Memorize - เล่มที่ 18 ตอนที่ 3
เวลาผ่านไป และในที่สุดกำหนดการเดินทัพก็ถูกปล่อยออกมาแล้ว แม้โดยส่วนตัวแล้วผมจะยังรู้สึกว่าการเตรียมพร้อมยังขาดตกบกพร่องอีกมาก แต่ด้วยการกระทำของเผ่าสิงโตทองคำ ซึ่งผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมจึงจำเป็นต้องออกเดินทัพอย่างช่วยไม่ได้จริงๆ
ทันทีที่ผมมาถึงสถานที่ปล่อยทัพผมก็ต้องตกใจ เพราะจำนวนคนที่ล้นหลามจากการรวมตัวกันของฝูงชนเหล่าผู้เล่นฝั่งตะวันออกทั้งหมดนั่นเอง และรอบแท่นพิธีที่ถูกติดตั้งไว้ตรงใจกลางจัตุรัสที่กำลังวุ่นวาย ปรากฏเหล่าผู้เล่นจำนวนหนึ่งหมื่นหกพันคนที่เข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้กำลังยืนเรียงแถวตามทัพที่ตนสังกัดกันด้วยตนเอง แต่อีกสถานที่หนึ่งกลับมีบรรยากาศที่คึกคักเร่าร้อนเพราะเต็มไปด้วยกลุ่มคนมหาศาลจนไม่เหลือที่ให้ยืน
“เฮฮฮ!”
ในตอนนั้นเองเสียงตะโกนโห่ร้องด้วยความยินดีก็ดังกึกก้องไปทั่วทุกสารทิศ จุดรวมของเสียงตะโกนโห่ร้องนั้นก็คือแคลนลอร์ดโครยอและเหล่าผู้ติดตามของเขาที่เดินตามมาด้านหลังและกำลังฉุดกระชากลากถูผู้เล่นหญิงสาวมาด้วยคนหนึ่งนั่นเอง
หลังจากมาถึงใจกลางพิธีแล้วแคลนลอร์ดโครยอก็เดินขึ้นไปบนแท่นพิธีทันที ผมหันสายตาไปพินิจพิเคราะห์ทางแท่นพิธีอย่างรวดเร็ว ผมจึงทันเห็นเหล่าผู้ติดตามที่ลากแพคซอยอนมาจับให้หล่อนนั่งคุกเข่าลงตรงใจกลางพิธีนั้นเอง
หลังจากที่ใช้เวลาไปอึดใจหนึ่งในการเตรียมพร้อม งานกล่าวสุนทรพจน์ก่อนการเดินทัพก็ได้เริ่มต้นขึ้น
“ผู้เล่นฝั่งตะวันออกที่เคารพรักทุกท่าน พวกเราทุกคนต่างรอคอยเวลานี้กันมาเนิ่นนานเหลือเกิน”
และเมื่อแคลนลอร์ดโครยอลอร์ดเริ่มพูด เสียงอึกทึกวุ่นวายก็พลันเงียบลงไปในชั่วพริบตา
“ผมจะไม่ขอพูดให้ยืดยาว บัดนี้ถึงเวลาแล้วครับ”
“เฮฮฮ!”
เสียงโห่ร้องดังขึ้นอีกครั้ง แคลนลอร์ดโครยอยังคงกล่าวสุนทรพจน์ต่อไปอย่างฉะฉานท่ามกลางความโกลาหลเหล่านั้นราวกับใช้เวทขยายเสียง
“สถานการณ์ในตอนนี้…”
ขณะที่ผมกำลังตั้งใจฟังสุนทรพจน์อยู่เงียบๆ นั้นเอง โกยอนจูที่ยืนอยู่ข้างผมทางด้านขวาก็ได้กระซิบกับผม
“ซูฮยอน ทำไมถึงปฏิเสธล่ะคะ”
“ครับ?”
