Memorize - เล่มที่ 17 ตอนที่ 5
คำว่าหลุมพรางออกมาแล้ว แม้ว่าจู่ๆ ผมจะเกิดความสงสัยตรงส่วนนี้ขึ้นมา ดูจากการรีบเปลี่ยนเรื่องแล้ว เหมือนว่าหล่อนจะไม่มีความคิดที่จะพูดคุยถึงรายละเอียดเป็นแน่
ตอนนี้ผมไม่มีแรงจะตกใจอีกแล้วล่ะ ผมได้ยินเสียงกลั้นลมหายใจดังมาจากหลายๆ ที่ ทุกคนที่มารวมตัวกันอยู่ที่นี่คงตกใจไม่น้อย ทุกคนอึ้งกันอยู่สักพัก แล้วจึงรีบตั้งสติและเริ่มเผยสีหน้าที่ดูตึงเครียดออกมา นั่นถือได้ว่าพวกเขาไม่ได้มองว่าสถานการณ์ในตอนนี้เป็นเรื่องเกินจริงแต่อย่างใด
“ยังมีอยู่อย่างหนึ่งที่ฉันยังไม่สามารถทำความเข้าใจกับมันได้”
ในตอนนั้น ผมก็ได้ยินเสียงของแคลนลอร์ดแห่งโครยอที่เคยได้ยินมาแล้วเมื่อสักครู่ เขาจ้องมองมาที่อีฮโยอึลด้วยสายตาที่ทำให้รู้สึกได้ถึงความสง่างามดูภูมิฐาน พร้อมกับประสานมือทั้งสองข้างไว้ด้วยกัน หล่อนผงกหัวหนึ่งหรือสองครั้ง จากนั้นแคลนลอร์ดแห่งโครยอจึงได้กล่าวต่อ
“แพคซอยอนได้กล่าวว่าจะทำให้ทวีปทางเหนือกลายเป็นทวีปทางตะวันตก แล้วก็ได้กล่าวว่าก้าวแรกคือการสังหารผู้พิทักษ์แห่งทวีปทางเหนือใช่ไหม”
“ใช่แล้วค่ะ”
“มันก็แน่นอนอยู่แล้วว่าพวกมันเข้าใจผิด แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จอยู่เช่นกัน บางทีหากชายหนุ่มผู้นั้น…อืม ขอโทษทีเถอะนะ หากว่าแคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่มาไม่ทันเวลาล่ะก็ เธอเองก็อาจจะตายไปแล้วเหมือนกันนี่ ใช่ไหมล่ะ”
เขาพูดถูก ถึงจะบอกว่าพวกเร่ร่อนไม่ได้แสดงผลงานก็เถอะ แต่ก่อนหน้านั้นอีฮโยอึลก็ได้ประสบกับวิกฤติแห่งความตาย หากไม่ได้ผมช่วยรักษา หล่อนคงจะตายไปแล้ว ความจริงแล้ว ในครั้งแรกนั้น ผมคาดว่าหล่อนจะตายไปแล้วเสียอีก
“ค่ะ แต่ว่า ท่านมีอะไรที่ยังไม่เข้าใจอย่างนั้นหรือคะ”
“…ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อน ว่าฉันนั้นยอมรับบทบาทและความสามารถ รวมถึงคุณงามความดีที่เธอได้ทำมาจนถึงตอนนี้ เรื่องนั้นฉันไม่ขอปฏิเสธ”
แม้จะเป็นคำพูดที่กะทันหัน แต่แคลนลอร์ดของโครยอก็ไม่ใช่ผู้ที่จะพูดอะไรเหลวไหล อีฮโยอึลไม่แสดงอาการใดๆ ออกมาว่าหล่อนรู้อยู่แล้ว และแสร้งทำเป็นว่าจะฟังต่อไป
