Memorize - เล่มที่ 18 ตอนที่ 2
เขาไม่อยู่ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมบรรยากาศถึงได้ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าที่ผมคิด
ผมยักไหล่ให้กับคำพูดของซอจินอู และหลังจากที่นั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่แล้ว ผมก็เริ่มมองไปรอบตัวอย่างช้าๆ
ไหนๆ ผมก็ต้องรอแล้วนี่ ผมเลยว่าจะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์โดยการสำรวจข้อมูลของเหล่าผู้เล่นคนอื่นๆ ไปพลางๆ ดังนั้นผมจึงหันไปทางผู้เล่นอีกสามคนที่ผมพูดด้วยเมื่อสักครู่นี้
ผู้เล่นที่ยืนเงียบๆ อยู่ด้านข้างนั้นก็คืออีชานฮี ‘มือสังหารส่งวิญญาณ’ ที่ได้เจอกันเมื่อสักครู่แล้ว ชายคนต่อมาที่กำลังมองไปยังโกยอนจูด้วยสายตาร้อนแรงคือ ‘หมอ’ ซนชีฮยอก และหญิงสาวที่กำลังพูดโม้คุยโวไปเรื่อยเปื่อยนั้นก็คือ ‘พยาบาล’ คังเยบินนั่นเอง ผมสามารถเดาได้เลยว่าพวกเขาทั้งสี่คนคงสนิทกันมากพอสมควร ดูจากที่พวกเขากลับไปรวมตัวพูดคุยกันอีกครั้งร่วมกับโกยอนจู
อีชานฮี…อ้า เป็นศัตรูสินะ ผมเคยคิดว่าเขาจะตามโกยอนจูไปในภายหลัง ส่วนซนชีฮยอกและคังเยบิน ใช่พวกเขาที่มีชื่อเสียงผ่านการทำกิจกรรมกลุ่มกันสองคนอะไรนั่นหรือเปล่านะ ความทรงจำเกี่ยวกับพวกเขานั้นไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นัก
ผมค่อยๆ รื้อฟื้นความจำหลังจากที่ได้ดูข้อมูลผู้เล่นของซนชีฮยอกและคังเยบินแล้ว พอมาลองคิดดูแล้ว ก็พบว่าพวกเขาทั้งสองคือคนที่ผมแทบจะไม่เคยพูดถึงเลยตั้งแต่เริ่มทำกิจกรรมอย่างจริงจังมา แม้จะจำได้ไม่ละเอียดนักแต่ผมคิดว่าพวกเขาตายไปแล้วเสียอีก
ยังไม่มีทีท่าว่าการพูดคุยเรื่อยเปื่อยของทั้งสี่คนจะจบลงเลยแม้แต่น้อย พวกเขาคงมีเรื่องให้คุยกันเยอะจริงๆ ผมเลียริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น รอบนี้ผมตั้งใจจะดูข้อมูลของสุภาพสตรีลึกลับที่กำลังสัมผัสไพ่ทาโร่ต์และชายคนหนึ่งที่ดูมัวหมองและกำลังนั่งก้มหัวจนเหมือนตาย
และในตอนนั้นเอง
หืม?
จู่ๆ ผมก็รู้สึกว่ามีสายตากำลังจับจ้องผมมาจากทางด้านซ้าย และเมื่อผมหันไปทางที่ผมรู้สึกว่ามีสายตานั้นอยู่ ผมก็ได้เห็นหญิงสาวผมยาวสลวยคนหนึ่ง และถึงแม้ว่าหล่อนจะได้ปะทะสายตากับผมแล้วหล่อนก็ไม่ได้หลบตาไปทางอื่น
ริมฝีปากอวบอิ่มปิดสนิทปรากฏเด่นชัดอยู่บนใบหน้าเรียวงามรูปไข่ จมูกสูงสวยแต่ปลายกลับมนลง เอวคอดสวยและเรียวขายาว เหล่านี้ล้วนให้ความรู้สึกว่าหล่อนเป็นหญิงสาวร่างผอมบางคนหนึ่ง
แต่หากจะมีบางจุดที่น่าเสียดายก็คงจะเป็นสายตาและบรรยากาศรอบตัวหล่อนเองนั่นล่ะ
แม้ว่าดวงตาของหญิงสาวจะนิ่งสงบจนทำให้นึกถึงเซราฟ แต่รูปทรงของตากลับเลิกขึ้นเล็กน้อย นั่นทำให้ผมไม่สามารถลบความคิดที่ว่าหล่อนกำลังโกรธอยู่เล็กๆ ออกไปได้เลย และเมื่อนำทุกอย่างมาประกอบรวมกันก็ทำให้บรรยากาศรอบตัวหล่อนนั้นดูจองหองอวดดีและเย็นชาได้อย่างน่าประหลาด จนผมรู้สึกเหมือนกำลังมองดูลมพายุหิมะทางเหนืออยู่อย่างไรอย่างนั้น
ข้อมูลผู้เล่น (Player Status)
1. ชื่อ (Name) : นัมดาอึน (ปีที่ 4)
2. คลาส (Class) : ราชินีแห่งดาบ (Secret, Queen of Sword, Master)
3. ถิ่นกำเนิด (Nation) : บาร์บาร่า
4. ชนเผ่า (Clan) : ช็อนดุน (天屯, Clan Rank : B Plus)
5. นามแท้ · สัญชาติ : ราชินีแห่งคมดาบ, ผู้ชิงชังบุรุษเพศ · เกาหลีใต้
6. เพศ (Sex) : หญิง (24)
7. ส่วนสูง · น้ำหนัก : 168.5 ซม. · 48.5 กก.