“อีเวนต์น่ะสิคะ ทั้งที่คุณจะเป็นจุดเด่นแท้ๆ เลยนะคะ”
“ไม่ละครับ ถึงจะไม่เกี่ยวกับอีเวนต์อะไรพวกนั้น แต่ผมก็ไม่ได้อยากจะตกเป็นประเด็นหรอกนะครับ”
ผมตอบไปแบบง่ายๆ ก่อนจะหันไปมองแพคซอยอนที่นั่งก้มหน้าอยู่ตรงกลางแท่นพิธี แม้จะมองไม่เห็นหน้าแต่เพียงมองแค่สภาพหล่อน ผมก็สามารถบอกได้แล้วว่าหล่อนกำลังเข้าใกล้คำว่าอ่วมเข้าไปทุกที
เสื้อผ้าถูกฉีกขาดหลายจุดและผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิงไม่เป็นทรง เมื่อเห็นแบบนั้นผมก็รู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่าหล่อนคงจะถูกแตะต้องจากเหล่าผู้เล่นนับไม่ถ้วนระหว่างที่ถูกส่งมอบไปยังเผ่าต่างๆ เป็นแน่ เพราะถ้าหากสนใจแค่เพียงเพศสภาพของหล่อนแล้ว แพคซอยอนก็ถือว่าเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์มากคนหนึ่ง
“…เพราะแบบนั้นครับ ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยจับตาดูตรงนี้กันให้ดีด้วยนะครับ พวกเร่ร่อนที่กำลังคุกเข่าอยู่ที่นี่ตอนนี้ ทุกๆ ท่านคงจะรู้นะครับว่าเธอเป็นใคร เธอคือแพคซอยอนหนึ่งในตัวจริงที่ทำให้ทวีปทางเหนือต้องตกอยู่ในความวุ่นวายนั่นเองครับ”
“วู้ววว!”
“ฮ่าๆ เหตุผลที่แพคซอยอนมาอยู่ตรงนี้ ใช่ครับ อย่างที่ทุกท่านคงทราบกันดีอยู่แล้ว…นั่นก็เพราะผู้เล่นคิมซูฮยอน แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่ ผู้ที่ทำให้แผ่นดินใหญ่ลุกเป็นไฟอยู่ขณะนี้จับเธอมานั่นเองครับ ดังนั้นผมจึงปรารถนาจะใช้ที่ตรงนี้ในการถ่ายทอดความรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งแก่แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่สักครู่นะครับ”
ในตอนนั้นผมก็รู้สึกได้ว่าตัวผมตกเป็นเป้าสายตาจากผู้คนรอบข้าง พร้อมกับเสียงตะโกนโห่ร้องที่ดังต่อเนื่องราวดอกไม้ไฟ
“โว้ววว!”
“คิมซูฮยอน! คิมซูฮยอน! คิมซูฮยอน!”
จะทำยังไงดีล่ะทีนี้
อย่าเรียกชื่อผมกันนักสิ
“คิมซูฮยอน! คิมซูฮยอน! คิมซูฮยอน!”
พอเถอะ ขอร้องล่ะ
“โอ้ว! พวกเขาเรียกชื่อที่รักของฉันด้วยละ โบกมือให้พวกเขาหน่อยเถอะค่ะ”
“ไม่เอาหรอกครับ”
ผมปฏิเสธไปอย่างไร้เยื่อใย เมื่อผมรู้สึกไม่สะดวกใจ เสียงของโกยอนจูก็กลับทำให้ผมรู้สึกเบิกบานขึ้นมาได้
เวลาผ่านไปเช่นนั้นสักพัก จนเมื่อเสียงโห่ร้องตะโกนเรียกชื่อผมค่อยๆ เงียบลงไปแล้ว ผมจึงสามารถกลับไปให้ความสนใจกับแท่นพิธีได้อีกครั้ง แคลนลอร์ดโครยอเดินเข้าไปหาแพคซอยอนและดึงดาบเงาวับเพราะต้องแสงแดดของเขาออกมาโดยที่ผมไม่รู้ตัว
“ฉันเชื่อว่าเราจะสามารถคว้าชัยชนะในสงครามครั้งนี้มาได้แน่นอนครับ ถ้าอย่างนั้นก่อนที่เราจะเริ่มเดินทัพกัน ผมมีบางอย่างอยากจะถามทุกท่านครับ แพคซอยอนเป็นพวกเร่ร่อน เราจะจัดการกับคนเร่ร่อนคนนี้อย่างไรดีครับ”
“ฆ่ามัน! ฆ่ามัน! ฆ่ามัน!”