“ฉันตั้งสมมติฐานว่าเธอได้ตายไปแล้ว เพราะฉะนั้นทวีปทางเหนือจึงสูญเสียผู้พิทักษ์ไป เฮ้อ เรื่องผู้สืบทอด นี่มันไม่ใช่เรื่องของฉันหรอกนะ แต่ที่ว่าทวีปทางเหนือเป็นเหมือนทวีปทางตะวันตกนั้น ช่างเป็นเรื่องที่เข้าใจยากเสียจริง”
“…หืมมม”
“แม้เผ่าสิงโตทองบอกว่าจะไม่เข้ามายุ่ง แต่ฉันก็ยังคิดว่ากำลังของทวีปทางเหนือยังคงเข้มแข็งที่สุดอยู่ดี ทวีปตะวันตกและพวกเร่ร่อนหมื่นห้าพันคนงั้นหรือ แม้ว่าจะเอาเพียงแค่ผู้เล่นหน่วยสู้รบของทวีปทางตะวันออกและใต้ทั้งหมดมารวมกันตอนนี้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราขาดคุณภาพ และหากเป็นกรณีนี้ เพียงแค่สังหารผู้พิทักษ์คนเดียว ก็จะทำให้ทวีปทางเหนือกลายเป็นเขตนอกกฎหมายอย่างนั้นหรือ”
เมื่อลองมาคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนดูแล้วคำพูดของแคลนลอร์ดโครยอกำลังชี้ให้เห็นถึงช่องโหว่ ไม่เพียงแค่นั้น แต่ทุกคนที่รวมกันอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ได้สร้างกองกำลังของตนขึ้นที่ฮอลล์เพลนทั้งสิ้น ทุกคนเริ่มแสดงออกทางสีหน้าออกมาว่าเห็นด้วย เพราะคิดว่าคำพูดของเขานั้นถูกต้อง
หลังจากนั้น ทุกสายตาต่างมุ่งความสนใจไปที่อีฮโยอึล หล่อนเผยรอยยิ้มกว้างออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เป็นไปตามคำพูดของแคลนลอร์ดโครยอค่ะ ไม่ผิดเลย แต่ว่ายังมีจุดที่มองข้ามไปอยู่จุดหนึ่งนะคะ”
“มีจุดที่มองข้ามอย่างนั้นหรือ”
“แพคซอยอนบอกว่า การสังหารผู้พิทักษ์คือก้าวแรกนี่คะ นั่นไม่ได้หมายความว่าจะยังมีก้าวที่สอง, ก้าวที่สามอยู่อีกหรอกหรือคะ”
“…”
แคลนลอร์ดโครยอปิดปากเงียบหลังจากคำพูดนี้ เพราะพูดไม่ออก อีฮโยอึลมองไปที่โกยอนจูแล้วมองกลับไปยังบันทึก จากนั้นก็ได้หันไปพูดกับแพคซอยอน
“ถ้าเช่นนั้น แผนการหลังจากสังหารแม่ทูนหัวแล้วคืออะไรล่ะ”
“ค่ะ ก่อนอื่น หลังจากเข้ายึดครองบาบาร่า และทำทีเป็นคบค้าสมาคมด้วยแล้ว ก็ให้ใช้งานวาร์ปเกต แล้วจึงถอยหลังไปยังเมืองฝั่งตะวันตก และคิดจะออกจากทวีปทางเหนือค่ะ”
“แล้ว?”
“เมื่อเราบรรลุเป้าหมายตามที่หวังไว้ เราตัดสินใจกันไว้ว่าจะตั้งถิ่นฐานที่ทวีปทางตะวันตกและรอคอยอีกสักระยะค่ะ และในระหว่างที่กำลังรอคอยอยู่นั้น เรามีแผนจะให้สายลับและไส้ศึกที่ลอบเข้าไปอยู่ในเผ่าต่างๆ ยุยงให้ทุกเผ่าแตกกันเองให้ถึงที่สุดค่ะ ก่อนอื่น เราได้วางอำนาจและก่อปัญหาขึ้นในบาบาร่าที่ว่างเปล่า และทำให้ความแตกแยกที่เกิดขึ้นลุกลามไปยังฝั่งตะวันตกและฝั่งเหนือ…”
