Memorize - เล่มที่ 17 ตอนที่ 11
แต่ในทันทีที่ผมกลืนมันเข้าไป ผมกลับรู้สึกเหมือนกำลังโดนอะไรบางอย่างต่อยอยู่ในปาก เดิมทีนั้น น้ำตานางเงือกเป็นเครื่องดื่มที่มีรสสัมผัสนุ่มนวลสุขุมแต่จะรู้สึกได้ถึงรสหวานและสดชื่น แต่แล้วผมก็กลับรู้สึกร้อนรุ่มแล้วก็ดีขึ้น นั่นทำให้ผมรู้ได้ในทันทีว่ามีการผสมอะไรบางอย่างเพิ่มเข้าไปแน่ ผมสามารถสังเกตเห็นการเอาใจใส่ระแวดระวังของจองฮายอนเพื่อที่จะสนุกกับงานรวมตัวอย่างพอเหมาะ
“อ้า! อร่อยจริง!”
“ว้าว! พี่คะ นี่มันคืออะไรกันแน่คะ”
ใบหน้าของสมาชิกเผ่าที่ได้ดื่มน้ำตานางเงือกเข้าไปกลายเป็นสีแดงขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง พวกเขาจำนวนหนึ่งมีสีเลือดฝาดอยู่บนแก้ม และดูเหมือนอาการเมาจะเริ่มลามไปตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว
เมื่อทุกคนต่างหัวเราะยิ้มแป้นกันด้วยความตื่นเต้น ผมก็ได้ยินเสียงใครบางคนกำลังปรบมือเบาๆ
แปะๆ
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้น เราเริ่มทานอาหารกันเลยดีไหมคะ ฉันรู้มาว่ามีบางคนอดอาหารมาทั้งวันเพื่องานวันนี้ คิกๆ”
“พี่ก็! นั่นน่ะ ผมเองครับ ผมเอง! เนื้อ! เนื้อ!”
เป็นเสียงของโกยอนจูนั่นเอง คำพูดของหล่อนทำให้ทุกคนทำหน้าอยากอาหาร และได้ยินเสียงกลืนน้ำลายจากทุกที่ตามมาในทันที ณ ใจกลางสวนมีโต๊ะที่ใช้เป็นโต๊ะอาหารวางเอาไว้ และปรากฏเหล้าและอาหารจำนวนมหาศาลวางอยู่บนนั้น ดูราวกับบุฟเฟ่ต์ ผมรู้สึกได้ว่าหล่อนคงเอาใจใส่เรื่องอาหารในวันนี้อย่างมาก
หลังจากนั้น พวกเราที่ย้ายไปยังโต๊ะอาหารต่างก็ถือจานที่ถูกวางกองไว้ด้านหนึ่งขึ้นมากันคนละใบ แล้วจึงกระจัดกระจายมุ่งไปยังอาหารตามสไตล์ของตนประหนึ่งลูกศร
“ท่านพี่ยอนจู! ผมอยากกินเนื้อชิ้นนี้ครับ”
“งั้นเหรอ รอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวจะย่างให้อร่อยๆ เลย เอ้านี่ ย่างประมาณนี้พอไหม”
“ช่วยย่างให้สุกแค่ข้างนอกก็พอแล้วล่ะครับ ฮ่าๆ”
“ผมรู้ครับว่าต้องทานยังไง”
ผมมองดูอันฮยอนที่ชี้นิ้วไปยังเนื้อชิ้นหนาใหญ่ทั้งที่น้ำลายไหลเป็นทาง แล้วจึงเดินไปเพื่อไปตักอาหารของตนเช่นกัน
โกยอนจูเป็นผู้หญิงที่มีความคิดในเรื่องอาหารการกินดีมาก ผมมองผ่านๆ ไปบนโต๊ะอาหาร ก็เห็นว่ามีทั้งปลาและเนื้อทุกชนิด ไปจนถึงผักสดถูกจัดเตรียมเอาไว้ ผมบอกไว้ว่าไม่ต้องประหยัดกับงานรวมตัวนี้ก็จริงอยู่ แต่เอาเข้าจริงหล่อนก็เหมือนจะไม่ได้ประหยัดเท่าใดนัก
ไหนๆ ก็ ไหนๆ แล้ว ผมคิดกับตัวเองว่าผมควรไปสนุกจะดีกว่า ดังนั้นหลังจากที่ตักอาหารมาในปริมาณที่พอเหมาะแล้ว ผมก็นั่งลงที่โต๊ะว่างตัวหนึ่ง เหล่าสมาชิกเริ่มนั่งลงที่โต๊ะทีละคนๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่ง เพราะสามารถเติมอาหารได้เท่าที่ต้องการ
ในที่สุดโกยอนจูและอันฮยอนที่กำลังทำสีหน้าพออกพอใจที่ได้เนื้อย่างชิ้นที่อยากกินแล้ว ก็ตามมานั่งรวมกันที่โต๊ะในภายหลัง ผมหยิบช้อนส้อมขึ้นเป็นสัญญาณว่ามื้ออาหารแสนสนุกกำลังเริ่มขึ้นแล้ว
“ผะ ผมไม่ได้ทานอาหารฝีมือคุณโกยอนจูตั้งนาน คาดหวังเลยนะครับเนี่ย”
“โฮะๆ คาดหวังได้เลยค่ะ คุณชินซังยง”
“จะทานอย่างอร่อยเลยครับ!”
