Memorize - เล่มที่ 18 ตอนที่ 1
ในตอนนั้นเอง เมื่อผมเลื่อนสายตาขึ้นมาจากกายงามของอิมฮันนา ผมก็พบเข้ากับสายตาของหล่อนที่กำลังจ้องผมอยู่
“…”
โดนจับได้แล้วสิ ผมคิดแบบนั้นอยู่พักหนึ่ง และแม้ผมจะรู้สึกอายแต่ก็ต้องรีบคำนวณหาวิธีเผชิญหน้ากับหล่อนให้เร็วที่สุดเช่นกัน
“มะ ไม่ชอบเลยค่ะ”
“หะ หืม?”
อิมฮันนายกแขนทั้งสองข้างขึ้นกอดอกและพูดด้วยใบหน้าเขินอาย หล่อนหลุบสายตาขัดเขินลงมองพื้น ริมฝีปากเม้มแน่น ใบหน้าแดงระเรื่อ
“ฉะ ฉันไม่ชอบที่คุณมองฉัน…แบบนั้นเลยค่ะ”
“ฮึ่ม อะแฮ่ม”
ผมกระแอมไอตอบกลับไปและแสร้งมองไปทางอื่นอย่างรวดเร็วเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะพูดออกไป
“คุณ…ไปหาซื้อเสื้อคลุมมาสักตัวดีกว่านะ”
“…ค่ะ”
เมื่อผมบอกหล่อนด้วยเสียงทุ้มต่ำ ผมก็ได้รับคำตอบแผ่วเบาตอบกลับมา แต่อย่างไรก็ตามบรรยากาศรอบตัวผมกับอิมฮันนาก็ยังคงอิหลักอิเหลื่อและน่าอึดอัดอยู่ดี
“หืม?”
ตอนนี้เรากำลังอยู่ระหว่างทาวไปยังแคลนเฮ้าส์ของโครยอ แต่จู่ๆ ก็มีเสียงขึ้นจมูกที่คุ้นเคยดังขึ้นจากข้างๆ ผมรู้สึกถึงสายตาที่ทิ่มแทงมาที่แก้มผมตั้งแต่เมื่อสักครู่แล้ว และในท้ายที่สุดที่ผมสุดจะทนแล้ว ผมแอบชำเลืองไปทางด้านข้าง ทันทีนั้นผมก็มองเห็นโกยอนจูที่กำลังมองตามผมด้วยดวงตาโตของหล่อน ผมหันกลับมาอย่างรวดเร็วราวกับมีชนักติดหลัง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าผมได้สบตากับหล่อนเสียแล้ว
“หะ~หืมมม?”
แต่ทันใดนั้นเสียงนาสิกนั้นก็กลับขึ้นจมูกเสียยิ่งกว่าเดิม
“แปลกจัง แปลกเกินไป”
“…”
“ทำไมบรรยากาศระหว่างที่รักของฉันกับฮันนาถึงได้ดูอบอุ๊น~อบอุ่นน~แบบนี้กันน้า”
“ผู้เล่นโกยอนจู”
โกยอนจูพูดเหมือนให้ผมฟังหล่อนคนเดียวและยังคงจะพูดต่อไป ผมจึงทนอีกไม่ไหวต้องเรียกชื่อหล่อนออกไปในที่สุด
ในความเป็นจริงแล้วมันก็มักจะเป็นโกยอนจูเสมอที่มาช่วยเหลือผมในยามเข้าตาจน(?) เมื่อความอึดอัดเพิ่มขึ้นจนถึงจุดหนึ่งที่ไม่สามารถสบตากันได้ หล่อนก็โผล่พรวดออกมาจากไหนก็ไม่รู้และเข้ามาบอกว่าแคลนลอร์ดโครยอเรียกหาผม ให้ผมสามารถใช้เป็นข้ออ้างหลบหนีออกจากสถานการณ์นี้ได้
ซึ่งเป็นเรื่องแน่อยู่แล้วที่โกยอนจูที่อ่านสถานการณ์ได้รวดเร็วนั้นจะมองออกและข้ามไปได้อย่างลื่นไหล
หลังจากที่ยกย่องหล่อนไปครู่หนึ่งผมก็พูดขึ้นอย่างนิ่งๆ เพื่อเปลี่ยนเรื่องในระหว่างที่เรากำลังเดินเข้าไปภายในอาคารส่วนกลางกัน
“ผมได้ยินมาสักพักแล้ว ว่าแคลนลอร์ดโครยอเรียกหาผม”
“ค่ะ! ใช่แล้วล่ะค่ะ!”
