Memorize - เล่มที่ 19 ตอนที่ 17
มือที่เคยยื่นเหยียดออกไป ค่อยๆ ลดลงมาสู่เบื้องล่างช้าๆ ทันใดนั้น โซ่ตรวนจำนวนมากจึงค่อยๆ คืนกลับมา ราวกับทำตามคำสั่งของชินซังยงเป็นอย่างดี แล้วจึงได้ร่วงหล่นลงมาปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่ราวกับป่าอันหนาทึบ ด้านกลลวงที่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้านั้น ได้เข้าไปฉุดกระชากให้พวกเร่ร่อนที่หยุดการเคลื่อนไหวอยู่ด้านบนลงมาสู่ด้านล่าง
“นั่นมัน…อะไรอีก”
อีคังซานถอยหลังไปก้าวสองก้าวโดยไม่รู้ตัว แล้วบ่นงึมงำออกมา เขาแทบจะหายใจไม่ออก เหมือนจมูกถูกอุดเอาไว้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้โดนจับตัว แต่ก็พูดไม่ได้ว่าตัวเองได้เปรียบอยู่ เพราะสถานการณ์การต่อสู้ในขณะนี้ พวกมันกำลังได้เปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ เจ้าพวกลูกเจี๊ยบด้านซ้ายมือนั่น เขาไม่ได้ให้ความสนใจในตัวพวกมันเลย แต่แล้วพวกมันกลับเติบโตขึ้นมา จนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่เขาไม่สามารถดูถูกดูแคลนอะไรได้อีกเสียแล้ว แน่นอนว่าเขาไม่ได้รู้สึกถึงขั้นหมดหวังมากขนาดนั้น แต่…
อีคังซานเหลือบมองราชินีแห่งดาบ แม้หล่อนจะกำลังหอบหายใจอย่างอ่อนล้า แต่กระนั้นก็ยังไม่คลายความน่าเกรงขาม หากเจ้าสองคนนั้นเกิดรวมพลังขึ้นมาล่ะก็ สถานการณ์คงวุ่นวายมากขึ้นอย่างแน่นอน
เคร้ง!
ชินซังยงเองก็คงคิดเหมือนๆ กัน หลังจากนั้นจึงบังเกิดเสียงโลหะหนักเสียดสีเข้ากับอะไรบางอย่าง จนส่งเสียงดังสนั่นไปทั่วทุกสารทิศ
พวกเร่ร่อนถอยหลังหนีไปอย่างรวดเร็ว พร้อมระมัดระวังตัวเองกันอย่างเต็มที่ แต่แล้วโซ่ตรวนที่แผ่ออกมานั้น กลับแล่นผ่านพวกมันไป แล้วเลื้อยคดไปหาราชินีแห่งดาบ อันฮยอนและอียูจองแทน วินาทีที่โซ่เหล่านั้นพันธนาการร่างของพวกเขาได้สำเร็จ มันจึงยกร่างของทั้งสามคนขึ้นไปกลางอากาศ อีคังซานเห็นดังนั้นจึงเบิกตาโพลง
“หยุดมันไว้!”
“หอกแห่งน้ำแข็ง!”
ตอนนั้นเอง มีพวกเร่ร่อนหนึ่งคนได้ใช้หอกแห่งน้ำแข็งเล็งไปยังราชินีแห่งดาบที่อยู่กลางอากาศ
ในตอนนั้นนั่นเอง
“โฮลด์!”
ทว่าก่อนหอกแห่งน้ำแข็งจะได้ทะลุร่างราชินีแห่งดาบไปนั้น กลับมีแสงสีขาวบางอย่างบินร่อนเข้ามาโอบล้อมไปเสียได้ ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้หอกค้างอยู่กลางอากาศอย่างไม่น่าเชื่อ แล้วค่อยๆ ร่วงหล่นลงมาอย่างไร้เรี่ยวแรง ด้านสามคนนั้นได้แยกออกจากกัน ก่อนที่จะตีวนเป็นวงกลม แล้วโผร่างบินออกไป
“ปะ เป็นไปไม่ได้!”