8. อุปนิสัย : ความเป็นกลาง · รอยแผลเป็น (Cool · Scar)
[พละกำลัง 93] [ความทนทาน 78] [ความคล่องแคล่ว 95] [ความแข็งแกร่ง 91] [พลังเวท 94] [โชค 93]
คะแนนความสามารถคงเหลือ 0 พอยต์
[เปรียบเทียบทักษะ]
1. คิมซูฮยอน : 564/600
(คะแนนความสามารถคงเหลือ 6 พอยต์จากค่าความสามารถอิสระ)
[พละกำลัง 96(+2)] [ความทนทาน 92] [ความคล่องแคล่ว 98] [ความแข็งแกร่ง 92(+2)] [พลังเวท 96] [โชค 90(+2)]
2. นัมดาอึน : 543/600
(คะแนนความสามารถคงเหลือ 0 พอยต์)
[พละกำลัง 93] [ความทนทาน 78] [ความคล่องแคล่ว 95] [ความแข็งแกร่ง 91] [พลังเวท 94] [โชค 92]
ผมแทบจะอดใจพูดบ่นพึมพำตามประสาไม่ได้ แม้จะได้ยินชื่อเสียงของหล่อนมาอย่างหนาหูในรอบแรก แต่การได้มาเห็นค่าความสามารถของหล่อนที่สูงขนาดนี้แม้จะยังไม่ได้มีอุปกรณ์มาเสริมก็นับว่าหล่อนนั้นน่าจับตามองมากทีเดียว
แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหาไปเสียทีเดียว
ค่าความทนทานมีอยู่เพียงตาตุ่มเท่านั้นเองนี่
รอยยิ้มขมขื่นเผยออกมาเองโดยอัตโนมัติด้วยความรู้สึกราวกับผมกำลังมองดูตัวเองดิ้นรนเพราะปัญหาทางด้านความแข็งแกร่งอย่างไรอย่างนั้น
อย่างไรก็ตาม นอกจากเรื่องนั้นแล้วหล่อนก็ดูเป็นผู้หญิงที่น่าค้นหาและมีความพิเศษในตัวหล่อนเองอยู่แล้ว เมื่อเปรียบเทียบชื่อจริงของผม ‘เจ้าของดาบ’ กับชื่อจริงของหล่อน ‘ราชินีแห่งคมดาบ’ ก็นับว่ายังมีจุดที่ผมสงสัยอยู่และผมยังอยากรู้เรื่องอุปนิสัยตรงคำว่า ‘รอยแผลเป็น’ ที่ถูกบันทึกไว้อีกด้วย
นัมดาอึนยังจ้องผมอยู่อย่างนั้นไปสักพักก่อนจะละสายตาไปเอง ดูเหมือนหล่อนจะแปลความไปว่าที่ผมมองไปกลางอากาศนั้นก็เพื่อจะหลีกเลี่ยงสายตานั่นเอง แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นเพราะผมต้องการจะอ่านข้อมูลผู้เล่นของหล่อนต่างหากล่ะ
แกร่ก
“นี่ สายไปนิดนะ”
ในตอนนั้นเองผมก็ได้ยินเสียงเรียกผมดังขึ้นพร้อมกับเสียงประตูที่ถูกเปิดออก และเมื่อมองไปยังประตูผมก็สามารถรับประกันได้เลยว่าแคลนลอร์ดโครยอได้มาถึงแล้ว
“แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่อยู่หรือเปล่า”
เมื่อเขาเอ่ยปากถาม ผมจึงปิดดวงตาที่สามลงก่อนจะลุกขึ้นยืน
ทันทีที่แคลนลอร์ดโครยอเข้ามา เขาก็ขอความเห็นใจจากเราก่อนจะประกาศยกเลิกการประชุมของผู้บัญชาการ ด้วยเหตุผลว่าแคลนลอร์ดจำนวนหนึ่งที่ควรมารวมตัวกันที่นี่มีธุระส่วนตัวกันกะทันหัน เขากำลังพูดถึงปัญหาในการประสานงานกันระหว่างทัพอื่น แต่ผมกลับคิดว่าเขากำลังพูดอ้อมค้อมไปเรื่อยอยู่มากกว่า
พูดกันตามตรงแล้ว หากว่าผมจะมีความขัดเคืองอะไรกับทางตะวันออก ก็คงจะเป็นเรื่องขั้นตอนการเตรียมรับมือสงครามล่ะมั้ง ผมรู้ตัวดีว่าผมใจร้อน แต่มันก็ช่วยไม่ได้ที่ผมจะรู้สึกว่าขั้นตอนกระบวนการในเตรียมตัวรับสงครามนั้นเฉื่อยชามากเกินไป แถมยังมีรูรั่วอยู่หลายจุดอีกต่างหาก การยกเลิกการประชุมผู้บัญชาการนี้ทำให้เห็นว่าเรายังไม่มีกฎระเบียบที่เป็นรูปธรรมและเห็นได้ชัดเจนเลยด้วยซ้ำ
