Marvel : The King ราชาของโลกมาเวล - ตอนที่ 165
ตอนที่ 165 ไม่กลับก็ตายไปซะ!
นิ้วของซู่เจินค่อย ๆ เคลื่อนขึ้นไปตามหน้าท้องอันแบนราบของสกายอย่างช้า ๆ ทําให้สกายค่อย ๆ หลับตาลงด้วยความเคลิบเคลิ้มพร้อมกับครางขึ้นมาเบา ๆ ทําให้การหายใจของซู่เจินเริ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากเสียงของครางของสกายที่ดังขึ้นมา ในขณะเดียวกันนิ้วของซู่เจินก็ค่อย ๆ ไต่ขึ้นไปยังเนินเขาที่สูงตระหง่านตรงหน้าของเขา
“อืม”
ทันทีที่นิ้วของซู่เจินไปถึงมัน ร่างกายของสกายก็สั่นขึ้นมาอย่างรุนแรงราวกับว่าเธอถูกกระแสไฟฟ้าช็อต หลังจากนั้นเธอก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาและพูดขึ้นมาด้วยความเขินอายเล็กน้อยว่า “อย่าแกล้งฉันแบบนี้สิ คุณกําลังรออะไรอยู่อย่างงั้นหรอ ?”
“ผมกําลังรอให้คุณขอร้องผมอยู่ไง!” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“คุณเป็นคนนิสัยไม่ดี ในเวลาแบบนี้คุณยังแกล้งคนที่น่าสงสารแบบฉันได้ลงคอ” สกายมองไปที่ซู่เจินอย่างบูดบึ้งพร้อมกับพูดขึ้นมาเบา ๆ ว่า “ได้โปรด… “
“คุณพูดว่าอะไรนะ เสียงมันเบาเกินไป ผมไม่ได้ยินเลย” ซู่เจินแกล้งพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“ฉันขอร้อง!”
สกายขยับร่างกายของเธอเล็กน้อยพร้อมกับแสดงท่าทางออดอ้อนขึ้นมา
เมื่อท่าทางที่ออดอ้อนของสกาย ซู่เจินก็หยุดแกล้งเธอ เพราะว่าตอนนี้เขาก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน
เขาค่อย ๆ ก้มหัวลงไปอย่างช้า ๆ และเตรียมพร้อมสําหรับการเข้าพื้นที่หวงห้าม
หลังจากนั้นไม่นานเสียงร้องแห่งความสุขของสกายก็ดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง … โดยไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปนานแค่ไหนหลังจากนั้นเสียงมันก็ค่อย ๆ สงบลงอย่างช้า ๆ โดยมีร่างของซู่เจินที่กําลังโอบกอดสกายเอาไว้อยู่ ทันใดนั้นมันก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ซึ่งเสียงมันก็เบามากราวกับว่าคนที่เคาะประตูไม่อยากรบกวนคนที่อยู่ภายในห้อง
“ใคร ?”
ซู่เจินถามขึ้นมาอย่างขี้เกรียจ
“บอส นี่ฉันเอง”
“บริ้งค์อย่างงั้นหรอ ? ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น คุณนอนไปก่อนเลยก็ได้ เดี๋ยวผมจะออกไปดูข้างนอกสักหน่อย” ซู่เจินพูดขึ้นมากับสกายเบา ๆ หลังจากนั้นเขาก็หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาและเดินออกไปด้านนอก
เมื่อซู่เจินปิดประตูห้องเรียบร้อยแล้วเขาก็หันไปถามกับบริ้งค์ว่า “ผมยังไม่ได้พักผ่อนเลย มีอะไรเกิดขึ้นอย่างงั้นหรอ ?”
