Memorize - เล่มที่ 19 ตอนที่ 16
ชินซังยงร่ายเวทออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้น ในหัวของเขาพลางเกิดความคิดอะไรมากมายเต็มไปหมด
‘รู้ไหมว่าทำไมนายถึงล้มเหลวมาตลอด’
‘การอัญเชิญกลลวงน่ะ แม้เวทที่ร่ายนั้นมันจะสร้างสรรค์ เนรมิตได้ดังใจก็จริง แต่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การสัญญาต่างหาก การสัญญาน่ะ’
‘พวกกลลวงน่ะ ความสามารถมันแข็งแกร่งก็จริง แต่ความหยิ่งทนงในศักดิ์ศรีของตัวเองก็รุนแรงไม่แพ้กัน’
‘ตอนแรกฉันก็กลัวพวกกลลวงเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้กลัวแบบจริงจังขนาดนั้นหรอกนะ ไม่ใช่สิ! ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้อาศัยสัญญาอะไรแบบนั้นมากมาย แต่เวทก็ออกมาใช่ไหมล่ะ ว่าไง?’
ในตอนนั้น ความคิดต่างๆ เกิดการหยุดชะงักไป พร้อมกับการร่ายเวทที่สิ้นสุดลง
“จงมา!”
ชินซังยงลืมตาโพลง แล้วชูมือขวาขึ้นมาทันที
“…”
แต่ทว่ากลับไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง เห็นเพียงแค่ม่านกำบังที่ใกล้จะแตกเหมือนเปลือกไข่อยู่รอมร่อตรงเบื้องหน้า
เปรี๊ยะ! เพล้ง!
ไม่สิ ไม่ใช่ใกล้จะแตก เพราะมันได้แตกกระจายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“จุดจบของแกมาถึงแล้ว ไปสู่สุคติซะนะ ไอ้หน้าโง่”
ชายผู้นั้นยกหอกที่อยู่ในมือขึ้นสูง
“จงมา! จงมาสิ!”
“อะไรมา?”
ก่อนที่หอกจะลงมาเสียบทะลุร่างนั้น เจ้าหอกที่ชูขึ้นสูง จู่ๆ ก็ค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ
ในเวลานั้น ความรู้สึกต่างๆ แล่นฉิวไปทั่วร่างของชินซังยง เขาคิดว่าตอนนี้คงถึงจุดจบของชีวิตแล้วจริงๆ จึงได้เค้นพลังเวทที่มีทั้งหมดในตัวออกมาในคราเดียว
และเขายังใส่ความจริงใจลงไปด้วย ด้วยเหตุนี้จึงตะโกนออกมาเสียงดังฟังชัดอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
“จงมา! ขอร้องล่ะ จงมา! อิมพรีซัน!”
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
ในตอนนั้นนั่นเอง แม้เวทที่ร่ายอาจมีผิดเพี้ยนไปบ้าง แต่กระนั้นก็มีเวทคาถาหนึ่งได้บังเกิดขึ้นมาอยู่ ณ ฟากฟ้า
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง
“ผู้ควบคุมผู้แข็งแกร่งซึ่งครอบครองกองบัญชาการที่ 49!”
พรึ่บ!
ในที่สุดเวทที่แม้จะร่ายผิดเพี้ยนไปบ้างนั้น ก็ได้ตอบสนองออกมาด้วยการส่งโซ่เหล็กสีมืดดำ จำนวนหลายสิบเส้นกระจายออกมาทั่วทุกหนแห่ง
พรึ่บบบ!
โซ่เหล่านั้นได้ส่งเสียงกระเทือนดังกึกก้องไปทั่วทุกพื้นที่ โซ่ที่เกิดมาจากเวทมนตร์คาถานั้น ได้ว่ายวนขึ้นไปปกคลุมทั่วท้องฟ้าในชั่วพริบตา หลังจากนั้นด้วยพละกำลังอันมหาศาล จึงทำให้มันยกสูงขึ้น แล้วฟาดลงไปที่พวกเร่ร่อนโดยทันที
“อ…เอ๋?”
