Marvel : The King ราชาของโลกมาเวล - ตอนที่ 54
“วิส!”
เกิดแสงสว่างวาบขึ้นเบื้องหน้าของซู่เจิน ทำให้สภาพแวดล้อมโดยรอบเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวว่าเขาอยู่ที่ไหนสักแห่งและมีเสียงดนตรีดังกึกก้องอยู่ในหูของเขาอยู่ตลอดเวลา
มันเป็นเสียงเพลงที่ดังกึกก้องไปทั่วและบางครั้งเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนและเสียงกรีดร้องกันอย่างสนุกสนาน เมื่อเขามองไปรอบ ๆ ก็พบกับความมืดสลัวที่มีแสงไฟหลากสีกระพริบอยู่ตลอดเวลาและก็มีชายหญิงที่ยืนเต้นไปกับเสียงดนตรีกันอย่างสนุกสนาน เห็นได้ชัดเลยว่าที่นี่คือ ไนท์คลับ!
ซู่เจินไม่คิดว่าระบบจะเทเลพอร์ตเขามายังไนต์คลับโดยตรง และดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสังเกตเห็นตัวของเขาที่อยู่ดี ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา!
“ระบบ ครั้งนี้นายไม่มีให้เลือกฝ่ายหรืออะไรแบบนั้นงั้นหรอ?” ซู่เจินถามขึ้นมาอย่างสงสัย เพราะว่าเขาไม่ได้รับการแจ้งเตือนอะไรเลย ทั้งทีปกติมันน่าจะมี
“มันจะเป็นแบบสุ่ม ไม่ใช่ทุกดันเจี้ยนที่มี” ระบบตอบกลับมาอย่างห้วน ๆ
“อย่างงั้นหรอ!”
ซู่เจินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะเขาคิดว่ามันจะมีทุกดันเจี้ยนซะอีก
เขาสามารถอยู่ในดันเจี้ยนได้แค่สามวันเท่านั้น และเขาก็ไม่มีอะไรให้ทำนอกจากไปเอาแหวนของกรีนแลนเทิร์น ดังนั้นระบบจึงไม่น่าปล่อยให้ซู่เจินอยู่ห่างจากเนื้อเรื่องและเวลามากเกินไป และสิ่งที่ซู่เจินจะต้องทำในตอนนี้ก็คือสำรวจรอบ ๆ แล้วรอเวลา
เป้าหมายของซู่เจินก็คือแหวนกรีนแลนเทิร์นของ ฮาล จอร์แดน ซึ่งเป็นพระเอกของหนังเรื่องนี้ เดิมที่แหวนวงนี้มีเจ้าของคนก่อนชื่อว่า อบินเซอร์ [Abinxu ] เขาได้ต่อสู้กับศัตรูของเขาและได้รับบาจเจ็บสาหัส ทำให้ยานบินของเขาตกลงมาที่โลกและด้วยคำสั่งเสียสุดท้ายของเขา ทำให้แหวนได้เลือก ฮาล จอร์แดน เป็นกรีนแลนเทิร์นคนต่อไป! ดังนั้นสิ่งที่ซู่เจินจะต้องทำในตอนนี้ก็คือตรวจสอบว่า ฮาว จอร์แดน ได้แหวนของกรีนแลนเทิร์นมาแล้วหรือยัง!
ในขณะที่ซู่เจินกำลังจะเดินออกจากไนต์คลับ ทันใดนั้นหางตาของเขาก็ไปสังเกตเห็นคน ๆ หนึ่ง
ผมยาวสีน้ำตาล หน้าตาสะสวยดูแล้วมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก!