พอได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่ยากจะเชื่อปรากฏอยู่ตรงหน้า จึงทำให้พวกเร่ร่อน ผู้ปลุกพลังเวทนั้นถึงกับแผดเสียงดังลั่น
สำหรับตัวผู้เล่นแล้วนั้น ทุกคนต่างมีคลื่นพลังเวทอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกันไป และกฏขั้นพื้นฐานก็คือ ต่างคนต่างไม่สามารถผสมผสานพลังเวทด้วยกันได้ ด้วยสาเหตุนี้ จึงมักเกิดเหตุการณ์ใหญ่ อย่างเช่น การระเบิด เมื่อพลังเวทของแต่ละคนได้ปะทะพุ่งชนกันนั่นเอง
เมื่อครู่ก่อนหน้านี้เอง ตามความเป็นจริงแล้ว หอกแห่งน้ำแข็งควรจะต้องเจาะทะลุผ่านโฮลด์ได้ ไม่สิ จริงๆ แล้ว หอกแห่งน้ำแข็งควรจะต้องทำให้โฮลด์นั้นไม่สามารถแสดงพลังที่แท้จริงของมันออกมาได้เสียมากกว่า
แต่ทว่าเวทมนตร์โฮลด์ที่ชินซังยงปลุกขึ้นมานั้นก็ไม่ได้สูญเสียความสามารถแต่อย่างใด สาเหตุก็เพราะ ‘จัตุรัสกลแห่งความกลมกลืน’ อันเป็นความสามารถพิเศษของเขานั่นเอง
ชินซังยง ผู้ซึ่งปลุกพลังเหล่านั้นขึ้นมาสามารถทำให้คลื่นพลังเวทของอีกฝ่ายผสมผสานกลมกลืนกับคลื่นพลังเวทของตนได้ เพราะฉะนั้นอิทธิพลจากโฮลด์จึงไม่ได้เสื่อมคลายไปไหน ซ้ำยังส่งอิทธิพลเช่นเดิมออกมาอยู่ดี
“ฟู่ว”
ชินซังยงค่อยๆ ลดคทาลงมาแนบข้างกาย พร้อมกลั้นลมหายใจไปพลาง แม้เขาจะกังวลว่าตัวเองออกตัวช้าไปหน่อยไหม แต่สุดท้ายก็คิดถูกต้องที่สุดแล้ว ที่ได้เตรียมการเผื่อเอาไว้ล่วงหน้า
ภายใต้การคุ้มครองของโซ่ตรวนกลุ่มนั้น จึงทำให้ราชินีแห่งดาบมาถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย อีคังซานเห็นแล้วจึงขบฟันแน่น
“จัดการยัยนั่นซะ!”
เขาคิดว่าจะต้องจัดการสถานการณ์ที่พวกมันกำลังได้เปรียบอยู่ในขณะนี้ออกไปให้ได้เสียก่อน อีคังซานจึงออกคำสั่ง แล้ววิ่งฉิวออกไปทันทีอย่างกับสายลม คำสั่งของเขาแสดงออกมาชัดเจนมากว่า ราชินีแห่งดาบที่คิดมาตลอดว่าเขาจะสามารถจับตัวหล่อนมาได้ กลับลอยนวลออกไปต่อหน้าต่อตาเสียอย่างนั้น เขาไม่ได้คิดถึงความพ่ายแพ้เลยแม้แต่น้อย
พวกเร่ร่อนวิ่งบุกเข้ามาด้วยพละกำลังมหาศาล ชินซังยงเห็นดังนั้นจึงปลุกความสามารถลับขึ้นมาทันที
“สร้างปราการเวทมนตร์!”
หวืด!
ทันใดนั้นจึงบังเกิดแสงสว่างออกมาเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส แล้วเวทที่อยู่ตรงมุมทั้งสี่มุมนั้นก็ลอยขึ้นและเริ่มเปล่งแสงสว่างออกมา
จากจุดเริ่มต้นนี้ จึงทำให้การต่อสู้ระหว่างผู้เล่นกับพวกเร่ร่อนครั้งที่สองได้ถือกำเนิดขึ้น
เคร้ง!