แพคซอยอนพูดต่อไปเรื่อยๆ เพราะมีอะไรจะพูดมากมายเกี่ยวกับส่วนนี้ แต่เสียงดังวุ่นวายจากเหล่าผู้เล่นที่ฟังคำพูดของหล่อนอยู่ก็ไม่ได้ดังมาให้ผมได้ยินอีกต่อไปแล้ว แผนของพวกเร่ร่อนและความจริงที่ว่ามีสายลับและไส้ศึกอยู่ในเผ่า ทำให้ผมรู้สึกวุ่นวายใจ
“พวก…ใต้ดินงั้นเหรอ”
“อะ…อะไรกัน”
ผมหันมองปฏิกิริยาของทุกคน พวกเขาทั้งหมดดูตกใจจนลืมคำที่ต้องการจะพูดเลยทีเดียว แม้จะมีบางคนที่ถามว่านี่เป็นเรื่องไร้สาระใช่ไหม แต่น่าเสียดาย ที่คำพูดของแพคซอยอนนั้นเป็นความจริง
หลังจากผู้เล่นแห่งทวีปทางตะวันตกออกไป การทะเลาะเบาะแว้งของฝั่งตะวันออกและใต้ที่เริ่มกลายเป็นปัญหาการถือครองสิทธิ์ในบาบาร่าก็จะยืดเยื้อและลุกลามต่อไปเรื่อยๆ ในภายหลัง แต่ไหนแต่ไรมาทวีปทางเหนือเป็นพื้นที่แรกที่ได้ต้อนรับช่วงใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง แม้จะไม่ได้เลวร้ายเท่าทวีปฝั่งตะวันตก แต่ก็ใกล้เคียงกัน
“ตอนที่ฟังแพคซอยอนพูด ฉันก็คิดอะไรได้หลายอย่างค่ะ”
หลังจากที่แพคซอยอนพูดจบ อีฮโยอึลก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง รวมถึงเหล่าผู้เล่นส่วนใหญ่ที่ได้ฟังคำของแพคซอยอนก็มีสีหน้าเคร่งเครียด
สถานการณ์ก่อนกับหลังความจริงคลี่คลายนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง พอเอาเข้าจริง เมื่อมีสถานการณ์แบบนี้เข้ามา เราจะสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยวิธีที่สงบสุขได้จริงหรือ
ในฐานะที่ผมนั้นผ่านรอบแรกมาแล้ว ผมสามารถตอบได้อย่างมั่นใจเลยว่าไม่ได้แน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสายลับหรือไส้ศึกที่แพคซอยอนพูดถึงนั้นเป็นใคร
“การมีความเชื่อมันในตนเองหรือคิดว่าตนเองดีที่สุดนั้นมันก็ดี แต่ไม่คิดว่ามันแปลกตามที่แคลนลอร์ดโครยอพูดบ้างเหรอ แท้จริงแล้ว ถ้าหากตัดสินใจล่ะก็ ประมาณหนึ่งหมื่นห้าพันคนนั้น เราสามารถเอาชนะได้อยู่แล้ว คนน้อยก็ใช่ว่าจะแพ้นี่ แล้วถ้าพวกมันรู้เรื่องนั้นอยู่ก่อนแล้ว ทำไมถึงยังมาที่นี่กันอีกล่ะ”
“เรื่องนั้น…”
“สุดท้าย ใครสักคนก็จะนำการสอบสวนของเราในวันนี้ไปบอกกับพวกเร่ร่อนอยู่ดีนี่ ไส้ศึก หรือสายลับ อะไรก็แล้วแต่ เข้าใจแล้วใช่ไหม”
“…!”
ใครบางคนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แต่เมื่อเขาเห็นผม ก็หยุดพูดในทันที แม้จะกำลังคาดเดาว่าพวกเขาจะตัดสินใจอย่างไร แต่ผมเองก็ยังไม่รู้จริง ๆ
“อย่างไรก็ตาม เรื่องนั้นเอาไว้เพียงเท่านี้ก่อน ยังมีขั้นตอนตัดสินขั้นสุดท้ายเหลืออยู่อีกนะคะ”
“ฮ่าๆ นี่ยังมีเหลืออยู่อีกอย่างนั้นเหรอครับ”
“แน่นอนค่ะ แพคซอยอนเป็นพวกเร่ร่อนที่เห็นได้ว่าอยู่ในระดับผู้นำ แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ถึงอย่างนั้น ก็ดูเธอจะรู้คร่าวๆ ว่าสายลับหรือไส้ศึกเป็นใครนะคะ ไม่สิ แค่เพียงคนเดียวก็ได้ค่ะ เพราะเราจะสามารถเรียบเรียงเรื่องราวได้อย่างไรล่ะคะ”
เมื่อแพคซอยอนพูดจบ ก็เห็นได้ว่ามีแสงสว่างปรากฏวูบขึ้นที่ใบหน้าของทุกคน
“…”
“…”
ความเงียบปรากฏอยู่เช่นนั้นเป็นเวลานาน ไม่มีใครพูดอะไรออกมา มีเพียงลูกกระเดือกของแต่ละคนเท่านั้นที่ขยับอยู่ เสียงของแคลนลอร์ดโครยอก็ฟังดูเหนื่อยล้าต่างจากก่อนหน้านี้ ดังขึ้นในห้องประชุมอย่างแผ่วเบา
“ก่อนอื่น เราต้องตรวจสอบคำพูดนั้นดูก่อน หากเป็นจริง…เราก็ต้องเตรียมคริสตัลแห่งความสัตย์จริงไว้”
“อะไรนะ คิมซึงฮยอนคือพวกเร่ร่อนงั้นเหรอ ไอ้นี่ มันเป็นคนที่ได้รับคำเชื้อเชิญจากเผ่าสิงโตทองเมื่อก่อนหน้านี้ไม่ใช่เหรอ”
“ใช่แล้วค่ะ ฉันจำได้ว่าเคยอยู่ด้วยกันก่อนจะประกาศแยกตัวออกจากสถาบันอย่างเป็นทางการเมื่อก่อนนี้น่ะค่ะ”
การเรียกรวมพลจบลงแล้ว สุดท้าย แพคซอยอนก็สารภาพเรื่องคำพูดของพวกเร่ร่อนที่ตนเองรู้ออกมา อีฮโยอึลประกาศยุติการประชุมอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีใครเดินออกจากห้องประชุม ทุกคนต่างมุ่งความสนใจไปยังโกยอนจูและแพคซอยอน และกำลังตรวจสอบรายชื่อที่หล่อนพูดออกมา
“แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่คะ”
ในตอนนั้น ผมก็ได้ยินใครบางคนเรียกผมด้วยเสียงที่คุ้นเคย เมื่อหันไปก็เจอเข้ากับฮันโซยองที่เดินเข้ามายืนอยู่ข้างหลังโดยไม่รู้ตัว หล่อนมองหน้าผมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขยับริมฝีปากงดงามนั้น
“ลำบากมามากเลยนะคะ”
“ลำบากอะไรกัน ผมแทบไม่ทำอะไรเลยด้วยซ้ำนะครับ”
“ไม่มีใครคิดแบบนั้นหรอกค่ะ บางทีหากไม่ใช่แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่ล่ะก็…อาจจะเป็นไปตามที่พวกเร่ร่อนนั่นพูดก็ได้นะคะ”
หลังจากได้ยินเรื่องราวเหล่านั้น ฮันโซยองก็คงตกอยู่ในสภาพสับสนเช่นกัน ความจริงคงจะมีพวกเร่ร่อนที่หลบเลี่ยงสายตาของพวกผู้เล่นแฝงตัวทำงานอยู่ภายในเผ่า ผมเองก็ไม่รู้ความจริงข้อนี้เช่นกัน การจะคาดเดาว่าพวกมันจะทำอย่างไรต่อไปนั้น แม้แต่ฮันโซยองเองก็ยังคิดไม่ตกเลย
ผมยิ้มอย่างขมขื่นพร้อมกับพยักหน้า
“นั่นสินะ หลังจากได้ฟังเมื่อครู่แล้ว ดูเหมือนว่าพวกเร่ร่อนคงไม่สามารถแฝงตัวเข้าไปยังอิสตันเทลลอว์ได้สินะครับ”
“ค่ะ แต่ก็เป็นความโชคดีในบรรดาความโชคร้ายนะคะ ฉันว่าเผ่าอื่นๆ ดูจะอยู่ในสถานการณ์ที่ต่างจากเรา…”
ฮันโซยองยกมือขึ้นกอดไว้ใต้อก ขับให้ความอิ่มเอิบเด่นชัดยิ่งขึ้น แล้วจึงถอนหายใจออกมาแผ่วเบา พร้อมกับหลบสายตามองต่ำลง จากนั้นจึงพูดออกมาเบาๆ
“แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่คะ หากคุณมีเวลา ขอฉันคุยกับคุณ…”
“ซูฮยอน”
ตอนนั้นเอง เสียงของพี่ที่คราวนี้อยู่ด้านหลัง ก็แว่วเข้ามาให้ผมได้ยิน
* * *