“โกยอนจู”
น้ำเสียงที่โกยอนจูตอบออกมานั้นแสดงพิรุธออกมาอย่างชัดเจนทำให้ผมต้องต้องเรียกหล่อนอีกครั้ง และทันทีที่ผมหันกลับไปก็เห็นว่าหล่อนกำลังหัวเราะร่าราวกับจะถามว่าหล่อนไปทำแบบนั้นเมื่อใดกัน
“จิ๊ เอาเถอะ แล้วพอจะรู้เหตุผลที่เขาเรียกหาผมหรือเปล่าครับ ผมไม่เข้าใจเลย เพราะดูจะเป็นการเรียกแบบเร่งด่วนเสียเหลือเกินนะครับ”
“อืม…ไม่รู้สิคะ ฉันได้ยินมาว่าเป็นการเรียกระดมพลผู้บัญชาการทั้งหมดของทัพฝั่งประตูตะวันตกนะคะ คิดว่าคงเป็นการเรียกเพื่อพูดคุยถึงเรื่องที่เขาต้องการจะขอน่ะค่ะ อาจจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเดินทัพในเร็วๆ นี้ก็ได้ค่ะ”
ผมพยักหน้ากลับไปช้าๆ ลืมเรื่องเบาสมองเมื่อครู่นี้ไปเสียสนิทและกลับจมลงสู่ห้วงความคิดที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
แม้จะบอกว่าเข้ากันได้ดีแต่การจัดทัพเพิ่มเติมโดยรวมเอาเมอร์เซนต์นารี่เข้าไปด้วยก็น่าจะพูดคุยกันเรียบร้อยแล้วนี่ และผมก็ได้รู้ข่าวว่าการเตรียมพร้อมครั้งสุดท้ายเองก็จบลงแล้วเมื่อไม่นานมานี้อีกด้วย ไม่ใช่เพียงใกล้จบแต่จบลงแล้วอย่างสมบูรณ์
ดังนั้นสิ่งเดียวที่ยังเหลืออยู่ตอนนี้มีเพียงแค่การเดินทัพออกจากเมืองในเร็ววันนี้ คำพูดของโกยอนจูจึงฟังดูคล้ายจะเป็นความจริง
“พอมาคิดดูแล้วเขาอาจจะอยากจัดการประชุมรวมกำลังพลก่อนที่เราจะออกรบกันก็ได้…”
“รวมพลก่อนรบหรือคะ”
“ครับ อ้าว มากันครบแล้วสินะ รอสักครู่นะครับ ผมจะเปิดประตูให้”
ผมไม่รู้ตัวว่าเรามาถึงกันตอนไหน แต่ตรงหน้าผมและโกยอนจูตอนนี้กลับปรากฏประตูของห้องประชุมอยู่ แม้ว่าตรงกลางของด้านบนสุดจะเขียนว่า ‘ห้องควบคุมการบัญชาการ’ เอาไว้ก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงแค่คำพูดเท่านั้น เพราะความจริงแล้วก็เป็นสถานที่ที่ไม่ได้ต่างอะไรกับห้องประชุมเลย เป็นเพียงคำที่เอาไว้ใช้กรองคนที่เข้าออกห้องนี้เท่านั้นเอง
และเมื่อเปิดประตูออกและก้าวเข้าไปภายใน สิ่งที่ผมเห็นเป็นอย่างแรกก็คือภายในห้องประชุมมีกันอยู่ทั้งหมดแปดคนนั่งกระจายกันอยู่ทั่วห้อง พวกเขาส่วนใหญ่ต่างหันมามองที่ประตูเพราะรับรู้ถึงการมาของผม
“โอ้ มาแล้ว ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ! แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่!”
