Memorize - เล่มที่ 18 ตอนที่ 8
จองฮายอนเพียงหยอกเล่นแต่กลับหัวเราะเสียหนักหน่วงเมื่อเห็นท่าทางของผม ผมถอนหายใจออกไปเสียงดังก่อนจะพูดขึ้นนิ่งๆ
“…ไม่ใช่แบบนั้น ผมแค่ไม่คิดว่าเธอจะอนุญาตให้ออกมาง่ายๆ ก็เท่านั้นครับ เพราะผมได้เห็นฉากแย่ๆ ในการประชุมครั้งที่แล้วมาก่อน เธอดูค่อนข้างจะถือศักดิ์ถือสิทธิตัวเองอยู่มากเหมือนกันนะครับ”
“ตายแล้ว จริงหรือคะ ฉันไม่เห็นรู้สึกเลยค่ะ”
“หรือครับ ตอนอยู่ในทัพเธอเป็นยังไงครับ”
เป็นคำตอบที่ค่อนข้างน่าตกใจสำหรับผม ผมจึงถามออกไปอีกครั้งด้วยความสงสัย จองฮายอนทำท่านึกอย่างละเอียดก่อนจะค่อยๆ ตอบออกมาทีละคำ
“อืม ก็เหมือนพี่สาวแท้ๆ เลยน่ะค่ะ พอรู้ว่าฉันอยู่คลาสลับก็คอยแนะนำโน่นนี่ให้แล้วก็ดูแลดีมากๆ เลยค่ะ บางครั้งก็พูดอะไรไร้สาระและดูไพ่ให้ด้วยนะคะ จริงไหมวิเวียน”
หลังจากพูดจบจองฮายอนก็หันไปหาวิเวียนให้เออออไปด้วยกัน
แต่วิเวียนกลับทำหน้าฝืนใจราวกับตะขิดตะขวงใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะตอบออกมาเสียงเบา
“หืม? มะ ไม่รู้สิ ฉันไม่ค่อยรู้หรอก”
จองฮายอนมองไปที่วิเวียนและเอียงศีรษะนึกอะไรอยู่สักพักก่อนจะหัวเราะคิกคักออกมาเหมือนจู่ๆ ก็คิดอะไรออก
“อ้อ คุณวิเวียนเองก็ดูดวงด้วยกันตอนนั้นนี่คะ แต่เหมือนคำทำนายจะออกมาไม่ค่อยดีน่ะค่ะ”
“โอ้โฮ ดูดวงกัน ผมเองก็สนใจเรื่องนี้อยู่เหมือนกันนะครับ จองฮายอนได้ไพ่แบบไหนล่ะครับ”
“โธ่ ความลับค่ะ และการดูดวงน่ะก็เพียงเพื่อความสนุกนะคะ”
“ถึงอย่างนั้นก็ยังสงสัยครับ แต่ถ้าเป็นความลับผมก็คงทำอะไรไม่ได้สินะครับ แล้ววิเวียนล่ะ เธอได้ไพ่แบบไหน แล้วผลการทำนายเป็นยังไงบ้าง”
ขณะที่ฟังบทสนทนาของผมและจองฮายอน วิเวียนก็กลับมองผมด้วยสีหน้าขุ่นเคือง ก่อนจะแสดงความโกรธของหล่อนออกมาผ่านทางคำพูด
แต่ผมก็ได้เอาหนังสือสัญญาที่ซุกไว้ในเสื้อออกมา ก่อนจะส่ายมันไปมาโดยไม่พูดอะไร วิเวียนจึงทำได้แค่ตอบอ้อมแอ้มออกมาในที่สุด
“นาย คิมซูฮยอน เลวจริงๆ เลย ทำไมถึงต้องเป็นฉันคนเดียวด้วยนะ…”
“งั้นเหรอ รู้แล้วก็รีบๆ ตอบเร็วสิ”
“คือ…”
ความเย่อหยิ่งเมื่อสักครู่นี้หายไปหมดแล้ว วิเวียนยังอ้อยอิ่งไม่ยอมตอบออกมาแถมยังทำหน้าตาบึ้งตึง แต่เมื่อผมเร่งเข้าหล่อนก็ยอมตอบออกมา
“ก็มีแค่ว่า…เป็นไปได้ที่ฉันจะได้ในสิ่งที่ฉันกำลังต้องการอยู่ตอนนี้นั่นแหละ…”
“อื้ม สิ่งที่เธอต้องการเหรอ อะไรล่ะ”
“นะ นั่นมัน…เอ่อ ก็ ก้น…”
วี้ดดด!
ในตอนนั้นเอง ขณะที่วิเวียนกำลังตอบออกมาด้วยความลังเล จู่ๆ ก็มีเสียงสัญญาณแหลมสูงดังมาจากทางทัพหน้า
“หยุดทัพสักครู่ครับ!”
