Memorize - เล่มที่ 18 ตอนที่ 7
ผลลัพธ์เป็นไปตามที่ผมได้คาดไว้
เสียงร้องแหลมสูงดังให้ผมได้ยินและผมก็ได้เห็นดาบที่นักดาบสาวถืออยู่ลอยคว้างขึ้นไปกลางอากาศหลังจากนั้น
ในค่ำคืนอันมืดมิด มีเพียงความเงียบงันที่ยังคงวนเวียนอยู่โดยรอบดินแดนรกร้างไร้ซึ่งร่องรอยของมนุษย์เช่นนี้
ทำไมภาพของนัมดาอึนที่ทรุดตัวลงนั่งกับผืนหญ้าพร้อมทั้งจับข้อมือของตนเอาไว้แน่นจึงได้เป็นภาพที่ดูน่าเห็นใจแบบนี้กันนะ
ในตอนนั้นเอง ผมก็ได้ยินเสียงดาบที่ตกอยู่กำลังคายไอความมืดออกมาจากที่ไหนสักที่ในทุ่งนี้ นัมดาอึนกะพริบตาสามสี่ทีเพื่อเป็นการตั้งสติจากเสียงของไอความมืดนั้น ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออีกอึกหนึ่ง
“เป็นชั้นเชิงที่ดีนะครับ ขอบคุณสำหรับการต่อสู้ครับ”
ผมจ้องมองหล่อนนิ่งๆ สักพักก่อนจะส่งคำชื่นชมไปให้นัมดาอึน ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมจะสามารถทำให้หล่อนที่กำลังตกอยู่ในสภาพแบบนี้ได้ เพราะผมรู้สึกถูกใจท่าทางของหล่อนที่ทำเต็มที่สุดความสามารถรวมถึงผลการประดาบในครั้งนี้ด้วย
“อ้า…นี่มัน…ไม่ใช่…ค่ะ…ดะ ดี…”
นัมดาอึนดูยังจับต้นชนปลายไม่ถูกพูดอะไรไม่ออก นั่นคงเพราะสภาพจิตใจของหล่อนที่กำลังสับสนเป็นอย่างมากในตอนนี้
แต่นั่นก็เป็นเพียงครู่เดียว นัมดาอึนขยับปากอ้ำอึ้งอยู่หลายครั้งแต่สุดท้ายแล้วหล่อนก็ก้มหน้าลงแล้วพูดออกมาอย่างแผ่วเบา
“ฉะ…ฉันแพ้สินะคะ แพ้ราบคาบ ข่าวลือดูจะเป็นจริงนะคะ”
“ไม่รู้สิครับ เพราะจริงๆ แล้วการต่อสู้กับการท้าดวลก็ใช้วิธีต่างกันนะครับ”
“ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นแต่ฉันก็ไม่มีข้อแก้ตัวอยู่ดีค่ะ คุณไม่ต้องปลอบฉันก็ได้นะคะ”
หืม? เธอก็ดูสดชื่นดีนี่
ขณะที่มองดูนัมดาอึนค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างไม่ค่อยมั่นคงนัก ผมก็เกิดรู้สึกชื่นชมหล่อนขึ้นมา นัมดาอึนอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีมากคนหนึ่งเลยหากว่าหล่อนเป็นผู้ชาย ไม่สิ ถ้าหากหล่อนไม่ได้เกลียดผู้ชายต่างหาก
ดาบของนัมดาอึนที่หล่อนทำหล่นเพราะการโจมตีของผมยังคงคายไอสีดำออกมาอยู่บนผืนหญ้า
หล่อนเดินโซเซเข้าไปใกล้ดาบเพื่อจะก้มลงไปเก็บมันขึ้นมา และในตอนนั้นเอง
วี้ดดด!