“ดาร์กเอลฟ์บอกว่ากับฉันว่าไม่ไกลจากนี้มีเครื่องบินกําลังบินอยู่สามล่า และดูเหมือนว่าพวกเขากําลังเฝ้ามองพวกเราอยู่ ซึ่งเขาก็ไม่กล้าที่จะมารบกวนบอส ดังนั้นเขาก็เลยฝากให้ฉันมาถามกับบอสว่าพวกเราจะจัดการกับพวกเขาอย่างไรดี” เมื่อบริงค์พูดจบ เธอก็มองสํารวจไปที่ร่างกายของซู่เจินอย่างเงียบ ๆ …
ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าของซู่เจินจะดูเรียบร้อยดี แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ใส่ชุดลําลอง ทําให้สามารถมองเห็นเม็ดเหงื่อบริเวณซอกคอได้อย่างชัดเจน ซึ่งมันก็ทําให้บริงค์รู้ได้ในทันทีเลยว่าก่อนหน้านี้บอสของเธอกําลังทําอะไรอยู่
ตึก ๆ ตึก ๆ
หัวใจของเธอค่อย ๆ เต้นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับใบหน้าที่เริ่มแดง
“แล้วรู้ตัวตนของอีกฝ่ายไหม ?” ซู่เจินถามขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ
อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านไปสักพักหนึ่งซู่เจินก็พบว่าบริ้งค์ในตอนนี้กําลังยืนคิดฟุ้งซ่านอะไรบางอย่างอยู่ ซึ่งเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอกําลังคิดอะไรอยู่
“คุณมีความต้องการเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้นอย่างงั้นหรอ ? ถ้าเกิดว่าคุณต้องการมันจริง ๆ ผมก็สามารถช่วยสนองความต้องการของคุณได้นะ” ซู่เจินพูดขึ้นมาอย่างติดตลก
เมื่อได้ยินคําพูดของซู่เจินใบหน้าของบริ้งค์ก็แดงก่ําขึ้นมาทันที พร้อมกับค่อย ๆ พูดขึ้นมาด้วยความเขินอายว่า “คุณพูดว่าอะไรนะ ? ไม่ … ไม่ใช่ ฉันยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร”
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็เปิดประตูพอร์ทัลวาปไปดูกับผม มันน่าจะอยู่ตรงบริเวณค็อกพิทของเครื่องบิน” ซู่เจินหันไปพูดกับบริ้งค์ด้วยรอยยิ้ม ในขณะเดียวกันบริ้งค์ที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบพยักหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับโยนคริสตัลไปด้านหน้าเพื่อเปิดประตูพอร์ทัลขึ้นมา
หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาทั้งสองคนก็ปรากฏตัวขึ้นบนชั้นบรรยากาศด้านนอกของยานบิน
พลังงานสีเขียวเข้มปรากฏขึ้นมาใต้เท้าของซู่เจินและบริ้งค์อย่างรวดเร็ว ซึ่งด้านหน้าของพวกเขานั้นเป็นท้องฟ้ายามค่ําคืนที่มีเครื่องบินขับไล่กําลังบินอยู่ด้านหน้า
“พวกเขามองไม่เห็นเรา” บริ้งค์พูดขึ้นมาเบา ๆ
ซู่เจินพยักหน้าขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับตะโกนขึ้นมาว่า “ที่นี่คือฐานพันธมิตรสงครามของผม และผมก็ไม่สนว่า พวกคุณจะเป็นใครมาจากไหน ผมจะนับถึงแค่สาม และถ้าหากว่าผมนับถึงสามแล้วพวกคุณยังไม่ออกไป พวกคุณก็อย่าหาว่าผมโหดร้ายก็แล้วกัน”
“เขาหมายความว่าอย่างไร ?”
คนขับเครื่องบินที่อยู่ไม่ไกลอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาเบา ๆ ด้วยความกังวล เมื่อเขาได้ยินคําเตือนของซู่เจิน
แน่นอนว่าเขาได้รับคําสั่งมาว่าให้คอยสังเกตการณ์เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ของพันธมิตรสงครามเอาไว้ตลอดเวลา ซึ่งเขาก็ไม่สามารถขัดคําสั่งของผู้บังคับบัญชาได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถละเลยคําเตือนของซู่เจินได้เช่นกัน
“เขาไม่กล้าที่จะทําอะไรกับพวกเราหรอก เพราะถึงยังไงแล้วเขาก็เป็นบอสใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรสงครามและเขาก็คงจะไม่กล้าที่จะเป็นศัตรูกับพวกเราในเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน!”
“แต่ว่า …”
“มันไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องเป็นห่วง เขาไม่กล้าทําอะไรกับพวกเราอย่างแน่นอน” ชายร่างเล็กพูดขึ้นมาอย่างมั่นใจ
ในขณะเดียวกันทางด้านของซู่เจินก็เริ่มนับแล้วเช่นกัน
หลังจากนั้นไม่นานซู่เจินก็นับถึงสาม และก็ดูเหมือนว่าคนพวกนั้นจะไม่ยอมจากไปแต่โดยดี
“ในเมื่อให้ไปแล้วไม่ยอมไป งั้นก็ตายอยู่ที่นี่ซะ”
ซู่เจินถอนหายใจออกมาเบา ๆ ทันใดนั้นมันก็มีฝ่ามือขนาดใหญ่สองอันปรากฏขึ้นมาด้านข้างของเครื่องบิน ทําให้คนขับเครื่องบินที่เห็นเช่นนั้นถึงกับทําอะไรไม่ถูก
ทันใดนั้นฝ่ามือขนาดใหญ่ทั้งสองอันก็ประกบเข้าหากันอย่างรวดเร็ว
“ตูม!”