“โอ๊ะ! คิมซูฮยอน!”
ในตอนนั้นเอง ผู้เล่นสองคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีก็ลุกขึ้นทักทายผมอย่างยินดี และเมื่อผมหันไปมองก็เห็น ซอจินอู แม่น้ำทั้งสิบ (เผ่าโครยอ) และคิมด็อกพิล นักฆ่าพวกเร่ร่อน (เผ่ารีเวิร์ส) โบกมือทักทายมาทางผม
“ไม่เจอกันนานเลยนะครับ”
ผมไม่รู้สึกอายที่จะแสดงท่าทีว่ารู้จักกับพวกเขาเพราะเราต่างสนิทกันมาตั้งแต่ตอนที่ผมยังเป็นครูฝึกอยู่ที่สถาบันผู้เล่นแล้ว
“ว้าว นานจริงๆ นะเนี่ย ได้ยินว่ามาที่นี่เมื่อสามวันก่อนงั้นเหรอ”
“ครับ”
“แล้วทำไมกว่าจะได้เห็นหน้านายครั้งหนึ่งนี่มันยากเย็นนักล่ะ มีแค่ข่าวส่งมาว่าจัดทัพเรียบร้อยแล้วเท่านั้นเองนะ”
คิมด็อกพิลเดินเข้ามาหาผมด้วยสีหน้ายิ้มแป้นไม่เหมาะกับคำเรียกขานของเขาเลยสักนิด
และในขณะนั้นเอง ในบรรดาผู้เล่นที่เหลืออยู่อีกหกคน ซึ่งได้แต่มองเราเงียบๆ นั้น มีสามคนที่ลุกขึ้นมาทีละคนๆ
ผมได้เจอกับซอจินอูและคิมด็อกพิลแล้วคนละครั้งในรอบที่สอง ส่วนผู้เล่นที่เหลืออีกหกคนนั้น แม้ผมจะได้เจอพวกเขาเป็นครั้งแรก แต่กลับไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจกับพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ไม่สิ คุ้นเคยต่างหาก พวกเขาล้วนเป็นคนที่อยู่ในความทรงจำผมทั้งนั้น
สำหรับผมแล้วมันคือการร้องขอ…แต่บอกว่าเป็นการเรียกรวมพลงั้นเหรอ
นั่นหมายความว่าอีกหกคนที่เหลือที่อยู่ที่นี่ในตอนนี้นั้น มีความเป็นไปได้สูงว่าบางคนในนี้เป็นผู้เล่นที่มีชื่อเสียงซึ่งผมเคยเห็นหน้าค่าตามาบ้างในระหว่างวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันภายในทัพฝั่งประตูตะวันตกเมื่อก่อนหน้านี้
พอผมคิดได้เช่นนั้น ก็พลันปรากฏชายสองคนและอีกหนึ่งสุภาพสตรีเดินออกมาด้านหน้าด้วยท่าทีที่ไม่ธรรมดา หลังจากนั้นทั้งสามคนที่ยืนอยู่ต่อหน้าโกยอนจูก็ก้มหัวให้อย่างสุภาพอ่อนน้อมก่อนจะพูดขึ้น
“คิดถึงท่านเหลือเกินครับ ราชินีแห่งเงามืด”
“ไม่ได้เจอกันนานนะครับ ผู้เล่นโกยอนจู”
“ไม่ได้เจอกันนานมากนะคะ พี่ยอนจู”
แม้ว่าคำทักทายของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป แต่ก็สามารถรับรู้ได้ถึงความยำเกรงและความยินดีที่แฝงอยู่ในคำพูดเหล่านั้นได้
ผมมองดูพวกเขาอยู่พักหนึ่งก่อนจะเปิดใช้งานดวงตาที่สาม
เป้าหมายแรกคือผู้เล่นชายที่เกือบจะเป็นคนแรกที่วิ่งมาถึงตรงหน้าโกยอนจูนั่นเอง
ข้อมูลผู้เล่น (Player Status)
1. ชื่อ (Name) : อีชานฮี (ปีที่ 3)
2. คลาส (Class) : มือสังหารส่งวิญญาณ (Secret, Assassin of Requiem, Master)
3. ถิ่นกำเนิด (Nation) : บาร์บาร่า
4. ชนเผ่า (Clan) : ผู้ลอบสังหาร(Assassin, Clan Rank : A Zero)
5. นามแท้ · สัญชาติ : คำอธิษฐานเพื่อคนตาย · เกาหลีใต้
6. เพศ (Sex) : ชาย (25)
7. ส่วนสูง · น้ำหนัก : 176.3 ซม. · 63.7 กก.
