Memorize - เล่มที่ 18 ตอนที่ 6
คำว่าปากต่อปาก ช่างเป็นคำที่มีความหมายลึกซึ้งได้อย่างที่คาดไม่ถึงจริงๆ
ผมไม่ต้องการถูกหล่อนสอบสวนอีกต่อไปและยังไม่อยากใช้เวลาร่วมกับหญิงสาวที่เป็นโรคเกลียดผู้ชายอย่างหล่อนด้วย ผมจึงตัดสินใจเป็นคนเริ่มเดินหมากก่อนบ้าง
“แคลนลอร์ดโครยอได้พูดอะไรบางอย่างกับคุณในการประชุมครั้งก่อนโน้นหรือเปล่าครับ”
ไม่มีปฏิกิริยาอะไรจากหล่อนกลับมาเป็นเวลาหนึ่ง แต่นั่นก็เพียงพักเดียวเท่านั้น ผมว่าสิ่งที่ผมคาดเอาไว้คงจะถูกต้อง เห็นได้จากที่หล่อนพยักหน้าลงเบาๆ
“แคลนลอร์ดโครยอขอให้ฉันทำอะไรบางอย่างค่ะ เพราะเขาค่อนข้างอ่อนไหวกับเรื่องตัวแปรที่อาจจะเกิดขึ้นได้เอามากๆ เลยค่ะ ดังนั้นเลยคิดว่าจำเป็นจะต้องมีผู้ที่มีความสามารถในการจัดการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วทันท่วงทีน่ะค่ะ”
“หืม”
“แต่ผู้มีความสามารถส่วนใหญ่ที่เรารู้จัก ตอนนี้ก็ต่างรับหน้าที่เป็นผู้บัญชาการกันไปเสียหมดแล้ว และการตอบรับของพวกเขาต่อความคิดนี้ของแคลนลอร์ดโครยอก็ยังไม่ค่อยดีด้วยค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น…อ้า เพราะแบบนั้นก็เลยมาหาผมสินะครับ”
“ค่ะ เพราะถึงแม้แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่จะยังไม่ได้เป็นผู้บัญชาการในตอนนี้ แต่คุณก็มีแนวโน้มมากพอที่จะเป็นผู้มีทักษะคนนั้นค่ะ”
‘จงเลือกคนที่จะไม่ส่งผลกระทบกับการจัดทัพในตอนนี้’ เพราะคำพูดนี้ที่หมายความให้ลองเปิดโอกาสให้กับผู้ที่มีความสามารถคนอื่นๆ ที่หลบซ่อนอยู่ แต่หากเรานั่งอยู่เฉยๆ ไม่มีทางเสียหรอกที่พวกเขาจะเดินเข้ามาหาเอง นอกเสียจากเราจะออกไปหาพวกเขาเองโดยตรง
ถึงแม้ไอ้คำว่าแนวโน้มนั่นจะติดใจผมอยู่สักหน่อย แต่ก็พอจะเข้าใจได้แล้วว่านัมดาอึนมาหาผมทำไม ผมคือแคลนลอร์ดแห่งเมอร์เซนต์นารี่ และภายในเผ่าของเรารวมถึงผมเองด้วยนั้น มีผู้เล่นที่อยู่ในคลาสลับและคลาสหายากอยู่เป็นจำนวนมาก
“ผมเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งเลยล่ะครับ”
ชริ้ง
หล่อนดึงดาบออกมาเป็นการตอบกลับ
“ถ้าอย่างนั้น หากว่าคุณไม่ถือ ฉันขอดวลดาบกับคุณสักครั้งจะได้ไหมคะ”
“…แน่นอนครับ”
การเคลื่อนไหวของนัมดาอึนเป็นไปอย่างรวดเร็ว ผมเริ่มรับรู้การเคลื่อนไหวของพลังเวทที่ปะทุขึ้นมาตั้งแต่ก่อนที่ผมจะได้ทันเตรียมตัวเสียด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นนัมดาอึนก็เล็งดาบของหล่อนมาที่ผมเป็นเส้นตรง ถึงแม้จะดูบางเฉียบและงดงามแต่เมื่อมองเพียงแวบแรกมันก็ไม่ได้ดูเป็นดาบที่พิเศษอะไรมากมายนัก
แต่เมื่อได้ยินเสียงของดาบ ผมว่าผมคงต้องคิดใหม่เสียแล้ว แสงลึกลับปรากฏขึ้นบนตัวดาบในชั่วพริบตา ก่อนจะแผ่ไปยังนัมดาอึนและเปล่งแสงประกายอ่อนๆ ออกมาจากทั่วทั้งกายหล่อน
มันเป็นพลังอย่างหนึ่ง แม้จะพูดยากแต่ก็เป็นพลังที่มีทั้งเกียรติและความสง่างามองอาจเช่นเดียวกันกับ ‘นางฟ้าแห่งการต่อสู้ วาลคีรี’ ซึ่งปรากฏตัวอยู่ที่เจดีย์แห่งวัลฮัลลาเลยทีเดียว
ใช่แล้ว นี่ล่ะ ราชินีแห่งคทดาบ ผมรู้สึกได้ว่าหล่อนได้มาอยู่ต่อหน้าผมตรงนี้แล้ว
ไม่รู้ว่าจะเพราะเธอต้องการเห็นทักษะของผมหรือจะสู้เพื่อเอาชีวิต หรืออาจจะ…เพื่ออำนาจอย่างนั้นเหรอ
ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นไปที่ข้างหูของตัวเอง
โฟ่ว!
ทันใดนั้นต่างหูของผมก็พลันปล่อยแสงสดใสออกมาก่อนจะก่อตัวเป็นรูปร่างที่สวยงามของเกียรติยศแห่งวิคตอเรียขึ้นมา ผมได้เห็นภาพแบบนี้เป็นครั้งแรก ภาพของประกายในแววตาของนัมดาอึนที่นิ่งเฉยเสมอมา
และในตอนนั้นเอง
[ทักษะแฝง, ความเป็นหนึ่งเดียวกับดาบ(Rank : Extra) สำเร็จ]
[ทักษะที่แฝงอยู่ในเกียรติยศแห่งวิคตอเรีย, เกียรติยศแห่งองค์ราชันถูกนำมาใช้เรียบร้อยแล้ว ค่าความสามารถทางพลังเวทของผู้เล่นคิมซูฮยอน 96, ค่าความโชคดี 90 อยู่ระหว่างการคำนวณ ผลออกมาที่ S Rank]
พลังลึกลับที่กดทับผมเอาไว้สลายหายไปทันทีที่ผมยกเกียรติยศแห่งวิคตอเรียขึ้นมาถือไว้ และรู้สึกได้ว่าพลังของราชินีที่แผ่มากดทับพลังการป้องกันทั้งหมดเอาไว้นั้นหยุดไปชั่วครู่หนึ่ง หรืออีกนัยหนึ่งก็คือเป็นเพราะเกียรติยศแห่งองค์ราชันได้สกัดกั้นไว้ได้นั่นเอง
นั่นคงเป็นหนึ่งในคำตอบล่ะนะ
อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ตั้งแต่ที่หล่อนเริ่มข่มผม ไม่ว่าจะด้วยเวทมนตร์หรืออำนาจแต่ในตอนนี้ผมสามารถบอกได้เลยว่าผมจะเริ่มโจมตีก่อนแล้ว เพราะการอยู่เฉยๆ แล้วคอยตั้งรับอย่างเดียวนี่มันไม่ใช่นิสัยของผมเลยจริงๆ ดังนั้นตามมารยาทผมก็คงต้องคืนกลับไปให้เท่ากับที่ได้มา ไม่สิ คงต้องทบทั้งต้นทั้งดอกให้เสียแล้วสิ
“ถ้าอย่างนั้น ผมจะเริ่มล่ะนะครับ”
หลังจากพูดพอเป็นพิธีแล้ว ผมก็พุ่งดาบออกไปอย่างแรงโดยเล็งเป้าหมายไปที่บริเวณตรงกลางหน้าอกของหล่อน
ชริ้ง!
ราวกับหล่อนได้คาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว นัมดาอึนยืนเอียงอยู่ในมุมที่สามารถกันการโจมตีจากผมได้ทันท่วงที ผมโจมตีหล่อนด้วยดาบ หล่อนก็กันไว้ด้วยใบมีดดาบเช่นกัน และก่อนที่ผมจะรู้ตัว ทั้งดาบของผมและนัมดาอึนต่างก็ถูกเคลือบไปด้วยพลังเวทสีน้ำเงินเสียแล้ว
ผมส่งพลังทั้งหมดไปตามทิศทางที่ผมลงดาบไป
เคร้ง!
“อ๊ะ?”
“ฟู่ว”
ผมเกือบจะหลุดหัวเราะให้กับเสียงอุทานที่ไม่คาดคิดไม่สมกับเป็นราชินีแห่งดาบของหล่อน แต่สุดท้ายผมก็อดทนไม่หัวเราะออกไปได้ แต่เสียงลมที่ออกมาเพียงเบาๆ นั้นกลับทำให้สีหน้าของนัมดาอึนเปลี่ยนไปในพริบตา
ชริ้ง!
ราชินีแห่งดาบหมุนดาบของผมลงก่อนจะก้าวถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว และกลับเข้ามาหาผมด้วยความเร็วแสง พร้อมทั้งเล็งเป้ามาที่จุดๆ หนึ่ง การโจมตีดั่งฝนดาวตกพุ่งเข้ามาที่อกผม แต่ผมก็ขยับตามวิถีของวัตถุที่เข้ามาก่อนจะใช้ดาบของตัวเองฟันออกไปอีกครั้งอย่างแรง
เคร้ง!
เสียงดังสนั่นไปทั่วทุกทิศจนผมชักกังวลว่าดาบจะหักหรือเปล่า หญ้าในทุ่งแยกออกเพราะแรงปะทะที่ออกมาจากดาบทั้งสองที่มีพลังเวทอยู่เต็มเปี่ยมเข้าปะทะกันอย่างแรง
โชคยังดีที่ดาบของหล่อนยังอยู่ในสภาพดีแต่การที่หล่อนขมวดคิ้วและปลายดาบที่สั่นไหวแปลกๆ นั้น ทำให้ดูเหมือนว่าหล่อนจะได้รับการกระทบกระเทือนที่ข้อมือ
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ความจริงสองข้อถูกเปิดเผยออกมา ข้อแรกนั้นก็คือผมมีกำลังมากกว่าราชินีแห่งดาบและนอกจากนั้นพลังเวทของผมก็ยังเหนือกว่าอีกด้วย หรือถ้าไม่ใช่สองอย่างนี้ก็สามารถคิดได้ว่าเป็นเพราะประโยชน์ของอุปกรณ์ก็ได้เช่นกัน
หล่อนเว้นระยะห่างอย่างรวดเร็วและเริ่มขยับหน้าอกขึ้นลงเพื่อปรับลมหายใจ และถึงแม้ว่าใบหน้าของหล่อนจะดูตระหนกอย่างเห็นได้ชัด แต่สายตาของหล่อนกลับยังนิ่งสงบอยู่ แม้ผมจะไม่รู้ว่าหล่อนเคยประสบพบเจอกับเรื่องที่ยากลำบากมามากมายเพียงใด แต่ท่าทางของหล่อนที่ไม่มีแววของการดูถูกดูแคลนฝั่งตรงข้ามก็เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง
“แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่ คุณเอาแต่โจมตีฉันด้วยด้านหน้าของดาบมาตั้งแต่เมื่อสักครู่แล้วนี่คะ”
“หากผมโจมตีด้วยคมมีดล่ะก็ มันอาจจะเป็นเรื่องได้นะครับ”
เป็นจริงตามที่นักดาบพูดและนั่นเป็นความตั้งใจของผมเอง ผมควบคุมใจตัวเองไว้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว เพราะไม่รู้ว่าหากผมตัดดาบหล่อนหลังจากที่ผมฟันลงไปด้วยคมดาบของผมแล้ว ผมจะได้ยินเสียงอะไรกลับมา
อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ใช่ว่าต้องการจะฆ่ากันให้ตายไปข้าง แต่เพราะต้องการจะเห็นทักษะของอีกฝ่ายต่างหาก ขณะที่ผมกำลังคิดว่าพอแค่นี้จะดีกว่าและกำลังจะเก็บดาบ แต่ราชินีแห่งดาบกลับกลับเข้าประจำที่อีกครั้ง
“…”
แม้จะกังวลใจอยู่บ้างแต่ผมก็ตัดสินใจตอบรับหล่อนกลับไป โดยทั่วไปแล้วผู้เล่นที่มีจิตวิญญาณในการต่อสู้สูงจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆ หรอก ผมต้องตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลมเพื่อให้แน่ใจว่าหล่อนจะไม่มาก่อความรำคาญให้ผมอีกในภายหลัง
ดังนั้นผมจึงเฝ้าสังเกตท่าทีของราชินีแห่งดาบอย่างละเอียดรอบคอบด้วยความตั้งใจที่จะเอาชนะหล่อนให้ได้ในรอบเดียว
แทงอีกแล้วเหรอ
นักดาบสาวยังคงใช้การแทงต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อสักครู่นี้แล้ว แต่นั่นก็มีข้อดีอยู่อย่างแน่นอน เพราะการสกัดกั้นมีความคลุมเครือและยังสามารถเพิ่มความเร็วได้อีกด้วย แต่กลับไม่มีความเปลี่ยนแปลงและเป็นไปอย่างเรียบง่าย ถ้าหากไม่สามารถเร่งความเร็วให้เหนือกว่าฝ่ายตรงข้ามได้ล่ะก็ จะส่งผลเสียอย่างมหาศาลต่อการแทงได้
ผมตั้งใจจะจบมันให้เร็วที่สุด จึงไม่มีความจำเป็นที่ผมจะมามัวรีรออะไรอีกต่อไป ผมก้าวขาข้างหนึ่งออกมาด้านหน้า ขยับตัวก่อนจะเอียงร่างกายส่วนบนและหัวเข่าไปด้านข้าง และจากนั้นพร้อมกันกับที่ผมเตะเท้าที่อยู่ด้านหลัง ผมก็ทะยานออกไปด้านหน้าเกือบจะในทันที
พลั่ก!
ในเวลาเดียวกันนั้น ราชินีแห่งดาบก็แสดงการแทงของหล่อนออกมาให้เห็นเป็นครั้งแรกและจู่โจมเข้ามาทางด้านหน้า
ผมเห็นหล่อนยืดแขนออกมาเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวก่อนที่ดาบของเราจะแตะกันเท่านั้น ดาบของผมอยู่ด้านบน ซึ่งนั่นหมายความว่าผมเล็งดาบมาที่คอของหล่อนได้ก่อนที่หล่อนจะทันได้ทำอะไรเสียอีก
ในตอนนั้นเองผมจึงได้เห็นแววว่าจะชนะได้แน่นอน
หากมันเป็นการต่อสู้จริงๆ ถึงแม้ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นอย่างไร แต่การใช้เทคนิคที่ยอดเยี่ยมนั้นสามารถตัดสินผลแพ้ชนะได้มากกว่าการมีชีวิตรอดเสียอีก
แต่ก่อนที่ผมจะไปถึงคอหล่อน ผมก็ค่อยๆ เอียงตัวไปทางซ้าย และเพราะการที่ผมเอียงตัวไปจนสุดนี้เอง ทำให้มือซ้ายของผมกระแทกเข้ากับพื้น ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น พลังเวทก็ถูกยิงลงไปที่พื้นก่อนจะเด้งกลับขึ้นมาราวกับถูกดึงกลับมาอีกครั้ง
ผลก็คือดาบของหล่อนผ่านแก้มผมไปได้อย่างน่าหวาดเสียว
เพราะไม่รู้ว่าผมจะเอียงตัวได้มากกว่านี้จากตำแหน่งที่ผมอยู่ ดวงตาของนัมดาอึนจึงเบิกโตยิ่งขึ้นกว่าเดิม แทนที่ผมจะไถลเข้าไป พลังเวทที่อยู่ในมือข้างซ้ายกลับทำให้ผมหมุนไปรอบๆ อย่างแรงราวกับดีดนิ้ว ทันใดนั้นตัวผมก็หมุนกลับไปอีกทางในทันที
ผมมองเห็นท้องฟ้าเบื้องบน จากนั้นจึงวาดดาบออกไปทางด้านขวาเล็กน้อยเป็นเส้นตรง ตามหลังแขนขวาของราชินีแห่งดาบที่กำลังขยับไป
และแล้วผมก็ฟันไปที่แขนขวาของนัมดาอึนอย่างไม่คิดลังเลใจเลยแม้แต่นิดเดียว
โชะ!
“อั้ก!”