มีเสียงปรบมือดังขึ้นมาดังลั่น หลังจากนั้นไม่นานมันก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นมาตามหลังกึกก้องไปทั่วท้องนภา ซึ่งเครื่องบินที่อยู่ภายในบริเวณใกล้เคียงทั้งหมดถูกบดขยี้และระเบิดกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย
“เดี๋ยวคุณกลับไปบอกกับดาร์คเอลฟ์ว่าในอนาคตถ้าเกิดว่ามีเครื่องบินหรือใครก็ตามที่ปรากฏตัวขึ้นมาบริเวณนี้ ให้ทําการโจมตีได้เลยโดยไม่ต้องมาแจ้งเตือนกับผมล่วงหน้า …”
ซู่เจินถอนหายใจออกมาเบา ๆ พร้อมกับหันไปพูดกับบริ้งค์
บริงค์พยักหน้าขึ้นมาเบา ๆ และพูดว่า “ค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปอธิบายให้กับเขาฟังเอง”
“เอาล่ะ! ได้เมื่อจัดการอะไรเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว พวกเราไปเดินเล่นกันหน่อยไหม ?” ซู่เจินหันไปถามกับบริ้งค์ด้วยรอยยิ้ม บริ้งค์เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าซู่เจินไม่ได้พาเธอไปไหนไกล เขาสร้างเรือลําเล็ก ๆ ขึ้นมา และพวกเขาก็ขึ้นไปนั่งบนเรืออย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเรือมันก็ค่อย ๆ กระเพื่อมไปมาตามคลื่นของทะเล
พระจันทร์ในค่ําคืนนี้สว่างไสวไปทั่วท้องฟ้า บวกกับท้องทะเลที่ส่องแสงระยิบระยับเป็นเกลียวคลื่น
บริ้งค์มองภาพตรงหน้าด้วยความมหัศจรรย์ใจ ราวกับว่าเธอกําลังฝันอยู่ บรรยากาศรอบ ๆ เต็มไปด้วยความเงียบสงบและความโรแมนติก ทําให้เธอรู้สึกชอบมันอย่างบอกไม่ถูก
“คุณชอบมันไหม ?” ซู่เจินถามขึ้นมาเบา ๆ
บริ้งค์พยักหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งภายในดวงตาของเธอในตอนนี้มันเต็มไปด้วยความสุขอย่างชัดเจน
“ที่จริงผมรู้นะว่าคุณกําลังกังวลเรื่องอะไรอยู่ และผมก็รู้ด้วยว่าคุณกําลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นอยู่ แน่นอนว่ามันมีคนมากมายที่พร้อมจะคอยดูแลคุณอยู่ข้าง ๆ และมันก็ดูเหมือนว่าผมจะเห็นแก่ตัวมากเกินไปที่ไม่ได้ให้คําตอบที่ชัดเจนกับคุณ ฮ่า ๆ มันก็ไม่เหมาะจริง ๆ ที่จะมาพูดเอาตอนนี้ … คุณรู้ไหมว่าผมรอโอกาสที่เหมาะสมที่จะบอกกับคุณอยู่ตลอดตลอดเวลา” ซู่เจินพูดขอโทษขึ้นมา
“ไม่เป็นไร ฉันไม่โกรธคุณหรอก” บริ้งค์พูดขึ้นมาพร้อมกับส่ายหัวเบา ๆ หลังจากนั้นเธอก็จ้องมองไปที่ซู่เจิน
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ผมจะบอกความจริงกับคุณเลยก็แล้วกัน จริง ๆ แล้วตั้งแต่ที่ผมพบกับคุณและขอให้คุณติดตามผมมา ผมก็ไม่เคยคิดที่จะปล่อยคุณให้ไปจากผมเลย แน่นอนว่าผมชอบผู้หญิงที่สวย ซึ่งรอบ ๆ ตัวของผมในตอนนี้มันก็เต็มไปด้วยผู้หญิงที่สวยงามมากมาย และนาตาชายังเคยบอกกับผมเอาไว้ว่า ผมมีอาการเสพติดการสะสมของอย่างหนัก อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ได้มีอารมณ์หรือความรู้สึกกับพวกเธอเลย ซึ่งผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่าคุณจะรู้สึกชอบผมได้เร็วขนาดนี้!”
ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม หลังจากนั้นเขาก็ค่อย ๆ ยื่นมือออกไปสัมผัสใบหน้าที่สวยงามของบริงค์อย่างช้า ๆ ใบหน้านี้ … เขารู้สึกชอบมันจริง ๆ!