8. อุปนิยาย : ความเป็นกลาง · ความพอดี (True · Neutral)
[พละกำลัง 88] [ความทนทาน 82] [ความคล่องแคล่ว 96] [ความแข็งแกร่ง 84] [พลังเวท 94 (+2)] [โชค 80]
(คะแนนความสามารถคงเหลือ 0 พอยต์)
[เปรียบเทียบทักษะ]
1. โกยอนจู : 536/600
(คะแนนความสามารถคงเหลือ 0 พอยต์)
[พละกำลัง 89] [ความทนทาน 90] [ความคล่องแคล่ว 97] [ความแข็งแกร่ง 85] [พลังเวท 93] [โชค 82]
2. อีชานฮี : 254/600
(คะแนนความสามารถคงเหลือ 0 พอยต์)
[พละกำลัง 88] [ความทนทาน 82] [ความคล่องแคล่ว 96(+1)] [ความแข็งแกร่ง 84] [พลังเวท 94] [โชค 80]
ใช้ได้เลยนะเนี่ย
ในฮอลล์เพลนนั้น คำว่าแข็งแกร่งจะหมายความถึงการหลอมรวมกันของคลาส, ค่าความสามารถ และทักษะ (ความมีเอกลักษณ์, ทักษะพิเศษ, ทักษะแฝง) ซึ่งหากมองจากมุมมองนี้จะเห็นได้ว่าค่าความสามารถและคลาสของอีชานฮีถือว่าผ่าน
และเมื่อผมกำลังจะอ่านข้อมูลผู้เล่นที่เหลืออีกสองคนนั้นเอง ผมก็ต้องหันดวงตาที่สามหนีเพราะคิมด็อกพิลที่เข้ามาใกล้จู่ๆ ก็ยื่นมือมาทางผม
“มีนี่ด้วยนะ สักมวนไหม”
“…”
ผมคิดอย่างลังเลใจว่าจะยกนิ้วกลางให้เขาดีไหม แต่แล้วผมก็เปลี่ยนใจ
“ผมไม่สูบครับ”
“ชิ งั้นก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ไฟท์ติ้ง!”
ขณะที่ผมมองดูคิมด็อกพิลที่กำลังเดินไปยังประตูอย่างไม่รีบร้อนโดยที่ทำท่ายกนิ้วโป้งไปด้วย เห็นแบบนั้นผมก็ลืมคำที่จะพูดไปเสียสนิท แล้วไอ้ไฟท์ติ้งคืออะไรกันล่ะนั่น?
“ฮ่าๆ ผมรู้สึกมาตั้งแต่ตอนอยู่ที่สถาบันแล้วล่ะ ผู้เล่นคิมด็อกพิลดูจะถูกใจแคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่มากเลยนะครับ”
ตอนนั้นผมก็ได้ยินเสียงของซอจินอูที่เข้ามาโดยที่ผมไม่รู้ตัวดังมาจากด้านหลัง ผมถอนหายใจแผ่วเบาออกมาก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจนัก
“อ้า ครับ ว่าแต่ไม่เห็นแคลนลอร์ดโครยอเลยนะครับ เห็นว่ามีธุระนี่ครับ”
“ท่านอยู่จนถึงเมื่อสักครู่นี้เองครับ พอดีเห็นว่าธุระด่วนท่านเลยต้องไปน่ะครับ ท่านบอกว่าจะรีบกลับมา อยู่รอสักครู่ดีไหมครับ แม้จะไม่ทั้งหมดแต่หลายๆ ท่านก็จะยังอยู่จนถึงจบการประชุม ผมเลยคิดจะใช้โอกาสนี้ในการทำความรู้จักกันน่ะครับ”