ความสามารถเหล่านั้นจู่ๆ ก็ปรากฏออกมาให้เห็นกับตาเข้าอย่างจัง จองฮันถึงกับสับสนไปเลยทีเดียว นั่นเป็นความสามารถที่เขาไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน ระฆังเตือนภัยที่อารมณ์ส่งสารมานั้น บอกให้หนีไปอย่างเร็วที่สุดก็จริง แต่ทว่าเสี้ยวนาทีที่เขาเกิดผวานั้น ทำให้โซ่ตรวนเข้ามาพันรอบทั่วทั้งร่างกาย โซ่เหล่านั้นพันรอบ รัดแน่นจนเหมือนรังไหม แล้วจึงลากตัวพวกเร่ร่อนขึ้นไปกลางอากาศ
ชินซังยงมองพวกเร่ร่อนที่ถูกลากตัวขึ้นไปบนอากาศอย่างเหม่อลอย แล้วจึงค่อยยันกายลุกขึ้นมา เขาคิดอะไรอย่างอื่นไม่ออกแล้ว ในที่สุดเขาก็สามารถอัญเชิญกลลวงออกมาได้สำเร็จ ความดีใจและความหวาดกลัวต่อความตายที่อยู่ตรงหน้า บัดนี้สิ่งเหล่านั้นได้อันตรธานหายไปจนหมดสิ้นแล้ว
เหลือเพียงสิ่งเดียว คือปณิธานของมนุษย์ก่อนที่ตัวเองจะได้ลาลับจากโลกนี้ ที่มีแทรกซึมอยู่ทั่วทุกอณูของจิตใจ ซึ่งเรายังคงต้องค้นหามันต่อไป ชินซังยงจึงตะโกนออกไปสุดเสียงตามปณิธานเหล่านั้น
“อิมพรีซัน!”
ครืนนน!
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะภายในจิตใจของชินซังยงได้ถูกถ่ายทอดออกมาด้วยหรือไม่ จึงทำให้อิมพรีซันมีปฏิกิริยาที่ตอบสนองรุนแรงออกมา ดูเหมือนว่าโซ่ตรวนที่พันธนาการร่างเหล่านั้นจะรัดแน่นมากขึ้นในชั่วพริบตา จึงทำให้เลือดไหลออกมาดั่งสายน้ำ ร่างกายของพวกเร่ร่อนบิดเป็นเกลียวน็อต
ครืนนน!
“อ๊ากกก!”
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นออกมาจากกองโซ่ตรวนที่รัดร่างแน่นหนาจนเหมือนรังไหม โซ่เหล็กสีดำมืดที่มีพลังเวทแฝงอยู่ในนั้น ได้บดขยี้ ฉีกร่างกายของพวกเร่ร่อนจนแหลกเป็นชิ้นๆ จากนั้นโซ่ตรวนจึงค่อยๆ คลายออกมา จนเผยให้เห็นถึงภาพที่อยู่ภายใน
ตุ้บ!
เลือดสีแดงฉานไหลโทรมไปทั่วทั้งร่าง เนื้อหนังมังสาแปรเปลี่ยนมาเป็นเพียงกองเศษซากเนื้อ ราวกับผ้าขี้ริ้วก็ไม่ปาน และแล้วกองชิ้นเนื้อเหล่านั้นก็ได้หล่นลงมายังผืนดิน
“จองฮัน!”
“อะ อะไรน่ะ”
พวกเร่ร่อนคงรับรู้ได้ถึงลางสังหรณ์แปลกๆ แล้ว พวกมันจึงตะโกนร้องเรียกเสียงดังเสียจนแสบแก้วหู ชินซังยงเงยหน้าขึ้นมาทันที แล้วเขาก็ได้เห็นอันฮยอนที่กำลังนอนแน่นิ่ง ไร้การเคลื่อนไหวใดๆ และอียูจองที่นอนแผ่ เพราะถูกพวกมันทรมาน
วินาทีนั้นเอง ตัวเขาที่เคยอยู่อย่างสงบเสงี่ยม ไม่สุงสิงกับใครมาตลอด จึงเกิดพลังรุนแรงปะทุขึ้นมาในแววตาคู่นั้น
ชินซังยงสะบัดมือตัวเองอย่างรุนแรงบ้าคลั่ง
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ทันใดนั้น โซ่ตรวนจำนวนหลายสิบเส้น ไม่สิ จำนวนมากถึงหลายร้อยเส้นได้กระจายตัวไปทั่วทั้งสามทิศทาง แล้วจึงฟาดทะลุทะลวงเข้าไปอย่างรุนแรง พวกเร่ร่อนสามคนเห็นดังนั้น จึงกรีดร้อง จนเป็นลมหมดสติไปในที่สุด
หญิงสาวที่นั่งอยู่บนร่างอันฮยอนก็รีบผุดกายขึ้นมา แล้วกำลังจะหนีโซ่ตรวนเหล่านั้นไปเสียให้พ้น แต่หล่อนกลับเลือกวิธีผิดมหันต์ โซ่ตรวนเหล่านั้นราวกับเป็นสิ่งมีชีวิต เพราะมันได้แปรเปลี่ยนวงโคจรมาสอดรับกับการกระทำของหญิงสาว โซ่ตรวนเหล่านั้นเข้าไปพันรอบร่างกายของหล่อน มันแผ่ขยายออกไปยังทิศเบื้องหน้า ไม่ให้โอกาสในการหลบหนีไปเลยแม้แต่น้อย
“อึ้ก!”