“ใช่แล้วครับ โดยปกติแล้วหลายเผ่าเลือกที่จะดัดนิสัยพวกเร่ร่อน หรืออาจจะมีบางเผ่าที่ยืนกรานว่าต้องเก็บพวกนี้ไว้ แต่ผมคิดต่างออกไปครับ พวกเร่ร่อนเป็นศัตรูของเหล่าผู้เล่น และเป็นศัตรูที่ต้องกำจัดเสียให้สิ้นซากโดยไม่มีเงื่อนไขครับ หากจะให้ยกตัวอย่างใกล้ๆ ตัวล่ะก็ ทุกท่านคงจะทราบกันดีถึงแผนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์พวกเร่ร่อนรวมถึงผลลัพธ์ที่กลับมาด้วยเช่นกันนะครับ”
เป็นการเหน็บแนมเผ่าสิงโตทองนิดๆ เท่าเม็ดถั่วเขียว
แต่การกล่าวสุนทรพจน์ของแคลนลอร์ดโครยอในสถานการณ์เช่นนี้ นับว่ามีพลังในการโน้มน้าวสูงมาก เพราะเหล่าผู้เล่นยิ่งตะโกนเรียกร้องให้สังหารหล่อนกันหนักหน่วงยิ่งขึ้นกว่าเดิมเสียอีก พร้อมๆ กับเสียงโห่ร้องเหล่านั้น ผมเห็นเขาค่อยๆ ยกดาบในมือขึ้นมาช้าๆ
“ถ้าอย่างนั้นตั้งแต่นี้ไป”
“ฆ่ามัน! ฆ่ามัน! ฆ่ามัน!”
“ผมขอประกาศการช่วงชิงบาร์บาร่าแห่งเมืองทางตะวันออกกลับคืนมาอย่างเป็นทางการนับแต่นี้เป็นต้นไปครับ!”
“วู้ววว!”
และในเวลาเดียวกันกับที่ประกาศการช่วงชิงอย่างเป็นทางการออกมา เมื่อความบ้าระห่ำของเหล่าผู้เล่นพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด ดาบที่แคลนลอร์ดโครยอถืออยู่ก็ฟันฉับลงไปทันที
ฉับ!
เป็นการโจมตีที่เฉียบขาดจริงๆ
ศีรษะของแพคซอยอนลอยคว้างอยู่กลางอากาศชั่วครู่หนึ่งก่อนจะตกลงมากลิ้งหลุนๆ อยู่ที่พื้น เลือดเป็นสายเล็กๆ ของหล่อนที่พุ่งกระฉูดออกมาจากคอพุงกระจายขึ้นไปบนอากาศอย่างงดงาม
“เราจะเริ่มเดินทัพจากทัพฝั่งประตูตะวันออกก่อนครับ ทุกคนเข้าประจำที่!”
แพคซอยอนถูกสำเร็จโทษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หลังจากการสำเร็จโทษแพคซอยอนต่อหน้าธารกำนัลจบลง เขาก็ประกาศเดินทัพอย่างจริงจังไปยังบาร์บาร่าต่อเป็นการปิดท้าย
มีหลายเส้นทางที่สามารถใช้ในการเดินทางไปยังบาร์บาร่าได้ แต่วิธีที่ทำให้เดินทางได้เร็วที่สุดคือการเลือกใช้ทางที่เป็นเส้นตรง
ความจริงแล้วหากเราลองมองดูเส้นทางการอพยพของเมืองทางตะวันออกแล้ว จะพบว่าเกือบทุกเส้นทางจะเป็นเส้นตรง คาดว่าจะใช้เวลาประมาณสามอาทิตย์กว่าที่เราจะไปถึงที่หมาย โดยอิงจากเวลาที่ใช้ในการอพยพ
และในตอนนี้ทางตะวันออกก็กำลังเดินทัพผ่าน ‘ดินแดนรกร้างอันลึกลับ’ กันอยู่
ดินแดนรกร้างอันลึกลับนั้นเป็นสถานที่แรกที่จะได้พบหลังจากที่ออกมาจากพรินซิก้า ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกเรียกว่ารายงานการพบเจอซากโบราณสถานมาก่อนนั่นเอง ซากโบราณสถานที่ถูกขุดค้นพบที่นี่จนถึงตอนนี้จะมีถึงหกที่หรือเปล่านะ
ยิ่งเวลาผ่านไปความมีเสถียรภาพของเหล่าผู้เล่นก็บรรลุเป้าหมายอย่างรวดเร็วเนื่องจากการผลักดัน และความสนใจก็จะค่อยๆ จางหายตามไปด้วย…ทำไมน่ะหรือ ก็มันมีคำพูดอยู่ว่าใกล้แค่ปลายจมูกอยู่นี่นะ
ดินแดนรกร้างอันลึกลับแห่งนี้มีขนาดกว้างใหญ่และกินพื้นที่มหาศาล จะต้องใช้เวลาโดยเฉลี่ยแล้วประมาณสิบเอ็ดวันในการจะข้ามที่นี่ไปยังดินแดนถัดไป ข้อมูลนี้ทำให้เราพอจะคาดเดาขนาดของมันได้อย่างคร่าวๆ
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นดินแดนใหญ่แต่สิ่งที่สำคัญไม่ใช่ความกว้าง แต่ตามที่ผมพอจะจำได้นั้น เหมือนว่าที่นี่จะยังมีสถานที่ที่ยังไม่ได้ถูกขุดค้นพบเหลืออยู่อีกสองที่ด้วยกัน
‘ดินแดนแห่งสวรรคืที่สาบสูญและเจดีย์แห่งวัลฮัลลา’
ในคราแรกนั้นผมเคยคิดจะอยู่ที่นี่เสียด้วยซ้ำ สุดท้ายแม้ว่าตาชั่งจะเอียงไปทางเมืองแห่งเวทมนต์มาเจีย แต่ดินแดนแห่งสวรรค์ที่สาบสูญและเจดีย์แห่งวัลฮัลลาก็เป็นซากโบราณสถานที่ผมจะต้องยึดครองให้ได้
“แถว ตรง!”
ในตอนนั้นเอง เสียงก้องกังวานก็ดังมาจากกองหน้า ผมตื่นออกมาจากภวังค์ ก่อนจะรู้สึกถึงลมหายใจที่หนักหน่วงของตนเอง
“เรามากันถึงครึ่งทางแล้วนะครับ! เราจะพักกันที่นี่สักพักครับ!”
เสียงตะโกนดังขึ้นมาอีกครั้ง และไม่ทันขาดคำนั้นผมก็เห็นเหล่าผู้เล่นวางสัมภาระลงพร้อมๆ กันจนเกิดเสียงดังโครม
คงจะเหนื่อยกันมากเลยสินะ
การเดินทัพของทางฝั่งตะวันออกเป็นไปอย่างรวดเร็ว เร็วเสียจนเรียกได้ว่าเป็นทัพที่โหมเดินทางกันอย่างหนักเลยทีเดียว แม้ผู้เล่นที่เข้าร่วมจะมีจำนวนมาก แต่จากคำพูดของแคลนลอร์ดโครยอนั้น เป้าหมายแรกของเราคือการบุกผ่านดินแดนรกร้างอันลึกลับให้ได้ภายในเจ็ดวัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เหล่าผู้เล่นที่มีกำลังด้อยจะออกมาได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
และเพราะยังเป็นช่วงเริ่มแรก ดังนั้นการหักโหมทำอะไรเกินกำลังก็ยังพอจะยอมรับได้ในระดับหนึ่ง
ผมคิดว่าจะไปเยี่ยมดูเด็กๆ ดีหรือไม่ แต่อีกใจก็คิดว่าไม่ดีกว่า ผมควรจะไปดูว่าพวกเขาปรับตัวได้ดีหรือไม่เพียงแค่ครั้งสองครั้งก็พอ เพราะถ้าผมไปหาบ่อยๆ เหล่าผู้เล่นคนอื่นๆ ในทัพที่พวกเขาสังกัดอยู่ อาจจะมองแปลกๆ เอาได้
ดังนั้นผมจึงเดินออกไปข้างนอกเพื่อหาที่นั่งบ้าง ในตอนนั้นเอง ผู้เล่นคนหนึ่งที่กำลังวิ่งวุ่นไปรอบๆ ก็เข้ามาพูดกับผม
“แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่ ตอนนี้เป็นเวลาพักอยู่ ผมว่าเราน่าจะทานอาหารด้วยกันหน่อยนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ท้องไส้ข้างในไม่ค่อยดีนิดหน่อยน่ะครับ”
“รู้สึกไม่สบายเหรอครับ ถ้าหากอาการไม่ดี ผมจะไปที่ทัพที่สี่ แล้วจะกลับมานะครับ”
“ไม่จำเป็นต้องไปเรียกนักบวชมาหรอกครับ ผมขอออกไปหาที่ปลอดโปร่งแล้วก็อากาศถ่ายเทสะดวกดีกว่าครับ”
“เข้าใจแล้วครับ แต่ก็เผื่อไว้ก่อน คุณอย่าออกไปไกลนักนะครับ”
ผมพยักหน้ารับคำผู้เล่นคนนั้นไปสองครั้งเพื่อเป็นการบอกเขาว่าไม่ต้องเป็นห่วงผม