และเสียงตะโกนที่ดังตามมาก็ทำให้เราต้องหยุดเดินและหยุดบทสนทนาที่คุยกันอยู่อย่างช่วยไม่ได้
“หืม? เรื่องอะไรกันนะคะ หรือว่าจะเป็นสัตว์ประหลาด…”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมว่าเราควรรอดูกันดีกว่าครับ”
จองฮายอนชะเง้อคอมองไปข้างหน้า แต่ผมก็แตะที่ไหล่หล่อนเพราะไม่ว่าจะทำอย่างไรก็คงจะมองไม่เห็นอยู่ดี
“เฮ้อ รอดแล้ว”
หลังจากนั้นผมก็เหมือนจะได้ยินเสียงเล็กๆ ดังออกมา แต่ผมตัดสินใจจะปล่อยหล่อนไปก่อนและหันมาสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแทน
ยี่สิบนาทีผ่านไปทั้งอย่างนั้น ข่าวที่ผมพอจะได้ยินจากลูกแก้วคริสตัลก็คือที่ทัพประตูฝั่งตะวันออกซึ่งออกเดินเป็นทัพแรกสุดได้มีการพบเหล่าผู้เล่นที่ดูเหมือนจะมาจากบาร์บาร่าโดยบังเอิญ
เหนือ, ใต้, ออก, ตก
ในบรรดาสี่ทัพจากสี่ประตูนี้ ทัพที่รุกคืบหน้าไปได้เร็วที่สุดคือทัพจากฝั่งตะวันออกที่มีแคลนลอร์ดฮันเป็นผู้บัญชาการสูงสุด
ทัพทางฝั่งตะวันออกเจอเข้ากับเหล่าผู้เล่นที่หนีออกมาจากบาร์บาร่าโดยบังเอิญขณะที่กำลังเดินผ่านป่าแห่งดวงดาว กองทัพจึงต้องหยุดขบวนกันกะทันหัน และได้แจ้งผ่านลูกแก้วคริสตัลสื่อสารที่เตรียมไว้เพื่อให้การติดต่อระหว่างทัพเป็นไปอย่างราบรื่นว่าจะรอการชี้แนะเกี่ยวกับทิศทางในการดำเนินการต่อไป อย่างเช่น การจัดการและการเดินทัพของเหล่าผู้เล่น
ซึ่งทัพทางประตูตะวันตกที่ได้รับการติดต่อนั้น ก็ได้ตอบกลับมาว่า ‘ทางเราหวังว่าท่านจะนำเหล่าผู้เล่นมาที่ฝั่งนี้ ทัพเราจะหยุดอยู่ที่นี่กันสักพัก และเราจะไม่ลดการป้องกันโดยรอบลงจนกว่าจะได้รับการติดต่อมาอีกครั้ง’
และในขณะเดียวกันกับที่เหล่าผู้เล่นในสังกัดทัพฝั่งประตูตะวันออกกำลังออกมานำทางนั้นเอง เหล่าผู้เล่นที่หลบหนีออกมาจากบาร์บาร่าก็มาถึงพอดี
หนึ่ง, สอง, สาม, สี่, ห้า, หก, เจ็ด มีเจ็ดคนอย่างนั้นเหรอ
ทันทีที่ลองนับจำนวนดูทีละคนๆ ผมก็เกิดความสงสัยขึ้นมาแวบหนึ่ง จำนวนคนอาจจะไม่ได้สำคัญอะไรมากมายนัก แต่ยิ่งมองยิ่งนับไปเท่าไร ความขัดแย้งแปลกๆ ที่ปรากฏขึ้นมาตั้งแต่แรกเห็นนั้นก็ยังคงไม่หายไป
ไปพาอันซลมาดีไหมนะ
ในขณะที่ผมกำลังผิดหวังที่โชคไม่เข้าข้างอยู่นั้น ก็พอดีกับที่แคลนลอร์ดโครยอเริ่มถามคำถามขึ้นมา
“ผมได้ยินมาว่าพวกคุณคือผู้เล่นที่หลบหนีออกมาจากบาร์บาร่า เท่าที่เห็นพวกคุณก็ดูเหนื่อยกันมามากแต่ผมต้องขออภัยพวกคุณด้วยนะครับ ผมมีคำถามไม่กี่ข้ออยากจะถามพวกคุณหน่อย เพราะมันสำคัญกับพวกเราในตอนนี้มากจริงๆ ครับ”
“ฮ่าๆ ไม่หรอกครับ ไม่เป็นไรเลย ถึงแม้ว่าจะยากลำบากแต่ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้เจอกับเหล่าผู้เล่นที่เป็นพวกเดียวกันในตอนนี้นะครับ ผมได้ยินเรื่องราวคร่าวๆ มาจากท่านที่อยู่ตรงหน้าผมนี่แล้ว ผมจะตอบคำถามของพวกคุณอย่างจริงใจและเต็มใจครับ”