โซ่ตรวนบีบรัดแน่นอย่างสุดกำลัง หล่อนเริ่มหน้าแดงจัดเพราะแรงมหาศาลที่เข้ามารัดร่าง
สภาพของชายผู้เฝ้ามองอุปกรณ์อยู่ด้านข้างเองก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ ด้วยความที่ชายผู้นั้นยืนอยู่ จึงทำให้โซ่ตรวนที่บุกเข้ามาจากข้างหน้า ตั้งใจจะกวาดให้ล้มทั้งยืน แต่ชายผู้นั้นกลับเบี่ยงไปทางซ้ายที ขวาที จนกระทั่งในตอนท้ายต้องมาเสียท่า เพราะโซ่ตรวนที่เลื้อยเข้ามาได้ฟาดไปที่สีข้างอย่างจัง ซี่โครงทั้งสองข้างโดนฟาดด้วยแรงมหาศาล ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด จากการที่กระดูกแตกร้าว แล้วจึงหมดสติลงไปในทันที
“นะ นี่มันอะไรเนี่ย”
ชายที่ทับร่างอียูจองกวัดแกว่งขวานที่อยู่ในมือไปมาราวกับกังหัน แล้วส่งเสียงกรีดร้องออกมา การร่ายรำของมีคมในมือของเขาไม่ธรรมดาจริงๆ เห็นทีคงมีความสามารถไม่ใช่เล่น แต่ทว่ามือที่กำลังปัดโซ่ตรวนนั้น กำลังเพิ่มระดับความสับสนวุ่นวายมากยิ่งขึ้น
วินาทีนั้น ชินซังยงจึงกำหมัดแน่น ทันใดนั้นเอง โซ่ตรวนที่เลื้อยไหลเข้ามาจากทิศทางใดทิศทางหนึ่งจึงได้เริ่มเผยให้เห็นความเปลี่ยนแปลงทีละส่วน บางเส้นเข้าไปมัดขวานในเวลาพร้อมๆ กัน ส่วนเส้นที่เหลือนั้น ได้แล่นตัดผ่านกันเป็นรูปกากบาท แล้วจึงถักทอออกมาเป็นตาข่ายหนึ่งผืน
ตาข่ายอันถูกสร้างจากโซ่ตรวนดังกล่าวบุกเข้าไปหาชายผู้นั้น
“ไอ้บ้าเอ๊ย!”
แม้จะสู้ยืนหยัดแค่ไหน แต่แล้วเขาก็เข้าใจว่ามันไร้ประโยชน์จริงๆ เขาจึงสบถออกมา พร้อมวางขวานในมือ ซึ่งในช่วงที่เขาตั้งใจจะยันกายขึ้นแล้วหนีไป ร่างกายกลับโอนเอนซวนเซ เขาประหลาดใจอย่างมาก แล้วจึงก้มมองด้านล่าง อียูจองเหยียดแขนขึ้นมาจากบนพื้น พลางส่งสายตาชั่วร้าย หล่อนกำลังจับข้อเท้าของชายผู้นั้นไว้อย่างแน่นหนา ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาเริ่มมีน้ำโห
“ยัยบ้านี่!”
ยังไม่ทันจะพูดจบดี อียูจองก็ได้กระชากข้อเท้าของเขาอย่างแรง ตาข่ายโซ่ตรวนจึงมาเข้ากระทบกับร่างชายผู้นั้นอย่างจัง
พลั่ก!
“อ๊าก!”
สถานการณ์พลิกผันไปในชั่วพริบตา
ชายผู้นั้นลื่นไถลไป และในเวลาเดียวกันนั้น อียูจองก็หยิบมีดสั้นได้สำเร็จ แล้วหล่อนจึงได้แสดงความสามารถพิเศษออกมา นั่นก็คือ การยืดหยุ่นร่างกายได้ดีเหมือนแมว หล่อนรีบขึ้นไปคร่อมร่างชายผู้นั้นทันที มือที่จับมีดสั้นอยู่นั้นออกแรงเหวี่ยงไปข้างหลัง
“ไอ้ XX!”
“ชะ ช่วยด้วย…อึ้ก!”