พอจะรู้แล้วว่าในการต่อสู้ครั้งแรก ทำไมฝั่งตะวันออกจึงได้แพ้ราบคาบขนาดนั้น
ความไม่พอใจข้อนี้ของผมแน่นอนเลยว่าเป็นความไม่พอใจที่มาจากการเปรียบเทียบ เพราะในรอบแรกฮันโซยองเตรียมพร้อมรับสงครามอย่างละเอียดถี่ถ้วน หล่อนเด็ดเดี่ยวในเวลาที่ต้องเด็ดเดี่ยว แต่เมื่อถึงเวลาที่สถานการณ์และเงื่อนไขต่างๆ ต้องถูกจัดการ ‘ราชินีแห่งเลือดและเหล็ก’ ก็ทำให้เห็นว่าหล่อนสามารถจัดการขั้นตอนกระบวนการทุกอย่างได้อย่างเป็นระบบ
“ต้องขอโทษจริงๆ นะครับ แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่”
ผมมองไปยังแคลนลอร์ดโครยอที่เห็นได้ชัดว่าดวงตาลึกโบ๋จนเรียกได้ว่าน่าเกลียด ก่อนจะส่ายหน้ากลับไปเพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร
อย่างไรก็ดี ช่วงที่ฮันโซยองบินขึ้นสู่จุดสูงสุดนั้น เป็นช่วงเดียวกับที่ความคิดเรื่องสงครามมีขึ้นมาและเป็นที่ชินชากันในหมู่ผู้เล่นเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง และผมคิดว่าการที่เหล่าผู้เล่นในตอนนี้ยังถือว่าขาดประสบการณ์พอๆ กับที่พวกเขาเริ่มคุ้นเคยกับการเดินทางไกลเพื่อไปรบก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้อีกเช่นกัน
“พอเอาเข้าจริงๆ เมื่อการสู้รบใกล้เข้ามาพวกเขากลับไม่มีสติสตังกันเอาเสียเลยนี่สิครับ การเตรียมพร้อมทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว แต่ทำไมยังมีปัญหาเกิดขึ้นมาอีก ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ก็ต้องเตรียมให้มันพร้อมเสียตั้งแต่แรกสิ ผมต้องกลืนคำพูดที่เกือบจะออกมาจากคอหอยลงไป
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจว่าคุณมักจะยุ่งเสมอ”
“ฮ่าๆ ขอบคุณนะครับที่พูดแบบนั้น แต่หากจะต้องแก้ตัว เห็นจะเพราะอีฮโยอึลได้เสนอแนวทางเกี่ยวกับปัญหานั้นเราจึงกำลังอยู่ในระหว่างหารือกันอยู่น่ะครับ”
“แนวทางหรือครับ ไม่ใช่ว่าการเตรียมพร้อมทุกอย่างเกือบจะเรียบร้อยหมดแล้วหรอกหรือครับ”
“อ้า ก็เป็นตามนั้นครับ เพียงแต่เธอบอกว่าต้องระวังตัวแปรบางอย่างด้วยน่ะครับ เธอบอกว่าเราควรต้องคัดเลือกผู้เล่นจำนวนหนึ่งที่มีความสามารถเพื่อเตรียมตัวรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ…และเพื่อที่จะทำเช่นนั้นได้ ผมจึงต้องยื่นมือเข้าไปยุ่งกับการจัดทัพมันจึงออกมาเป็นแบบนั้นครับ เพราะหากเราเลือกผู้เล่นอย่างไม่รอบคอบแล้ว อาจทำให้เราเสียสมดุลที่ปรับไว้อย่างดีที่สุดแล้วได้นะครับ”