ก่อนหน้านี้มันเพียงแค่ปล่อยไอความมืดออกมาเท่านั้นแต่พอมือของนัมดาอึนแตะลงไป มันก็ร้องออกมาเสียงดังจนไม่สามารถเทียบกับเมื่อก่อนหน้านี้ได้เลย
“ซะ ซอลอา ทำไมจู่ๆ ถึงเป็นแบบนี้ล่ะ”
นัมดาอึนพูดกับดาบของหล่อนด้วยความตื่นตระหนก
ชื่อซอลอางั้นเหรอ หรือว่ามีชีวิตจิตใจ…
ผมได้เห็นท่าทีพูดอะไรไม่ออกของนัมดาอึน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เหนือความคาดหมายของหล่อน สีหน้าว้าวุ่นถูกเผยออกมาบนใบหน้าของหล่อนราวกับว่าหล่อนไม่เคยเห็นดาบที่ชื่อ ‘ซอลอา’ ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้มาก่อน
อ้า
ในขณะที่ผมกำลังคิดว่าจะกลับไปก่อนเพราะเสร็จธุระแล้วนั้น จู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่งผ่านเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว
หรือว่า…
ผมเองก็ยังไม่มั่นใจนักแต่เมื่อมานึกถึงตอนที่ได้เกียรติยศแห่งวิคตอเรียมาครั้งแรกดูแล้ว ก็ใช่ว่าจะไม่มีความเป็นไปได้ไปเสียเลย
ผมคิดว่าจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อไปแบบนี้แต่สุดท้ายแล้วผมก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหานัมดาอึน ถึงแม้ผมจะกังวลใจว่าถ้าหากสิ่งที่ผมคิดนั้นถูกต้อง ผมจะทำอย่างไรต่อไปก็ตามที
วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ในที่สุดฝั่งตะวันออกก็สามารถเดินทางพ้นดินแดนรกร้างอันลึกลับมาได้แล้ว แม้ว่าถ้ามองดูภายในจะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่หากมองเป็นทีละขบวนไปล่ะก็ ความก้าวหน้าเรียกได้ว่าแทบจะไร้ปัญหาทีเดียว
และพื้นที่ที่เรากำลังจะเข้าไปเป็นอันดับถัดมาต่อจากดินแดนรกร้างอันลึกลับก็คือพื้นที่ที่เรียกกันว่า ‘ป่าแห่งดวงดาว’ นั่นเอง
ป่าแห่งดวงดาวเป็นสถานที่ที่มีความหมายกับเหล่าผู้เล่น ด้วยเป็นป่าที่ดำรงอยู่ ณ ทวีปทางเหนือมามากกว่าสี่ปี นั่นก็เพราะที่นี่เป็นสถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยทำหน้าที่ดังเช่นเทือกเขาเหล็กกล้าในปัจจุบัน ก่อนหน้าที่บาร์บาร่าจะถูกโจมตี
กล่าวคือ ป่าแห่งดวงดาวเป็นสถานที่ที่จำเป็นต้องผ่านหากต้องการเดินทางเข้าไปในบาร์บาร่า และยังเป็นสถานที่ที่อุทิศตนเองอย่างใหญ่หลวงในการโจมตีด้วยเช่นกัน
แต่แน่ล่ะว่าขนาดกับความยากง่ายในการเดินทางนั้นเทียบไม่ได้กับเทือกเขาเหล็กกล้าเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม มีเพียงเหล่าผู้เล่นที่เคยร่วมสงครามครั้งนั้นเท่านั้นที่จะหวนนึกถึงความทรงจำเหล่านี้ขึ้นมาใหม่ เพราะสำหรับผมที่ไม่เคยมาสำรวจอะไรที่นี่เลย มันก็เป็นเพียงสถานที่ที่ไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ
บาร์บาร่าเป็นเมืองอันดับแรกสุดจากทุกเมืองของทวีปทางเหนือในเรื่องความมั่นคง ด้วยเหตุนี้ที่นี่จึงมีชื่อเสียงว่ายิ่งไปไกลเท่าไร การเดินทางจะยิ่งราบรื่นขึ้นไปเรื่อยๆ ง่ายกว่าการเดินทางผ่านดินแดนรกร้างอันลึกลับออกมาอย่างปลอดภัยเสียอีก