ทันทีที่ซู่เจินเห็นเธอ เขาก็เปลี่ยนใจทันทีและค่อยสังเกตอยู่ห่าง ๆ จนแน่ใจแล้วว่าเธอนั่งอยู่คนเดียว ซู่เจินก็เดินเข้าไปหาเธอด้วยรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว
“คุณจะรังเกียจไหมถ้าเกิดว่าผมจะนั่งข้าง ๆ คุณ?” ซู่เจินถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
แครอล เฟลิเซ่ เงยหน้าของเธอขึ้นมาและชำเลืองมองไปที่เจ้าของเสียงพูดและเธอก็ประหลาดใจเล็กน้อย เพราะว่าคนที่เธอเจอเป็นคนเอเชีย ซึ่งในเมืองชายทะเลนั้นเป็นสิ่งที่หายากมาก แถมเขายังมีหน้าตาหล่อเหลาและเสียงที่ทรงเสน่ห์ เธอยิ้มออกมาและพยักหน้าเบา ๆ เมื่อซู่เจินเห็นแบบนั้นเขาก็นั่งลงทันทีและยื่นมือออกไปแล้วกล่าวว่า “สวัสดีผมชื่อซู่เจิน เป็นคนจีน!”
“ฉัน แครอล เฟลิเซ่ คุณเป็นคนจีนงั้นหรอ ? มันสุดยอดมาก! ฉันก็อยากลองไปเที่ยวที่ประเทศจีนดูสักครั้ง แต่น่าเสียดายที่ฉันไม่มีโอกาสได้ไป! “
“ทิวทัศน์และอาหารจีนของจีนนั้นไม่เป็นสองรองใครในโลก มันคงจะน่าเสียดายมากถ้าเกิดว่าคุณไม่ได้ไปลองสัมผัสมันด้วยตัวเอง” ซู่เจินพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับกวักมือเรียกไปที่บาร์และขอเบียร์สักสองสามขวด “คุณอยากดื่มกับผมสักหน่อยไหม?“
“ไม่มีปัญหา!”
เฟลิเซ่ยิ้มออกมาและหันไปถามกับซู่เจินว่า “คุณกำลังจะไปที่เมืองชายทะเลใช่ไหม?“
“ใช่ ผมได้ยินมาว่าที่นั่นมันสวยงามอย่างมาก โดยเฉพาะความสวยงามที่อยู่ตรงหน้าของผม และดูเหมือนว่า….มันจะเป็นจริงซะด้วย!” ซู่เจินกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มและพูดต่อว่า “ผมคิดว่าคนที่สวยแบบคุณน่าจะมีคนตามจีบเยอะอย่างแน่นอน แล้วทำไมคุณถึงมาเที่ยวที่ไนต์คลับเพียงคนเดียวล่ะ?”
“บางทีพวกเขาอาจจะไม่ได้มีดวงตาที่สวยเหมือนคุณ” เฟลิเซ่พูดขึ้นมาแบบติดตลก
“โอ้พระเจ้า! ผมคิดว่าตาของพวกเขาคงบอดแล้วล่ะ!” ซู่เจินพูดออกมาด้วยท่าทางเกินจริง ทำให้เฟลิเซ่หัวเราะออกมาคิกคัก
ความรู้สึกแรกของเธอที่มีต่อซู่เจินในตอนนี้ก็คือ เขาเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีและเป็นคนที่ตลกมาก ทำให้พวกเขาคุยกันอย่างสนุกสนาน จนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว
“ไม่คิดเลยว่าเวลาจะผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ฉันจะต้องกลับแล้วล่ะ!”
ทันใดนั้นเฟลิเซ่ก็เริ่มรู้สึกตัวและพบว่าเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้ว ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะเธอไม่คิดว่าจะนั่งคุยกันได้นานขนาดนี้และเธอยังรู้สึกอีกว่าเวลามันผ่านไปแค่เพียงครู่เดียวเท่านั้นเอง
“น่าเสียดายจริง ๆ!” ซู่เจินกล่าวขึ้นมาด้วยความเสียใจเล็กน้อย
“นี่คือเบอร์โทรศัพท์ของฉัน คุณสามารถโทรหาฉันได้ถ้าเกิดว่าคุณต้องการไกด์นำเที่ยว!” เฟลิเซ่จดเบอร์โทรศัพท์ของเธอและส่งให้กับซู่เจิน ซู่เจินก็บันทึกเบอร์ของเธอเอาไว้ในโทรศัพท์ของเขาและลองกดโทรออกดู
“งั้นผมกลับด้วยเลยก็แล้วกัน!”