เขายังพูดไม่ทันจบประโยคดี อียูจองก็ไม่รอช้า รีบใช้มีดแทงกระซวกเข้าไปทันที เลือดทะลักออกมาเลอะมุมปาก ทว่ากลับไม่ได้สิ้นสุดอยู่แค่ครั้งนี้ หล่อนคงตั้งใจที่จะส่งคืนความยากลำบากที่ตัวเองได้รับมาตลอดจนถึงตอนนี้ให้แก่ชายผู้นั้น จึงใช้ ‘ดาบเวทสครูเรพฟ์’ ในมือ แทงจ้วงลงไปอย่างไม่หยั่งมือ
สวบ! สวบ! สวบ! สวบ! สวบ! สวบ! สวบ!
“อึ๊ก! ฮึก!”
ร่างของชายผู้นั้นกระตุกขึ้นทุกครั้งที่แสงสีแดงส่องประกายวูบวาบออกมา
หล่อนแทงลงไปซ้ำๆ อยู่เช่นนั้นประมาณสิบครั้งเห็นจะได้ เท้าที่เคยเหยียดตรงในตอนแรก บัดนี้กลับอ่อนเพลีย ไร้ซึ่งกำลังไปเสียแล้ว แต่กระนั้นการจ้วงแทงด้วยมีดสั้นของหล่อน กลับดูไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดแต่อย่างใด และเมื่อมีบาดแผลฉกรรจ์ขึ้นเหวอะหวะอยู่เต็มใบหน้าของชายผู้นั้น หล่อนจึงสามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกครั้งหนึ่ง ข้างกันนั้น ก็ได้ยินเสียงโซ่เคล้าคลอกับเสียงกรีดร้องอันน่าอนาถใจดังขึ้น
และในตอนนั้น หล่อนจึงได้เบนสายตาไปมองการปะทะกันระหว่างราชินีแห่งดาบกับพวกเร่ร่อน เสียงกลืนน้ำลายดังเอื๊อกขึ้นมาพร้อมเพรียงกัน พวกเร่ร่อนทั้งสี่คน ผู้ซึ่งเคยวิ่งได้อย่างแข็งแรงนั้น บัดนี้กลับนอนล้มระเนระนาด กระจัดกระจายไปทั่ว
พวกเร่ร่อนพอได้เห็นการตายของเพื่อน จึงได้หันไปมองชินซังยงในทันที ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้เขากลายเป็นเป้าหมาย และได้รับความสนใจเป็นครั้งแรก
ความจริงแล้ว หากดูเพียงแค่ค่าพลังของเขา จะเห็นได้ว่าเขาไม่ใช่ผู้เล่นที่อ่อนแอแต่อย่างใดเลย มาตรฐานในการจัดลำดับนักเวทนั้น แน่นอนว่าต้องวัดกันด้วยคะแนนพลังเวท เมื่อคราวที่ได้เจอคิมซูฮยอนเป็นครั้งแรกนั้น คะแนนอยู่ที่แปดสิบห้าพอยต์ แล้วหลังจากนั้นจึงได้เริ่มเก็บสะสมมาเรื่อยๆ จนกระทั่งบัดนี้ คะแนนของเขาถือว่าดูดีไม่น้อยเลย ความสามารถอย่างใหม่ก็ได้ถือบังเกิด อีกทั้งยังมีพัฒนาการอีกด้วย ถือว่าเขาสามารถถ่ายทอดความเป็นคลาสลับออกมาได้ดีเลยทีเดียว
ผลลัพธ์ที่ได้จากการจู่โจมในครั้งนี้คือ เขาสามารถอัญเชิญกลลวงมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ อีกทั้งยังจัดการกวาดล้างพวกเร่ร่อนทั้งสี่คนได้อีกด้วย ตอนนี้ชินซังยงถือเป็น ‘คนแข็งแกร่ง’ คนหนึ่งเลยทีเดียว ถึงเขาจะไม่ถึงขั้นสามารถรวบยอด และพลิกสถานการณ์ในการต่อสู้ได้เหมือนคิมซูฮยอน แต่อย่างน้อยในสงครามขนาดเล็กเช่นนี้ เขาก็ยังสามารถจัดการล้มกระดานได้อย่างดีเยี่ยม จนก่อให้เกิดผลกระทบขึ้นได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
“แฮ่ก แฮ่ก…”
ชินซังยงหอบหายใจอย่างหนักเป็นเวลาต่อเนื่อง ทั้งยังรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ตึกตัก ตึกตัก
หัวใจยังคงเต้นโครมคราม สั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่าง แต่เขากลับรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก คงเป็นความรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกล่ะมั้ง แม้มันจะเป็นเพียงแค่การอัญเชิญกลลวงแสนธรรมดา แต่ทว่าภายในจิตใจของชินซังยงกลับเกิดความรู้สึกบางอย่างที่แปลกและแตกต่างไปจากแต่ก่อน