ดังนั้นพวกทางตะวันออกจะสามารถเดินทางผ่านพื้นที่ใหม่ได้อย่างราบรื่น และในเวลาเดียวกันก็จะมีการเปลี่ยนแปลงอีกหนึ่งอย่างเกิดขึ้นกับผมอีกด้วย
เดิมทีแล้วผมถูกจัดให้อยู่ในทัพแรกที่มีซอจินอูแห่งแม่น้ำทั้งสิบเป็นผู้บัญชาการตั้งแต่ที่ออกจากพรินซิก้าแล้ว แต่หลังจากที่ผมได้ท้าดวลกับนัมดาอึน ผมก็ได้รับเกียรติ(?)โดยถูกเลือกให้เข้ามาอยู่ใน ‘กลุ่ม’ พิเศษที่ตั้งขึ้นเพื่อเตรียมรับมือกับตัวแปร ซึ่งหล่อนได้แนะนำผมอย่างกระตือรือร้นเลยทีเดียว
ถึงแม้ผมจะยังมีปัญหาเล็กๆ และยังไม่ได้ไขข้อข้องใจกับนัมดาอึนอยู่อีกอย่างหนึ่ง แต่ผมก็ตอบรับคำขอของหล่อนออกไปอย่างยินดี เพราะการดำเนินการต่างๆ ของกลุ่มมีอิสระมากกว่าตอนอยู่ในทัพและการทำงานกับคนจำนวนน้อยที่พร้อมจะเกื้อหนุนทักษะของกันและกันย่อมสบายใจกว่าการรับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาหลายๆ คนด้วย
และก็เป็นอย่างที่ผมได้คาดเอาไว้ เมื่อคำร้องขอของนัมดาอึนไม่ได้จบลงแค่ผมตกลงเข้าร่วม แต่เพราะเผ่าเมอร์เซนต์นารี่มีผู้เล่นกว่าร้อยละเจ็ดสิบที่อยู่ในคลาสลับและคลาสหายาก หล่อนจึงคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ผู้มีความสามารถจะหลบซ่อนอยู่ในเผ่า
จนถึงตอนนี้ผมก็ได้เปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับราชินีแห่งดาบนัมดาอึนไปมากเลยทีเดียว ในตอนแรกผมคิดว่าหล่อนเป็นผู้หญิงผิดปกติที่มาพร้อมโรคเกลียดผู้ชาย แต่จริงๆ แล้วหล่อนสุภาพมาก ทั้งยอมรับความพ่ายแพ้ด้วยความอ่อนน้อม รวมถึงท่าทีที่หล่อนเผชิญหน้ากับผมหลังจากนั้นก็ด้วย
จริงอยู่ที่หากมองดีๆ จะยังรู้สึกได้ถึงช่องว่าง แต่หากคิดถึงเรื่องที่หล่อนไม่คุยกับผู้เล่นชายส่วนใหญ่ ผมคิดว่านั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้ตอบรับคำขอของนัมดาอึนและคิดทบทวนอย่างหนักแล้ว ผมก็ได้แนะนำสมาชิกเผ่าอีกสามคนให้กับหล่อนด้วย
คนแรกแน่นอนว่าเป็นโกยอนจูอย่างไม่ต้องสงสัย
โกยอนจูถูกจัดให้อยู่ในทัพที่ห้า ซึ่งเป็นทัพที่รวมเหล่านักฆ่าเอาไว้ แต่ผู้บัญชาการทัพที่ห้าได้อนุญาตให้หล่อนมาอย่างยินดี ตรงข้ามกับคำสั่งที่บอกให้เลือกคนอย่างระมัดระวังเสียอย่างนั้น
ไม่สิ ไม่ได้ถึงกับยินดี เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วสำหรับโกยอนจูที่จะเป็นผู้นำของทัพที่ห้า ไม่ว่าจะดูจากความสามารถหรือชื่อเสียงของหล่อนก็ตามที แต่การจัดทัพทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยไปหมดแล้วตอนที่เรามาถึงฝั่งตะวันออก และหล่อนเองก็ไม่ได้อยากได้ตำแหน่งผู้บัญชาการอยู่แล้วจึงปล่อยผ่านตำแหน่งนี้ไปดั่งน้ำไหลในที่สุด
นอกจากนั้นเหตุผลที่ผู้บัญาชาการทัพที่ห้าตีสองหน้ามาต้อนรับผมก็คงจะเพราะเขารู้สึกละอายที่ทิ้งราชินีแห่งเงามืดเอาไว้เบื้องหลังก็ได้ล่ะมั้ง
และแน่นอนว่าผมได้ถามความเห็นของโกยอนจูจากเจ้าตัวเองแล้ว ทันทีที่หล่อนได้ยินว่าผมจะเข้าร่วม หล่อนก็เก็บกระเป๋าและวิ่งมาหาผมเดี๋ยวนั้นเลย
และสมาชิกสองคนสุดท้ายที่ผมแนะนำไปคือวิเวียนและจองฮายอน