ชินซังยงชูมือขึ้นอีกครั้ง โซ่ตรวนจำนวนครึ่งหนึ่งจึงได้เริ่มคุ้มกันไปทั่วอาณาบริเวณ ส่วนโซ่ที่เหลืออีกครึ่งนั้น ได้ฝ่าทะลุทะลวงเข้าไปหาพวกเร่ร่อนที่กำลังดาหน้าเข้ามา ทว่าในครั้งนี้พวกเร่ร่อนกลับไหวตัวได้ทัน ไม่ยอมติดกับดักง่ายๆ พวกมันได้ไล่ตัดโซ่ตรวนที่ไหลเข้าตามมุมต่างๆ ราวกับได้เตรียมการไว้แล้วอย่างดี หลังจากนั้นพวกมันจึงเดินหน้าเข้ามา พลางกระจายตัวอยู่ทั่วทุกสารทิศ
ทว่าชินซังยงก็ไม่ได้ไหวหวั่นแต่อย่างใด เมื่อครู่ก่อนนี้นั้น เขาได้รับผลสำเร็จดีๆ จากการจู่โจมมาแล้ว แต่ในตอนนี้เขารู้ตัวดีว่ามันคงไม่สามารถเป็นเช่นนั้นได้อีก ดังนั้นเขาจึงฉวยโอกาสตอนที่พวกเร่ร่อนหยุดการเคลื่อนไหวไปชั่วครู่ โดยการนำตัวราชินีแห่งดาบออกมา หากตัวเขาสามารถสร้างช่องว่างและพื้นที่ว่างได้สำเร็จ อย่างไรหล่อนก็สามารถกระทำอะไรได้อย่างคล่องตัวมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
ชินซังยงที่คิดได้เช่นนั้น จึงคิดต่อมาว่าในคราวนี้ เขาจะเปิดการต่อสู้สนับสนุนการคุ้มกันราชินีแห่งดาบ
การต่อสู้ที่ต่อเนื่องลากยาวมานี้ กลายเป็นว่าความกังวลมาตกอยู่ที่อีคังซาน และในที่สุดการคาดคะเนของชินซังยงจึงได้กลายเป็นความจริงจนได้
ชินซังยงได้ใช้โซ่ตรวนกวาดไปทั่วทุกหนแห่งโดยใช้ข้อมูล ‘สร้างปราการเวทมนตร์’ มาเป็นข้อมูลพื้นฐาน และขวางกั้นข้าศึกที่รุกคืบเข้ามาใกล้ โดยโซ่เหล่านั้นไม่ได้ใช้ขวางกั้นตรงเบื้องหน้าแต่อย่างใด กลับใช้ปิดกั้นเส้นทางที่บุกเข้ามาจากด้านหลังเสียมากกว่า โซ่เหล่านั้นได้เข้าไปรัดข้อเท้าของพวกมัน จึงทำให้พวกมันเสียศูนย์ ล้มตัวลงไปในที่สุด ส่วนนักเวททั้งหลายที่บุกเข้ามาจากไกลๆ นั่น ก็ใช้เจ้าโซ่ตรวนนี่ฟาดลงไป หากสบโอกาส โซ่ตรวนต่างๆ ก็จะเข้าไปรัดข้อเท้าของพวกเร่ร่อนทันที โดยไม่ทิ้งช่องว่างอย่างแน่นอน
ด้วยความที่ชินซังยงสามารถทำตัวเองให้เป็นอนัตตาได้สำเร็จ เขาจึงสามารถใช้อิมพรีซันได้อย่างเกิดประโยชน์มากที่สุด แม้กระทั่งพละกำลังที่อยู่ลึกก็ยังสามารถคัดสรรออกมาใช้การได้ หากทลายเขื่อนอันแข็งกล้าให้แตกกระจายไปได้แล้วครั้งหนึ่ง อะไรก็ไม่ใช่อุปสรรคขัดขวางอีกต่อไป
พลังเวทที่คัดสรรออกมานั้น จะสามารถวนเวียนและไหลย้อนกลับได้อย่างราบรื่น อีกทั้งเวทมนตร์ไหลย้อนกลับที่คอยต้านทานสิ่งเหล่านั้น ก็จะอยู่ในสภาพที่ร้อนแผดเผาราวกับไฟด้วย
ในสถานการณ์วุ่นวายเช่นนั้น บุคคลที่น่าประหลาดใจมากที่สุดกลับเป็นราชินีแห่งดาบ ในตอนแรกนั้นหล่อนใจร้อนและโมโหเป็นอย่างมาก จึงได้วิ่งทะลวงไปเช่นนั้น แต่ในเวลาต่อมา เมื่อตัวเองอยู่ในการคุ้มครองบ้าง หล่อนกลับรู้สึกเสียดายที่ตัวเองขาดสติ ทำอะไรไม่ยั้งคิดเช่นนั้น แต่พอหล่อนได้รับความช่วยเหลือจากคลาสหายาก หล่อนก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที ท้ายที่สุดเขาได้เริ่มแสดงความสามารถของตัวเองออกมาบ้างแล้ว
ในทางกลับกัน พวกเร่ร่อนกลับได้ลิ้มรสกับความตายเข้าทุกขณะ แม้โซ่ตรวนจะไม่ได้เข้าไปคุกคามทีละคน ทีละคน แต่ทว่าเจ้าโซ่ตรวนจำนวนมากนั้นก็ได้พุ่งทะลวงเข้าไปอย่างไม่มีลดละ ดังนั้นสิ่งที่เกิดในครั้งนี้คงจะบาดจิต บาดใจ ทำลายอารมณ์ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว หากมันสามารถฝ่าทะลวงสิ่งเหล่านั้นเข้ามาได้ ในครั้งนี้คงได้เห็นราชินีแห่งดาบยืนกะพริบตาปริบๆ อยู่ท่ามกลางโซ่ตรวนที่พันเกี่ยวเลี้ยวคดอยู่โดยรอบ
แม้ตัวเองจะครอบครองตำแหน่งที่ดีในสนามรบ แต่ราชินีแห่งดาบก็ไม่สามารถพิชิตศัตรูได้ง่ายดายนัก เวลาที่อยู่ตัวคนเดียว แม้จะทุ่มเทความสนใจและตั้งใจต่อสู้มากเพียงใด แต่กลับได้ผลดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ตอนนี้อย่าว่าแต่เรื่องพยายามทุ่มความสนใจเลย แม้แต่จะพลิกสถานการณ์ก็ยังทำไม่ได้
และในตอนนี้ก็ไม่ได้มีเพียงแค่สองคนเท่านั้นที่จ้องจะเล่นงานฝ่ายตรงข้าม ยังมีอียูจองที่ได้รับการคุ้มกันจากชินซังยงอีกด้วย หล่อนกำลังเฝ้าหาโอกาสที่จะเล่นงานอีกฝ่าย โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าพวกเร่ร่อนก็กำลังนึกรำคาญ จ้องจะเล่นงานหล่อนด้วยเช่นกัน
“อ๊ากกก!”
ในช่วงที่เสียงกรีดร้องครั้งที่หนึ่งดังลั่นออกมาจากที่ไหนสักที่ อีคังซานได้ยินเช่นนั้น จึงเข้าใจสถานการณ์ในทันที การป้องกันของอีกฝ่ายคงจะยังเหมือนเดิม ต่อไปเรื่อยๆ ไม่เปลี่ยนแปลง สงครามในครั้งนี้คงกินเวลายืดเยื้อพอสมควร เขาคำนึงถึงเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมามากกว่าการกุมชัยชนะในศึกนี้เสียอีก
มิหนำซ้ำเขายังคิดว่า ฝ่ายของเขาไม่ว่าจะลงมือทำอะไร ก็มีโอกาสที่จะแพ้ย่อยยับได้ทุกเมื่อ
แม้จะช้าไปเสียหน่อย แต่ความรู้สึกเสียดายก็ก่อตัวขึ้นมาในใจอีคังซานแล้ว เขาไม่ได้เสียดายที่บุ่มบ่ามบุกเข้าไป แต่เขาคิดว่า หากตัวเองสามารถผสมผสานเวทมนตร์ได้บ้างล่ะก็…ทว่าความคิดนั้นก็มีอยู่ชั่วครู่เดียว สงครามที่ต่างฝ่ายต่างยืดเยื้อต่างหาก เป็นสิ่งที่ชัดเจนที่สุดในขณะนี้ อีคังซานจึงตะเบ็งเสียงออกมาทันที
“โธ่โว้ย! ถอยกลับมาก่อน!”
พวกเร่ร่อนเองก็รู้สึกว่าการต่อสู้ในครั้งนี้จู่ๆ ก็ทวีคูณความยากขึ้นมากกว่าเดิมอย่างกะทันหัน ดังนั้นพวกมันจึงหยุดการเคลื่อนไหวในกองโซ่ตรวน แล้วถอยออกมาทันที
“ไม่ง่ายเลย จะทำอย่างไรต่อไปดีครับ”
“ฮึ…”
หลังจากเว้นระยะห่างจากอีกฝ่ายได้ประมาณหนึ่ง พวกเร่ร่อนก็ถอนหายใจพลางถามอีคังซานไป อีคังซานได้ยินดังนั้นกลับตอบได้แค่เสียงฮึดฮัด
ไม่มีอะไรดีสักอย่างเลยแม้แต่น้อย หากเวลายังคงยืดเยื้อต่อไปเช่นนี้ การกระทำของไซม่อนที่ตั้งใจจะใช้พวกเขาเป็นเพียงโล่กำบังนั้น ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทวีปเป็นอันต้องหมองเมินกันไปชั่วคราว และต่อให้ไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น ตอนนี้คงต้องได้เวลาที่กองกำลังเสริมจากทิศตะวันออกเดินทางมาถึงได้แล้ว ในระยะเวลาที่ผ่านมา เขารู้สึกเสียดายอย่างมากที่พลาดตัวราชินีแห่งดาบไป แต่ถึงอย่างนั้นการที่ยืดเวลาออกไปเช่นนี้ อาจจะทำให้แผนแตกเข้าสักวันก็ได้ใครจะรู้
อีคังซานคิดได้เช่นนั้น แต่ก็ยังคาใจอยู่ จึงจ้องไปที่ราชินีแห่งดาบ หล่อนกำลังยืนตัวตรงอยู่ท่ามกลางหมู่โซ่ตรวน พลางใช้สายตาจดจ้องพวกเร่ร่อน
พวกเร่ร่อนจึงเร่งเขาอีกครั้งหนึ่ง
“ผมรู้ความประสงค์ของท่านดี แต่สถานการณ์ตอนนี้มันฉุกละหุกไปหน่อยนะครับ”
“…”
อีคังซานไม่ปริปากสักคำ การเงียบของเขาแทบไม่ต่างอะไรกับการยอมรับกลายๆ เลย
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ อีคังซานก็ได้หันหน้าไป แล้วจดจ้องอยู่ทิศใดทิศหนึ่ง แล้วทำสีหน้าไม่สู้ดีนัก ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“XX! รู้ดีเหลือเกิน? ทุกคนไปเร็ว! ปล่อยแม่งไว้แบบนี้ รีบหนีไปได้แล้ว!”
หลังจากนั้นพวกเร่ร่อนจึงได้เริ่มถอยทัพออกไปบ้าง พวกมันค่อยๆ ถอยหลังไปก้าวสองก้าว แล้วหันหลัง วิ่งออกไปทันที ชินซังยงเห็นเช่นนั้น จึงนึกโล่งใจ
ส่วนราชินีแห่งดาบได้แต่เอียงคอสงสัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น