขารีบพยายามทําให้เครื่องบินบินกลับหัวและโยนซูซานออกไป แต่มันก็สายเกินไป!
ฉีก!
มีดเล่มสีดําเจาะทะลุเข้าไปที่หัวของคนขับเครื่องบินโดยตรง และถึงแม้ว่ามันจะมีกระจกที่แข็งแรง แต่เมื่อมาเจอกับมีดคู่แห่งความกลัวมันก็เปรียบเสมือนกับเต้าหูดี ๆ นี่เอง หลังจากนั้นซูเจนก็ค่อย ๆ ดึงมีดออกมาอย่างช้า ๆ พร้อมกับสะบัดเลือดบนมีดทิ้ง และบินกลับไปที่ยานบินอย่างช้า ๆ
เมื่อซู่เจินกลับเข้าไปในยานบินเขาก็พูดขึ้นมาเบา ๆ ว่า “เห็นไหมปัญหาได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ง่ายจะตาย”
ฟิทซ์และคนอื่น ๆ มองไปที่ซูเจนด้วยความรู้สึกหลากหลาย ซึ่งสิ่งที่พวกเขารู้สึกกังวลในตอนแรก มันไม่ใช่ปัญหาที่ยากเย็นสําหรับซู่เจินเลยแม้แต่น้อย!”
ในขณะเดียวกันหลังจากที่สูญเสียเครื่องบินไปสองลํา พวกเขาก็เลิกติดตามยานบินที่โควสันและคนอื่น ๆ อยู่ทันที เพราะพวกเขารู้ว่าตอนนี้พวกของโควสันยังมีซู่เจินอยู่ และถึงแม้ว่าพวกเขาจะสามารถไล่ตามทัน มันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี แต่ถึงอย่างไรก็ตามยานบินที่พวกโควสันอยู่มันก็มีระบบติดตามอยู่ ดังนั้นมันจึงทําให้พวกเขาสามารถรู้ได้ว่าพวกโควสันกําลังมุ่งหน้าไปที่ไหนและสามารถเตรียมแผนรับมือได้อย่างถูกต้อง
หลังจากที่ไม่มีเครื่องบินไล่ตามพวกเขามาแล้ว ทําให้พวกเขามุ่งหน้ากลับไปที่ฐานของพันธมิตรสงครามทันที ซึ่งมันก็ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็มาถึงและทําการลงจอดอย่างรวดเร็ว และทันทีที่พวกเขาเดินลงมาจากยานบิน พวกเขาก็พบว่าบริ้งค์ได้มายืนรอพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว และหลังจากนั้นไม่นานสมาชิกทั้งหมดของพันธมิตรสงครามก็เดินทางมาถึง
โควสันมองไปที่สมาชิกของพันธมิตรสงครามอย่างตกตะลึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นบลิซซาร์ดและศาสตราจารย์ลิซาร์ดที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขา ทันใดนั้นภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมามันก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งในหัวของโควสันอย่างรวดเร็ว ซึ่งเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็น่าจะมีซู่เจินอยู่เบื้องหลังด้วยอย่างงั้นใช่ไหม ?
“อย่ามองผมแบบนั้นสิ เพราะว่าผมได้เตรียมพร้อมอะไรหลาย ๆ อย่างเอาไว้ตั้งนานแล้ว และผมก็จะบอกกับทุกคนเมื่อมันมีโอกาสที่เหมาะสมอยู่แล้ว เช่นตอนนี้!” ซู่เจินหันไปมองทางโควสันและพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
โควสันคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดขึ้นมาว่า “มันรวมถึงตัวฉันและทีมนี้ด้วยใช่ไหม ?”
“ใช่!”
ซู่เจินยอมรับขึ้นมาอย่างง่าย ๆ และพูดต่อว่า “เป้าหมายของผมมีเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือการแทนที่ SHIELD กับ อเวนเจอร์ และกลายเป็นเกาะป้องกันให้กับโลกใบนี้ เพราะว่าโลกของเราในตอนนี้มันไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่คุณคิด มันเปรียบเสมือนกับอาหารอันโอชะ และมีคนโลภที่แข็งแกร่งมากมายที่ต้องการจะกลืนกินมัน ดังนั้นพวกเราก็ควรที่จะเตรียมตัวตั้งแต่ตอนนี้และทําให้พวกผู้บุกรุกได้รู้ว่า … พวกเราไม่ใช่เหยื่อ แต่ เป็น นักล่า!”