“อาหารยังมีเหลืออีกมาก ไม่ต้องห่วงแล้วทานเยอะๆ เลยนะคะ”
สมาชิกเริ่มทานอาหารพร้อมเล่าเรื่องราวสนุกสนานให้กันฟัง
ขณะที่ผมกำลังหาผักมาทานเพื่อล้างปากอยู่นั้นเอง จู่ๆ ก็มีมือสวยยื่นพรวดมาหน้าริมฝีปากผม เมื่อผมมองดูว่ามันคืออะไร ก็ได้เห็นว่าข้างใต้มือนั้น มีอาหารห่อผักที่ถูกห่อไว้อย่างลวกๆ อยู่ ดูเป็นอาหารห่อผักที่น่าอร่อยทีเดียว เพราะมีสีสันที่หลากหลายจากการใส่เนื้อเล็กน้อยห่อปนกับผักมากมาย
เมื่อผมเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับโกยอนจูทีเอียงศีรษะเล็กๆ กะพริบตาปริบๆ มองผมอยู่ และหล่อนก็พูดขึ้น
“ซูฮยอน ที่ผ่านมาคุณทำงานหนักมากเลยนะคะ ถึงคุณจะบอกว่าคุณละเลยก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฉันรู้ค่ะว่าคุณคือคนที่วิ่งวุ่นที่สุดเพื่อเมอร์เซนต์นารี่ นี่ถือเป็นความจริงใจเล็กๆ จากฉันเพื่อปลอบโยนความเหน็ดเหนื่อยของคุณในช่วงที่ผ่านมานะคะ”
“อ้า…ครับ ขอบคุณนะครับ ถ้าอย่างนั้น ผมทานล่ะนะครับ”
“อ๋า แล้วนี่คุณจะทำให้มือฉันต้องอับอายเหรอคะ”
ทันทีที่ผมเอื้อมมือไปจะหยิบห่อนั้นจากหล่อน โกยอนจูก็กลับส่ายหน้าและเผยสีหน้าเจ็บช้ำออกมา จากนั้นก็พูดต่อด้วยเสียงเหนื่อยอ่อนอันเป็นเอกลักษณ์ของหล่อน
“อะ อ้ามมม~”
ผมรู้สึกถึงสายตาทุกคู่รอบกายที่จ้องมา ในตอนแรกผมอยากจะปฏิเสธ แต่โกยอนจูกลับสร้างสถานการณ์ขึ้นมาภายใต้หน้ากากของความจริงใจ ผมจึงคิดว่ามันดูจะใจร้ายไปสักนิดหากผมปฏิเสธดังเช่นที่หล่อนพูดนั่น อย่างไรก็ตาม ผมอ้าปากรับผักห่อนั้นเข้าปาก เพราะคิดว่ามันคงไม่แปลกมากเท่าไหร่นัก
“โฮะๆ ดีใจจังเลย ซูฮยอน! อร่อยไหมคะ”
“ครับ ก็อร่อยดีนะครับ”
ทันทีที่ผมบอกความรู้สึกตามจริงที่แผ่ซ่านอยู่ในปากให้หล่อนฟัง ใบหน้าของโกยอนจูก็ปรากฏเป็นรอยยิ้มสว่างไสวสวยงามขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้น จะห่อให้อีกคำ…?”