แคลนลอร์ดโครยอทำหน้าเหมือนคิดหนักก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ผมกำลังหมายความว่าเรามีกันแค่สองคนเท่านั้น และผมเองก็รู้ดีว่าความจริงแล้วสงครามครั้งนี้ยังไม่ถือว่าสมบูรณ์แบบนัก ดังนั้นจึงพอจะเข้าใจว่าอีฮโยอึลต้องการจะพูดอะไร โดยส่วนแต่แล้ว ผมเองก็ไม่ได้ชอบเธอนักแต่ว่า…มันก็ไม่เคยมีผลเสียอะไรเกิดขึ้นกับผมเพราะการรับฟังอีฮโยอึล ดังนั้นจึงคิดว่าเราจำเป็นต้องเก็บมันไว้ในใจน่ะครับ”
ผมรู้สึกแปลกใจและจ้องไปที่แคลนลอร์ดโครยอ ความจริงแล้วเขามีสิทธิ์ที่จะชะตาขาดในสงครามครั้งนี้ด้วยซ้ำ ซึ่งตามที่ผมพอจะหยั่งรู้ได้นั้น หลังจากที่ฝั่งตะวันออกแพ้ลุ่ยไปแล้ว พวกเขาก็ยังได้รับการโจมตีจากบรรดาศัตรูอยู่ และแคลนลอร์ดโครยอลอร์ดก็เข้าร่วมโดยทำหน้าที่อยู่กองป้องกันการโจมตีนั่นเอง
การประเมินโดยทั่วไปของแคลนลอร์ดโครยอถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี แม้ว่าเขาจะมีความตรงไปตรงมาและเถรตรงเกินไปบ้าง แต่ในฐานะแคลนลอร์ดก็นับว่าเขาเป็นผู้ที่มีความสามารถและศักยภาพมากพอเช่นกัน ไม่ว่าจะมองอย่างไร สิ่งที่เขาเปิดเผยสู่ภายนอกอาจจะดูคล้ายผม แต่ในความเป็นจริงแล้วนับว่าเราแตกต่างกันมากทีเดียว
“ตอนนี้ผมยังไม่สามารถตัดสินใจเรื่องการแก้ปัญหาได้ในตอนนี้ เพราะฉะนั้นจึงคิดว่าจะขอใช้เวลาคิดให้มากกว่านี้อีกสักหน่อย เพราะการต่อสู้กำลังใกล้เข้ามาแล้วในตอนนี้น่ะครับ”
“…ผมเข้าใจครับ แต่ได้ยินว่าคุณเรียกผมมานี่ครับ”
“อ้า มัวแต่คิดว้าวุ่นจนลืมประเด็นสำคัญไปเสียสนิทเชียวครับ ที่ผมยังให้แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่อยู่ก็เพราะมีเรื่องอยากจะขอร้องน่ะครับ”
“ขอร้องงั้นหรือครับ”
แคลนลอร์ดโครยอพยักหน้าตอบกลับมา
“ครับ ไม่เชิงว่าเป็นการขอร้องเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับแพคซอยอนน่ะครับ ทางผมนั้นรู้สึกขอบคุณที่คุณได้ทำการส่งมอบเธอมาให้กับเรา เพราะแบบนี้ทำให้เผ่าทั้งหลายสามารถจัดการกับปัญหาสายลับภายในเผ่าของตนได้ครับ”
“ไม่เป็นปัญหาหรอกครับ ผมโล่งใจเสียอีกที่ปัญหาถูกจัดการได้เสียทีน่ะครับ”
“ครับ ความจริงผมควรจะคืนเธอให้ แต่รู้มาว่าแพคซอยอนจะต้องโทษประหารตามการตัดสินพิจารณาคดีของอีสตันเทลลอว์ล่ะครับ”
“ใช่ครับ ทางนั้นไม่มีความคิดที่จะไว้ชีวิตเธอและคิดจะสำเร็จโทษเธอให้เสร็จสิ้นก่อนการสู้รบจะเกิดขึ้นถ้าหากเป็นไปได้ครับ”
ผมตอบไปตามที่ผมคิดไว้เสมอ เพียงเท่านั้น ผมก็ได้เห็นว่าความเหน็ดเหนื่อยแม้จะเพียงเล็กน้อยสลายหายไปจากสีหน้าของโครยอลอร์ดในทันที
โครยอลอร์ดพูดขึ้นอีกครั้ง
“นั่นนับว่าเป็นเรื่องดีเลยนะครับ ถ้าอย่างนั้น…คุณพอจะชื่นชอบอีเวนต์นี้บ้างหรือไม่ล่ะครับ”
เรื่องดีอย่างนั้นเหรอ
ผมเกิดความสงสัยเกี่ยวกับคำพูดที่ไม่คาดคิดของแคลนลอร์ดโครยอขึ้นมาแวบหนึ่ง เขาที่กำลังอมยิ้มเล็กๆ อยู่ต่อหน้าผมในตอนนี้