“เป็นความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ !” โควสันถอนหายใจออกมาเบา ๆ เพราะเขาก็ไม่คิดเหมือนกันว่าซู่เจินจะมีความทะเยอทะยานมากขนาดนี้
ซู่เจินยักไหล่และพูดขึ้นมาว่า “คุณเชื่อหรือเปล่า จริง ๆ แล้วเป้าหมายของผมก็คือการเป็นราชาของโลกใบนี้ และทําให้ผู้บุกรุกทุกคนหวาดกลัว และไม่กล้าที่จะมาบุกรุกดาวโลกใบนี้!”
“คุณเป็นคนที่มีประสบการณ์และความสามารถอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าเกิดว่าคุณเต็มใจที่จะเข้าร่วมกับพันธมิตรสงครามของผม คุณก็จะสามารถทําสิ่งต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้น เอาล่ะ! ผมจะให้เวลาคุณในการพิจารณาให้ถี่ถ้วน”
ความจริงแล้วซู่เจินมองโควสันในแง่ดีมาโดยตลอด เพราะถึงอย่างไรท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังเป็นหนึ่งในผู้อํานวยการคนต่อไปของ SHIELD บวกกับการที่เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์และความสามารถอยู่แล้ว นอกจากนี้ เขาก็ยังมีวิธีการทําสิ่งต่าง ๆ ที่แตกต่างจากนิคฟิวรี่โดยสิ้นเชิง ดังนั้นซูเจนก็เลยสรรหาวิธีในการที่จะดึงโควสันเข้ามาในทีมของเขา
“ฉันจะพิจารณาเกี่ยวกับข้อเสนอนี้อย่างจริงจัง!” โควสันพูดขึ้นมาพร้อมกับพยักหน้า
ซู่เจินก็พยักหน้าเช่นกัน หลังจากนั้นเขาก็แนะนําให้พวกเขาทําความรู้จักกัน และจัดเตรียมที่พักให้กับลูกทีมของโควสัน หลังจากนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาแยกกันไป ฟิทซ์เดินเข้าไปหาบลิซซาร์ด ดอนนี่ ส่วนเจมมาก็เดินไปหานาตาชา เพราะว่านาตาชาเป็นหนึ่งในสมาชิกของหน่วย SHIELD ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก
เวลาช่วงค่ําคืนมาถึงอย่างรวดเร็ว
ที่หน้าห้องนอนของซูเจนในตอนนี้ กําลังมีสกายยืนอยู่ หลังจากนั้นเธอก็เคาะประตูขึ้นมาเบา ๆ และรีบเปิดประตูเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกันเมื่อซู่เจินเห็นสกายเดินเข้ามา เขาก็ยิ้มขึ้นมาพร้อมกับยื่นมือออกมาเล็กน้อย หลังจากนั้นสกายก็พุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของซู่เจินอย่างรวดเร็วและค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาและถามว่า “ให้ฉันนอนกับคุณในห้องนี้ไปตลอดเลยได้ไหม ฉันไม่อยากแยกจากกับคุณเลย ?”
“ได้สิ ผมก็รอเวลานี้มานานแล้วเหมือนกัน” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“คุณอยากให้ฉันอยู่ต่อ หรือว่า คุณต้องการให้คนอื่นอยู่กันแน่นะ ? เพราะถึงยังไงที่นี่ก็คือฐานของคุณ หรือจะเรียกอีกอย่างว่าหนึ่งว่า เกาะฮาเร็มของคุณ” สกายมองไปที่ซู่เจินและพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ซึ่งซู่เจินก็ไม่ได้ตื่นตระหนกอะไรกับคําพูดของสกาย พร้อมกับพยักหน้าขึ้นมาเบา ๆ “มันก็รวมถึงคุณด้วย และไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน มันก็จะต้องมีคุณอยู่ด้วย”
“นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้นอนบนยานบินของมนุษย์ต่างดาว” สกายพูดขึ้นมาเบา ๆ
“ถ้าเกิดว่าคุณไม่บอกให้ผมหยุด ผมก็จะไม่มีวันปล่อยคุณไปอย่างแน่นอน!”