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงกลางกลุ่มผู้เล่นทั้งเจ็ดเป็นผู้ตอบคำถามของแคลนลอร์ดโครยอ การแต่งตัวดูซอมซ่อและใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีสีหน้าของความโล่งใจปรากฏให้เห็นอยู่เหมือนกัน
แต่ผมก็ยังแอบมองเขาอย่างละเอียด ผมสังเกตเห็นว่าทั้งเสื้อผ้าที่ถูกฉีกขาดจนหลุดลุ่ยและสกปรกมอมแมมนั้น อาจจะถูกทำขึ้นมาโดยเจตนา
“ขอบคุณที่เข้าใจพวกเรานะครับ ถ้าอย่างนั้น ก่อนอื่นหากผมจะขอทราบข้อมูลผู้เล่นของพวกคุณจะได้ไหมครับ และถ้าหากพวกคุณสังกัดอยู่เผ่าไหน เรื่องนั้นผมเองก็อยากรู้เหมือนกันครับ”
“ผมชื่อแพคกอนอุง ผู้เล่นปีที่สี่ครับ ตอนนี้ผมเป็นผู้เล่นอิสระไม่สังกัดเผ่าใดเลยครับ เพราะเผ่าเดิมที่เคยอยู่กระจัดกระจายกันออกไปหลังจากการเดินทางผ่านเทือกเข้าเหล็กกล้ากันหมดแล้วครับ”
หลังจากที่ชายหนุ่มพูดชื่อของตนออกมา แคลนลอร์ดโครยอก็มองไปยังเหล่าผู้เล่นที่รวมตัวกันอยู่รอบๆ คงเพราะต้องการจะมองหาเผื่อว่ามีผู้เล่นคนใดที่รู้จักกับแพคกอนอุงอยู่บ้าง
แต่เหล่าผู้เล่นที่มารวมตัวกันอยู่ในที่แห่งนี้ต่างก็เป็นเหล่าผู้เล่นที่มีฐานะในระดับหนึ่งหรือไม่ก็เหล่าผู้เล่นที่กำลังสร้างชื่อเสียงอยู่ ซึ่งในทางตรงกันข้าม แพคกอนอุงก็ดูจะเป็นเพียงแค่ผู้เล่นธรรมดาๆ ดังนั้นจึงสามารถพูดได้ว่าโอกาสที่จะเปลี่ยนตัวกันได้นั้นมีอยู่น้อยมาก เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบพิเศษ
หลังจากได้รับการยืนยันคำตอบโดยการส่ายหน้าของเหล่าผู้เล่นแล้ว แคลนลอร์ดโครยอก็เริ่มพูดขึ้นอีกครั้ง
“เข้าใจแล้วครับ ถ้าอย่างนั้นคุณพอจะบอกสถานการณ์ในบาร์บาร่าตอนนี้ให้ผมทราบหน่อยได้ไหมครับ ยกตัวอย่างเช่น การต่อสู้ตอนนี้เป็นไปในรูปแบบใด…”
“สถานการณ์นะครับ พูดตามตรงว่าผมออกมาจากเมืองตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าตอนนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้างน่ะครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับ”
“ครับ? หมายความว่ายังไงกันครับ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือครับ”
“ตามที่ผมพูดเลยครับ พวกเราออกมาจากเมืองกันประมาณหนึ่งอาทิตย์ได้แล้ว และในตอนนั้นยังเป็นตอนที่เมืองยังไม่ถูกโจมตีเลยครับ”
นั่นก็หมายความว่าเขาออกจากเมืองมาก่อนที่จะเกิดการบุกรุก
แต่เสื้อผ้าดันอยู่ในสภาพอย่างนั้นน่ะนะ
บาร์บาร่าเป็นเมืองที่มีความมั่นคงมากที่สุดในทวีปทางเหนือ ยิ่งไปกว่านั้นหากพวกเขาออกมากันตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว ตอนนี้ก็ต้องผ่านพื้นที่ละแวกเมืองกันไปแล้ว แล้วไหนยังจะเสื้อผ้าที่ถูกทำลายย่อยยับมาประมาณหนึ่งก็ดูผิดปกติ ไม่สิ เพราะต่อให้เขาไม่มีสภาพแบบนั้นมาตั้งแต่แรกแต่ความระแวงของผมก็ยังเพิ่มขึ้นอยู่ดี
“ก่อนอื่นเลย ผมขอเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่พวกเราจะเดินทางออกมาเสียก่อน…”
ในขณะที่กำลังฟังแพคกอนอุงพูดต่อไป ผมก็เปิดดวงตาที่สามขึ้นมา
หา?