ในตอนนั้นเอง ขณะที่โกยอนจูกำลังพูดต่อ ก็มีห่อผักแบบเดียวกันถูกยื่นมาจากด้านข้าง เมื่อหันไปก็พบว่าเป็นจองฮายอนที่กำลังอมยิ้มอ่อนๆ และค่อยๆ ช้อนตาขึ้นมองผม
“ฉันก็ทำเพื่อแคลนลอร์ดเช่นกันค่ะ ได้โปรดอย่าปฏิเสธเลยนะคะ”
“ฮะ…ฮ่าๆ ผู้เล่นจองฮายอน”
“อ้า”
“…ช่วยทานหน่อยนะคะ”
แววตาของจองฮายอนสั่นระริก ดูเหมือนหล่อนจะได้รับความเจ็บปวดอย่างมหาศาลถ้าหากผมปฏิเสธ ผมจึงคิดว่ามันคงช่วยไม่ได้แล้วล่ะ หลังจากเคี้ยวอันที่อยู่ในปากจนหมดแล้วกินผักห่อของหล่อนเข้าไป จองฮายอนก็หันหน้าไปอย่างอิ่มอกอิ่มใจและสบตากับโกยอนจู ทั้งสองต่างปะทะสายตากันกลางอากาศโดยที่แสยะยิ้มมุมปากกันทั้งคู่
ผมลอบมองไปรอบๆ เพราะกลัวว่าเหล่าสมาชิกเผ่าจะคิดว่ามีอะไรผิดปกติ
“นะ…นี่ แคลนลอร์ดเนี่ย เนื้อหอมจังเลยนะครับ น่าอิจฉาเสียจริง ฮ่าๆ!”
“แหมๆ ฮอตสินะ ฮอตจริงๆ อืม เป็นหนุ่มนี่มันดีจริงๆ”
แต่ความกังวลของผมดูคล้ายจะเป็นการตีตนไปก่อนไข้ เพราะดูทุกคนก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องแปลกใหม่อะไร ขณะที่ผมกำลังโล่งใจอยู่นั้น ก็กลับรู้สึกได้ถึงสัญญาณความวุ่นวายจากมือที่เคลื่อนไหวไปมาตรงโน้นตรงนี้ อียูจองและคิมฮันบยอลกำลังม้วนห่อผักกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ในตอนนั้นผมเกือบจะตกลงสู่ห้วงความกังวลไประยะหนึ่ง แต่โชคยังดีที่สัมผัสของสมาชิกสาวๆ ไม่ได้พุ่งตรงมาที่ผม แต่เป็นเหล่าชายหนุ่มคนอื่นๆ ที่ผมเพิ่งจะมารู้สึกอิจฉาพวกเขาเอาก็คราวนี้
“ฉันน่ะ อิจฉาทุกอย่างเลย ปกติฉันก็ไม่ใช่ผู้หญิงแบบนี้หรอกนะ แต่จะลองมีน้ำใจดูสักครั้งแล้วกัน อ๊ะ พี่ซังยง อ้าม”
“ยู…ยูจอง? ถ้า ถ้าทำแบบนี้…”
“คุณปู่คะ ลองทานสักคำสิคะ หนูทำเองเลยค่ะ”
“หืม? แค่ก แค่ก!”
ชินซังยงและท่านผู้เฒ่ากำลังขำกันสุดๆ แต่พอถึงทีตัวเองเข้าจริงๆ ก็กลับเอาแต่แกล้งกระแอมไอกันด้วยสีหน้าลำบากใจปนอับอาย เมื่อเห็นแบบนั้นผมก็รู้สึกขมขื่น แต่อย่างไรเสียพวกเขาก็กินผักห่อเข้าไปอย่างระมัดระวัง ถึงแม้หน้าของแต่ละคนจะร้อนผ่าวเป็นสีแดงจนแทบจะระเบิด แต่ปากที่ขยับไปมาก็ดูจะชอบอยู่ไม่ใช่น้อย
ผมคิดว่าบรรยากาศจะน่าอึดอัดเสียแล้ว แต่ก็กลับสมบูรณ์ยิ่งขึ้นได้ ต้องขอบคุณอียูจองและคิมฮันบยอลจริงๆ ในทีแรก จุดประสงค์ของการจัดงานรวมตัวนี้ก็เพื่อทำให้มิตรภาพและความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกเผ่าแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ซึ่งสามารถเห็นได้ว่าเป็นสถานการณ์ที่น่าปีติกับการสนทนาที่เป็นไปอย่างสนิทสนม
“โอ้โฮ บรรยากาศยอดเยี่ยมไปเลยนะครับเนี่ย เห็นทีคงจะอยู่เฉยๆ ไม่ได้เสียแล้วสิ”
ตอนนั้นเอง แม้แต่อันฮยอนก็แย้มยิ้มเพราะรู้สึกถึงสถานการณ์ที่น่ายินดีนี้และเริ่มม้วนผักห่อด้วยตนเอง จากนั้นเด็กชายก็ถือผักใบหนึ่งซึ่งมีขนาดประมาณฝ่ามือของเขาขึ้นมา แล้วกระทำการป่าเถื่อนโดยวางเนื้อชิ้นใหญ่ยักษ์ลงไป จากนั้นก็ยัดผักเข้าไปแบบขอไปที และสร้างความป่าเถื่อนอีกครั้งโดยการกำมือเพื่อให้ห่อผักนั้นม้วนเข้าไป
“เป็นอย่างไรบ้างครับ ไหนใครจะทาน ยกมือ! ปกติแล้วผมเองก็ไม่ใช่ผู้ชายแบบนี้เหมือนกัน แต่จะป้อนให้เป็นบริการพิเศษก็แล้วกันครับ!”
น้ำมันจากเนื้อค่อยๆ ไหลลงมาจากมือของเขาที่กำเอาไว้แน่น แม้ว่าอันฮยอนจะตะโกนออกมาด้วยความมั่นใจ แต่แน่นอนว่าไม่มีใครสักคนที่ก้าวออกมา ความจริงแล้วนั้นในตอนนี้ทุกคนต่างกำลังหลบตาพร้อมด้วยสีหน้าพะอืดพะอม อันฮยอนเกาหัวตัวเองเพราะเขาก็รู้สึกได้ และเริ่มยื่นมือตัวเองออกมา
“ท่านพี่ยอนจู! ผม…”
“ออกไป”
“ฮะ…ฮ่าๆ ท่านพี่บอกปัดจริงๆ ด้วย แต่นั่นก็ถือเป็นเสน่ห์ล่ะนะครับ แต่ช่างเถอะ…ถะ ถ้าอย่างนั้น ท่านพี่ฮายอน?”
“เอามันออกไป”
“ถะ…ถ้างั้นก็ วิเวียน!”
“หืม? นี่ ไอ้เด็กนี่! ฉันกำลังกินอย่างอร่อยเลย! เอาออกไป! นายกำลังทำให้ฉันกินไม่ลง!”
วิเวียนกำลังหมกมุ่นอยู่กับอาหารของหล่อนจนไม่แยแสกับสถานการณ์นี้ แต่เชื้อไฟลุกอยู่ในตาหล่อนราวกับว่าหล่อนโกรธอันฮยอนขึ้นมาจริงๆ จากการที่เขาทำให้หล่อนต้องสูญเสียความอยากอาหารของตนไป หล่อนจ้องเด็กชายเขม็ง
อันฮยอนลังเลก่อนที่จะถอยหลังลงไป จากนั้นเขาก็มองไปยังใครบางคนด้วยสายตาปลื้มปีติราวกับค้นพบป้อมปราการสุดท้าย แล้วหันหน้ามองตรงไปทางนั้นด้วยใบหน้าที่บอกว่าคนนี้ไม่ปฏิเสธแน่ๆ ในตอนนั้นเอง ผมก็ได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดของอียูจองจากด้านข้าง
“แหะๆ ทุกคนปฏิเสธกันหมดเลยสินะครับ”
“…”
“ถะ…ถ้าอย่างนั้นผมก็กินเองได้สิ ความจริงผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้ใครกินตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ฮ่าๆ!”
“…”
“ว้าว น่าอร่อยจัง น่าอร่อยจริงๆ นะเนี่ย เอาล่ะ ดูนะครับ ทานล่ะนะครับ!”
เขาจะรู้หรือเปล่านะว่ายิ่งทำแบบนั้น เขายิ่งดูน่าเวทนา อันฮยอนกินผักห่อเข้าไปทั้งก้อน ก่อนจะเริ่มเคี้ยวด้วยแก้มที่พองเต็ม และถึงแม้ว่าเขาจะทำท่าทาง ‘อื้ม~’ เพื่อบอกว่ามันอร่อยจริงๆ ก็ตาม แต่คนที่ฟังก็รับรู้ได้ว่าจริงๆ แล้ว มันติดคอเขาอยู่
อย่างไรก็ตาม นั่นถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของอันฮยอน แต่เมื่อผมตั้งใจว่าจะหันกลับมาเพื่อเริ่มทานอาหารของตนอีกครั้ง ผมก็สบตากับอันซลที่กำลังมองมาที่ผมด้วยสีหน้าน่าสงสาร ทันทีที่สบตากับผม หล่อนก็มีท่าทีตกใจและเริ่มขยับนิ้วไปมาอีกครั้ง ในมือของอันซลกำห่อผักเล็กๆ เอาไว้ด้วย
อันซลดูลังเลอยู่ชั่วครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดหล่อนก็ก้มหน้าลง ผมมองดูหล่อนที่ใส่ห่อผักเข้าปากพร้อมบ่นพึมพำแล้วก็ได้แต่ลอบถอนหายในอยู่ข้างใน
“ฮือออ”
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงสะอึกสะอื้นฟังดูน่าเวทนาและโศกเศร้าจากที่ไหนสักแห่งลอยมาเข้ากระทบหู