ซู่เจินกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มและพวกเขาทั้งสองคนก็เดินออกมาจากไนท์คลับด้วยกัน
“คุณพักอยู่ที่ไหนงั้นหรอ ให้ฉันไปส่งคุณไหม?” เฟลิเซ่พูดถามขึ้นมา
“ได้สิ เพราะว่าตอนนี้ผมเมามาก!” ซู่เจินตอบออกมาด้วยความกังวล
“ถ้างั้นคุณรอฉันอยู่ตรงนี้แป๊ปหนึ่ง เดี๋ยวฉันขอตัวไปเอารถก่อน!”
เฟลิเซ่ยิ้มและพูดออกมา จากนั้นเธอก็เดินไปที่รถที่จอดอยู่ข้าง ๆ
ซู่เจินเม้มริมฝีปากของเขาและยิ้มออกมา พร้อมกับทำตามที่เธอบอก
หลังจากที่เขาขึ้นรถของเฟลิเซ่เรียบร้อยแล้ว ซู่เจินก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “วันนี้ผมเพิ่งจะเดินทางมาถึงที่นี่ ทำให้ผมยังไม่ได้จองโรงแรมเอาไว้ และเนื่องจากที่คุณจะเป็นไกด์นำเที่ยวให้กับผม คุณช่วยหาโรงแรมให้ผมก่อนได้ไหม”
“คุณยังไม่ได้จองโรงแรม แถมยังไม่มีกระเป๋าเดินทาง ? คุณคงเดินทางมาที่นี่โดยวิธีที่พิเศษมาก ๆ!“
“ประมาณนั้น!” ซู่เจินกล่าวพร้อมกับยิ้มออกมา
เฟลิเซ่สตาร์ทรถและขับไปยังโรงแรมที่อยู่ใกล้ ๆ แถวนี้ โดยที่ระหว่างทางพวกเขาทั้งสองคนก็คุยกันอย่างสนุกสนาน เต็มไปด้วยบรรยากาศของความผ่อนคลาย หลังจากนั้นไม่นานเฟลิเซ่ก็ขับรถมาถึงโรงแรม แล้วเธอก็จอดรถและพูดว่า “ฉันว่าโรงแรมนี้ก็ไม่เลวนะ!“
“ผมขอขอบคุณ คุณเป็นอย่างมากสำหรับความช่วยเหลือในครั้งนี้ แล้วคุณอยากขึ้นไปดื่มกาแฟกับผมสักแก้วไหม?” ซู่เจินถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
เฟลิเซ่ยิ้มออกมาและลูบผมของเธอเบา ๆ และพูดว่า “คุณชวนฉันไปดื่มกาแฟทั้งทีคุณยังไม่ได้จองโรงแรม ? คุณไม่คิดว่ามันจะเร็วเกินไปหน่อยงั้นหรอ ? แม้ว่าฉันจะมีรู้สึกดีกับคุณ แต่มันก็ยังไม่ถึงจุดนั้น และฉันก็ไม่อยากให้ครั้งแรกกับคนที่ยังไม่ได้รู้จักกันดี แถมคุณยังเป็นนักท่องเที่ยวอีกด้วย!”
“โอ้! คุณทำให้ผมประหลาดใจจริง ๆ เอาล่ะ! ไว้เจอกันใหม่นะ” ซู่เจินไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่เขากล่าวลาเธอเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ลงมาจากรถและเดินเข้าไปในโรงแรม
หลังจากที่ซู่เจินเปิดห้องเรียบร้อยแล้ว เขาก็ใช้คอมพิวเตอร์ของโรงแรมหาข่าวเกี่ยวกับ ฮาล จอร์แดน อย่างรวดเร็วเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ในปัจจุบันของ ฮาว จอร์แดน ว่าเป็นยังไงบ้าง และหลังจากที่เขาตรวจสอบมาสักพักเขาก็พบว่า จอร์แดนเพิ่งถูกพักงาน….