และในขณะที่ผมกำลังอ่านข้อมูลผู้เล่นของเขาอยู่นั่นเอง ผมก็รู้สึกว่ามีแรงมหาศาลเข้ามาในดวงตาของผม
“จะเริ่มจากไหนดีล่ะ…อันดับแรก การตัดสัญญาณวาร์ปเกตเป็นการทำตามอำเภอใจของเผ่าสิงโตทองครับ และดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนความคิดเรื่องภาคตะวันออกและภาคใต้ด้วยครับ และเหล่าผู้เล่นต่างก็ตกอยู่ท่ามกลางความโกลาหลในการหลบหนีออกไปครับ ผมคิดว่าบางทีมันอาจจะเป็นเพราะพวกเขาพยายามจะใช้กำลังคนในการป้องกันโดยบังคับน่ะครับ”
“อืม…แต่เท่าที่ผมรู้มานั้นไม่ใช่เพียงแค่วาร์ปเกต แต่การติดต่อสื่อสารอื่นๆ ก็ใช้งานไม่ได้เลยนี่ครับ แล้วเกิดอะไรขึ้นกับมันล่ะครับ”
“อ้า เรื่องนั้น…ผมรู้ว่าที่เมืองอื่นโดนบุกรุกเมื่อก่อนนี้ก็มีสถานการณ์คล้ายแบบนี้เกิดขึ้นเหมือนกันนะครับ แต่ถึงแม้ว่าบาร์บาร่าจะไม่โดนบุกรุก…ความจริงแล้วผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันนะครับ แต่ทุกครั้งที่ผมพยายามจะสื่อสาร กระแสเวทมนตร์ก็มักจะไม่เสถียรเอามากๆ เลยครับ”
แพคกอนอุงส่ายหน้าไปมาราวกับว่าเขาไม่รู้เกี่ยวกับส่วนนั้น เรื่องราวของเขายังคงถูกเล่าต่อไปเรื่อยๆ
เขาบอกว่าเผ่าสิงโตทองดูจะทุ่มเทกับการพยายามป้องกันเมืองในทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะเป็นการล่อลวงหรือเกลี้ยกล่อมเหล่าผู้เล่น แต่ทวีปทางเหนือที่เชื่อว่าเป็นป้อมปราการสุดท้าย ตอนนี้ก็ได้หันหลังให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยิ่งเวลาผ่านเลยไป จำนวนคนที่เดินผ่านประตูหน้าออกมาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แพคกอนอุงพยายามที่จะอดทนให้ถึงที่สุด แต่สุดท้ายแล้วเขาบอกว่าเขาได้ตัดสินใจหนีออกจากเมืองทันทีที่เขาได้ยินว่าพวกผู้บุกรุกกำลังใกล้เข้ามาแล้ว
“ผมยอมรับว่ามันเป็นการกระทำที่ขี้ขลาดครับ แต่คิดว่าเมืองไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว เมื่อก่อนมันเคยเป็นเมืองที่มีประชากรมากกว่าหมื่นคน แต่ในตอนที่ผมออกมานั้น กลับกลายเป็นเมืองที่มีคนเหลืออยู่ไม่ถึงพันคนไปเสียแล้วครับ”
“อืม ขอบคุณมากครับ ถ้างั้นคุณก็ไม่ทราบสินะครับว่าต่อจากนั้นเกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง”
“ครับ”
แพคกอนอุงพูดเสริมขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเสียดายและแคลนลอร์ดโครยอที่เฝ้ามองเขาอยู่ตลอดก็พยักหน้ารับนิ่งๆ ไม่ว่าจะมองอย่างไรสถานการณ์ของบาร์บาร่าก็ไม่ได้ต่างจากที่ที่ทางตะวันออกกับทางใต้เป็นผู้นำอยู่มากนัก ผมไม่นับว่านี่มันแปลกไปจากที่ผมคาดการณ์ไว้มากขนาดนั้น
“เข้าใจแล้วครับ ถ้าอย่างนั้นเราต้องตัดสินใจกันเรื่องท่าทีของพวกเขา…แต่อย่างไรเสีย ก่อนอื่นผมว่าพวกคุณควรกลับเข้าไปในเมืองจะดีกว่านะครับ ที่นี่มันอันตรายครับ”
“เอ่อ ผมอยากจะขอร้องคุณเกี่ยวกับเรื่องนั้นอย่างหนึ่งน่ะครับ”
“ขอร้องหรือครับ”
“หากตอนนี้พวกคุณกำลังเดินทางไปบาร์บาร่า บางทีถ้าพวกเราจะขอ…”