หลังจากที่วิเวียนได้รับออร์โดแห่งข้อบังคับ เธอก็สามารถเรียกกองทัพกลลวงได้ และมันคงจะเป็นการบ่นหากผมจะพูดว่าความสามารถแบบนี้จะเป็นประโยชน์มากแค่ไหนหากนำไปใช้ในสงคราม
ผมค่อนข้างคิดมากกับการแนะนำจองฮายอนแต่ก็ตัดสินใจที่ลองพูดดูก่อน เพราะผมคิดว่าให้หล่อนเป็นผู้ตัดสินใจเองน่าจะดีกว่าเพราะผมเองก็ไม่ได้จะบังคับอะไรหล่อน
ถ้าจะให้ผมบอกผลลัพธ์ก่อนล่ะก็ ผมได้ยินมาว่าทั้งวิเวียนและจองฮายอนต่างก็ตอบรับข้อเสนอของนัมดาอึนแล้ว
วิเวียนที่มีความหยิ่งในศักดิ์ศรีในฐานะนักเล่นแร่แปรธาตุสูงมากนั้น ดูเหมือนหล่อนจะคิดว่ากลุ่มนี้เป็นสิ่งที่พิเศษ ส่วนจองฮายอน แม้ในตอนแรกหล่อนจะบอกว่าขอคิดดูก่อน แต่พอได้ยินว่าผมก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วยหล่อนก็เริ่มเก็บกระเป๋าทันทีเลยเหมือนกัน
ด้วยความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ของผม ทำให้นัมดาอึนสามารถจับกลุ่มคนสี่คนรวมทั้งผมด้วยได้ในเวลาอันสั้น
ไม่ทันได้ตั้งตัว ในที่สุดทัพของฝั่งตะวันออกก็เดินทางผ่านป่าแห่งดวงดาวออกมาแล้ว และคาดว่าหากเรายังเดินทางกันด้วยความเร็วเช่นนี้ เราจะไปถึงพื้นที่ต่อไปกันได้ในอีกวันหรือสองวัน
ความจริงชื่อเรียกของพื้นที่ถัดไปนั้นยังคงคลุมเครือ นั่นก็เพราะสถานที่นั้นอยู่ใกล้กับบาร์บาร่ามากเหลือเกิน
“อะแฮ่ม!”
จู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงกระแอมไออย่างเต็มแรงจากวิเวียนดังมา หล่อนไออย่างนั้นซ้ำอยู่สามสี่ครั้งก่อนจะเชิดคอตั้งตรงแล้วหันไปมองรอบๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความหยิ่งยะโส และผมคิดว่าผมพอจะรู้ว่าหล่อนกำลังคิดอะไรอยู่
โดยส่วนตัวแล้วที่ผมพาวิเวียนและจองฮายอนมาด้วยก็เพราะผมคิดว่าพวกหล่อนอาจมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก ซึ่งพอมาคิดถึงคำพูดและการกระทำของซอนยูลในการประชุมครั้งก่อนแล้ว หล่อนคงไม่ยอมปล่อยทั้งสองคนไปง่ายๆ แน่ แต่ไม่ว่าหล่อนจะจำสิ่งที่ตนเองเคยพูดเอาไว้ได้หรือไม่ นักมายากลไพ่ทาโร่ต์ก็ได้อนุมัติให้ทั้งสองเปลี่ยนกลุ่มมาเรียบร้อยแล้ว
เพราะเหตุนี้จึงทำให้สมาชิกกลุ่มรวมแล้วมีทั้งหมดห้าคนด้วยกัน คือผม, โกยอนจู, วิเวียน, จองฮายอนและราชินีแห่งดาบ แต่ว่านี่ยังไม่ใช่ทั้งหมด เพราะนอกจากนัมดาอึนแล้วก็ยังมีคนอื่นที่ทำหน้าที่อื่นด้วย ซึ่งการประชุมจะมีขึ้นอีกครั้งหนึ่งก่อนที่เราจะออกจากป่าแห่งดวงดาว เพราะฉะนั้นถ้าหาผมรอต่อไปอีกหน่อย ผมก็คงจะได้รู้อะไรกับเขาบ้าง
“ซูฮยอน คิดอะไรอยู่หรือคะ”
ในตอนนั้นเองผมก็ได้ยินเสียงจองฮายอนที่ถามมาจากด้านข้างพร้อมทั้งเดินตีคู่มาเท่าๆ กับผม ผมหันไปมองหล่อนก่อนจะตอบออกไปนิ่งๆ
“อ้า คิดอะไรเกี่ยวกับนักมายากลไพ่ทาโร่ต์นิดหน่อยน่ะครับ”
“อืม เธอก็ดูมีเสน่ห์ในแบบที่ซูฮยอนชอบเลยด้วยนี่คะ หน้าอกทั้งใหญ่แล้วก็ใหญ่เนี่ย”
“…”
“ฮ่าๆ ล้อเล่นนะคะ ล้อเล่น อย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ”