Memorize - เล่มที่ 19 ตอนที่ 24
ผมไม่ได้อยู่ดูการจากไปของชินซังยง ผมจึงไม่รู้ว่าขณะที่เขากำลังจะลาลับจากโลกนี้ไป เขาคิดอะไรอยู่
แค้นอกแค้นใจ? หรือเสียใจ?
ความคิดวุ่นวายวนเวียนอยู่ในหัว แล้วจึงค่อยๆ ทุเลาลงได้ในชั่วพริบตา
ระหว่างนั้นผมได้ออกวิ่งไปข้างหน้า ตามทิศทางที่อันซลชี้แนะ
สายลมยังคงพัดมาเช่นเดิม แต่ผมกลับรู้สึกได้ว่ายิ่งวิ่งเข้าไปเท่าไหร่ กลิ่นคาวเลือดจากที่เคยส่งกลิ่นคละคลุ้งเล็กน้อย บัดนี้กลับได้เริ่มส่งกลิ่นแรงมากขึ้น
หลังจากนั้นผมจึงจับสัญญาณได้อีกครั้งว่ามีกลุ่มคนกำลังรวมตัวกันอยู่เป็นหย่อมๆ ณ ที่แห่งหนึ่ง
บางทีมันอาจจะมาที่นี่ก่อนแล้วครั้งหนึ่ง แล้วค่อยผ่านไปหรือเปล่า ผมรู้สึกได้ถึงของเหลวอันแสนเหนียวเหนอะหนะอยู่ใต้ฝ่าเท้า เพราะผมวิ่งเหยียบย่ำทุ่งกว้างสีแดงด้วยเลือดมาตลอดทาง
“การควบคุมพลังเวทถูกปลดออกไปแล้ว!”
“จะ…จู่ๆ มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง! ทำไมจู่ๆ ถึงดูสดชื่นขึ้นมาได้ล่ะ”
ผมได้ยินเสียงร้องตะโกนจากใครหลายๆ คนอยู่ตรงเบื้องหน้า ดังกระหึ่มจนได้ยินไปทั่ว
ผมจึงเงยหน้าขึ้น
กะแล้วเชียว
ผมเริ่มเห็นศัตรูมากที่ไกลๆ แล้ว อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด ดูท่าว่าพวกมันคงจะมารวมตัวอยู่ ณ ที่แห่งนี้มากที่สุด ผมจับความรู้สึกได้ว่าจำนวนคนคงจะมีมากโข จนมองให้ครบไม่หวาดไม่ไหว อีกทั้งยังเห็นภาพเหตุการณ์การต่อสู้อย่างรุนแรงอยู่ทั่วทุกหนแห่งอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ปาฏิหาริย์ อันเป็นความสามารถเฉพาะตัวของนักบวชแห่งความรุ่งโรจน์นั้น ได้ส่งอิทธิพลให้กำลังพลของพวกเรา ไม่ใช่แค่ผมเพียงคนเดียว เพราะเหล่าผู้เล่นจากทิศตะวันออกนั้นกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ไม่ใด้เป็นการสังหารอย่างโหดเหี้ยมอยู่ฝ่ายเดียวเหมือนคราวก่อนหน้านี้แต่อย่างใด
อาวุธของแต่ละฝ่ายต่างกระทบกระทั่งกัน จนเกิดเสียงดังน่าหนวกหู เสียงกรีดร้องโอดครวญดังสนั่นทั่วทุกหนแห่ง ลูกธนูถูกยิงออกมาทั้งสี่ทิศ ไหนจะระเบิดที่ปะทุขึ้นมาจากตรงนั้นที ตรงนี้ที คงจะเป็นเวทมนตร์ที่หลงเหลืออยู่ก็เป็นได้
ความคิดเรื่องชินซังยงที่ผุดขึ้นมาเมื่อครู่ก่อนหน้านั้นเริ่มทุเลาลงไปบ้างเล็กน้อยแล้วก็จริง แต่พอผมได้เห็นฉากการต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้านี้ด้วยตาตัวเองแล้วนั้น ในอกก็เกิดความร้อนรุ่มขึ้นมาทันที พลางรู้สึกได้ว่าความกระหายที่หลงลืมไปได้ฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง
ก่อนที่ผมจะย่างก้าวเข้าไปในขุมนรกตรงหน้า ผมก็ได้กวัดแกว่งเกียรติยศแห่งวิคตอเรียที่อยู่ในมือ ดาบที่เปี่ยมไปด้วยพลังเวทเล่มนี้ได้ส่องแสงสว่างโชติช่วง ลำแสงนี้ได้ส่องสว่างไปจนถึงสนามรบที่อาบย้อมไปด้วยเลือด
“มีคนบุก!”
ตอนนั้นศัตรูที่อยู่หลังสุดได้หันหลังกลับมา แล้ววิ่งเข้ามาผมในทันที ผมเอี้ยวตัวหลบหลีกหอกที่พุ่งเข้าจากด้านข้าง แล้วจึงฟาดดาบซ้ายทีขวาทีอย่างทันใด
สวบ!
เลือดสีแดงฉานพุ่งกระฉูดออกมาเป็นรูปตัวเอ็กซ์อยู่ตรงเบื้องหน้าผม อีกทั้งยังมีกระเซ็นโดนตาอีกด้วย
พรวด!
“อ๊ากกก!”
ในตอนนั้นมีชายผู้หนึ่งกระโดดพุ่งออกมาจากทางด้านหน้า เขาชูแขนทั้งสองข้าง พลางส่งเสียงคำรามน่ากลัวออกมา ในวินาทีที่แสงแดดสะท้อนเข้าที่คมมีดของมันนั้น ผมจึงได้ฟันเข้าไปที่ร่างของมันด้วยความว่องไว
ฉัวะ! พลั่ก!
คลื่นพลังที่อยู่กลางท้องฟ้านั้นได้ส่งกระแสรุนแรงจนกระแทกเข้ามายังศีรษะของมันทันที ร่างกายของมันที่กำลังโบยบินอยู่บนท้องฟ้า บัดนี้ได้กลายเป็นเพียงชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจัดกระจายไปทั่วทุกสารทิศ
พวกศัตรูที่เฝ้าดูผมจากทิศทางอื่นเห็นภาพเหตุการณ์เหล่านั้น จึงหยุดการเคลื่อนไหวไปเสียดื้อๆ
อะไรที่เข้ามาวุ่นวาย กวนใจฉัน ฉันจะฆ่ามันให้หมด
สถานการณ์ ณ ขณะนี้ ผมตัดสินใจแล้วว่าจะมุ่งตรงไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม อย่างน้อยผมก็จะยื่นเจรจากับพวกมันดู ทั้งนี้ก็เพื่อชินซังยงเท่านั้น
ในตอนนั้นเอง
“ในที่สุดก็เจอจนได้ ลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่”
เสียงของใครบางคนดังขึ้น ซึ่งเสียงคุ้นๆ เหมือนผมเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน กับรู้สึกได้ว่าใครบางคนกำลังย่างกรายเข้ามาอยู่ข้างๆ ผม ความเร็วของเขาถือว่ารวดเร็วใช่ย่อย ผมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งเฮือก ก่อนที่จะหันหน้าไปมอง บุคคลปริศนาคนนั้นได้เข้ามาอยู่ใกล้ผมแล้วเป็นที่เรียบร้อย
เพราะฉะนั้น จึงหมายความว่าพวกมันได้เข้ามาอยู่ทั่วทั้งสี่ทิศรอบกายผมแล้วอย่างแน่นอน ผมจึงหยิบเกียรติยศแห่งวิคตอเรีย แล้วจึงตั้งให้เอียงเล็กน้อยอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ยกขึ้นฟาดฟันไปที่แผ่นอกด้านขวามือ
เปรี๊ยะ!
บังเกิดสะเก็ดไฟสีแดงเพลิงสะท้อนออกมา อาวุธที่เฉียดกรายเข้ามานั้นคือหอกแน่นอน ปลายดาบได้กระทบเข้ากับปลายหอกพอดี จึงทำให้หอกนั้นพุ่งทะยานขึ้นไปเบื้องบนในทันที แต่กระนั้นพวกศัตรูก็ยังไม่หยุดเคลื่อนตัวมาหาผมแต่อย่างใด
“…?”
หลังจากนั้นผมจึงรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังจับไหล่ผมไว้ พร้อมกันนั้นยังได้ยินเสียงทุ้มต่ำดังแว่วเข้ามาอีกด้วย
“สุดยอดจริงๆ สมกับที่แพคซอยอนยอมศิโรราบ”
พวกเร่ร่อนเหรอ
การเคลื่อนตัวเข้ามาของหอกนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างพิลึกพิลั่น มันได้หมุนไปมาอยู่กลางอากาศ ราวกับว่าได้คาดไว้แล้วว่าจะใช้ป้องกัน หลังจากนั้นจึงค่อยๆ ตีโต้เป็นวงล้อพุ่งเข้ามาทันที หอกด้ามนั้นได้ปลุกปั่นให้เกิดพลังลมอันน่าเสียวซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย และแน่นอนว่ามันได้เล็งเข้ามาหาผมจากมุมเสย
“ก่อนอื่นก็ขอเจาะหน่อยสักรูนะ แล้วค่อยคุยกันหลังจากนี้”
หากเป็นแต่ก่อน ผมคงชื่นชมอยู่ในใจแล้วล่ะว่า พวกมันรอบคอบ กระจายความสนใจได้อย่างทั่วถึง จนสามารถบุกเข้ามาตีได้อยู่เรื่อยๆ ทว่าตอนนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น
การขัดขวางนี่เอง
พอผมคิดได้ว่ามันคือการขัดขวาง จึงได้ลอบกัดริมฝีปากเบาๆ แล้วจึงค่อยปลุกปั่นพลังที่แฝงอยู่ในใจขึ้นมาอย่างเต็มที่
โฟ่ว โฟ่ว!
พลังของฮวาจองได้แผ่ซ่านออกมาจากทรวงอก ดอกไม้ไฟอันเจิดจ้าจึงไม่รอช้า รีบกลืนกินเจ้าหอกพวกนั้นไป และตามที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด หอกของพวกมันได้ถูกเผาวอดวายไปจนหมดสิ้น
หลังจากนั้น ท้องฟ้าเบื้องบนจึงว่างเปล่าราวกับว่าไม่เคยมีหอกใดเฉียดกรายเข้ามาได้เลย
ผมรู้สึกถึงพลังอันน่าสยดสยองเล็กๆ จากฝ่ามือที่กำลังจับไหล่ผมอยู่ ณ ตอนนี้
“ปล่อยมือ และไสหัวไปซะ”
ผมเปิดปากพูดในที่สุดและชูเกียรติยศแห่งวิคตอเรียขึ้นมาด้วย
“แค่ก!”
เสียงโอดครวญดังขึ้น และรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างได้ระเบิดกระจายออกไป ผมจึงปัดป่ายดาบไปยังทิศข้างหน้าอย่างแรง เหมือนกับแค่สะบัดมือไปมาเท่านั้น ทันใดนั้นจึงได้เห็นว่ามีชายผู้หนึ่งกำลังแลบลิ้น แล้วจึงหงายหลังล้มไปบนพื้น
ฮยอนงั้นเหรอ เขาเคยสนทนากับผมเมื่อครั้งที่อยู่ ณ ป้อมปราการก่อนจะมีการต่อสู้เกิดขึ้น
ผมไม่รู้หรอกว่าพวกมันจะป้องกันตัวอย่างไร แต่หมอนั่นยังไม่ตาย หลักฐานก็คือ มันยื่นมือออกมา ค้ำยันกับพื้นไว้ ผมจึงวิ่งเข้าไปหาเจ้าหมอนั่นทันที แล้วจึงฟันมีดลงไป พลางเขี่ยมือที่กำลังค้ำยันอยู่กับพื้นด้วย จากนั้นเตะเข้าไปที่หน้าท้องของมันด้วยฝ่าเท้าที่เต็มไปด้วยพลังเวทมากมาย
พลั่ก!
“อั้ก!”
เจ้าหมอนั่นกลิ้งหลุนๆ ไปกับผืนดินอีกครั้ง พลางร้องโอดครวญอย่างน่าสังเวชใจออกมาด้วย
ผมเข้าไปหามันอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้เตะเข้าที่ท้อง กลับเตะไปที่ใบหน้าของมันแทน เหมือนกับเตะลูกบอลลูกหนึ่ง เตะจนแน่ใจแล้วว่าศีรษะของมันคงใกล้เหมือนแตงโมระเบิดเต็มที เพราะมันกรีดร้องโหยหวนออกมาไม่หยุดหย่อน ผมมองเจ้าหมอนี่ที่นอนอ่อนเปลี้ยตรงหน้า ก่อนที่จะสูดลมหายใจ แล้วเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง
“…”
“…”
พวกศัตรูไม่ได้เข้ามาจู่โจมแต่อย่างทันใด พวกมันกระจายตัวล้อมรอบทั้งสี่ทิศก็จริง แต่ก็ยังมีบางส่วนที่กำลังจ้องผมอย่างไม่ลดละ แม้เหล่าผู้เล่นฝั่งทวีปตะวันตกจะมีความนิยมชมชอบในสงคราม ทว่า ณ ขณะนี้ พวกนั้นกลับมีท่าทีลังเล ได้แต่มองผมสลับกับพื้นที่บริเวณนี้ไปมาอย่างเดียวเท่านั้น
ในสถานการณ์เช่นนี้ ผมจึงก้าวออกไปหนึ่งก้าว พวกศัตรูเห็นดังนั้นจึงถอยหลังไปหนึ่งก้าวเช่นกัน
ผมรู้สึกได้ว่ามีของเหลวอุ่นๆ ไหลอยู่บริเวณเส้นผมและข้างแก้ม ผมสัมผัสถึงสิ่งนั้นได้ แล้วจึงเกิดความกระหายขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ อาการคอแห้งที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้กำลังเริ่มทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ
ผมเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าทำไม หากผมฆ่าพวกมันที่ยืนประจันหน้าให้สิ้นซากไปได้ คงจะหายห่วงไปได้บ้าง เมื่อครั้งที่ได้สังหารพวกเร่ร่อนไปก่อนหน้านี้ ผมก็รู้สึกแบบนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ลำคอที่เคยเร่าร้อนเหมือนมีไฟมาแผดเผาก็สามารถแปรเปลี่ยนมาเป็นความสดชื่นได้ในชั่วพริบตา
โอเค ถ้าไม่เข้ามา งั้นฉันจะเข้าไปแล้วกัน
ผมคิดได้เช่นนั้น ขณะที่ผมกำลังโค้งตัว ลูกธนูบางส่วนก็ได้ยิงพุ่งเข้ามาหาผม ผมรีบไถลตัวไปด้านหน้า จนสามารถหลุดพ้นจากการระดมยิงลูกธนูได้สำเร็จ พลันได้เสียงธนูปักลงพื้นไล่หลังดังขึ้นมาอีกด้วย
“โธ่เว้ย!”
จากที่เคยบินเหินขึ้นสู่ท้องฟ้าในระดับที่ไม่ได้สูงมาก บัดนี้เท้าของผมกำลังใกล้แตะผืนดินเข้าเต็มที ซึ่งในตอนนั้นเอง พวกมันที่เอาแต่จ้องมองผมมาตั้งแต่เมื่อกี้ ก็ได้วิ่งกรูกันเข้ามา
ผมรีบตั้งดาบขึ้นมาในแนวเฉียง แล้วเริ่มบุกเข้าไปหาพวกมัน หลังจากนั้นจึงก้มตัวลง พลางใช้พละกำลังที่มีอยู่ทั้งหมดในการลื่นไถลเข้าไปทันที
ผมหลุดพ้นวงโคจรของอาวุธจำนวนมากมายที่เตรียมพร้อมฟาดฟันได้สำเร็จ พลางตวัดดาบหนึ่งครั้ง เหมือนกับจะเก็บดาบเข้าใส่ด้านในดังเดิม ทันใดนั้นผมจึงรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างกำลังเดินเอื่อยๆ เข้ามาหา และในตอนที่ผมสามารถพ้นออกมาจากตำแหน่งนั้นได้นั้นเอง
“อ๊าก! อ๊ากกก!”