Memorize - เล่มที่ 19 ตอนที่ 35
ความคิดเหล่านั้นผุดขึ้นมา ในขณะที่ตัวผมกำลังยืนแน่นิ่งไร้การเคลื่อนไหวอยู่เช่นนั้น ตอนนี้สายตากำลังจดจ้องไปที่สมาชิกเผ่า
ไม่รู้ว่าเพราะประสิทธิภาพจากปาฏิหาริย์ของอันซลหรือไม่ จึงทำให้ทุกคนดูปลอดภัยดี ยกเว้นชินซังยงเพียงผู้เดียว ผมเห็นเช่นนั้นจึงรู้สึกเบาใจ ในขณะที่เกิดความกังวลขึ้นมาด้วย ความรู้สึกดังกล่าวนั้นไม่ได้ปะทุขึ้นมาโดยตรง หากแต่คอยไหลเวียนวนในช่วงเผลอใจลอย แต่ผมก็ยังรู้ดีว่าความรู้สึกที่ว่าเป็นเช่นไร
ผมคิดว่าอย่างไรก็จะต้องเดินไปต่อ จึงได้เริ่มยกเท้าเตรียมก้าวออกไป แต่สุดท้ายกลับทรุดตัวลงสู่ผืนดินเบื้องล่างอีกครั้ง และในช่วงที่ผมกำลังกัดปาก และเท้ายังไม่ทันแตะพื้นดีนั้นเอง
“ซูฮยอน!”
…?
“ซูฮยอน! ซูฮยอน!”
จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นมากะทันหัน ผมจึงรีบหันไปหาต้นเสียง แล้วก็ได้พบกับเงาของใครคนหนึ่งที่กำลังวิ่งฉิวออกมาจากที่ๆ หนึ่ง พอผมได้เห็นเงานั้นชัดๆ จึงได้ออกอาการจิ๊ปากเล็กน้อย
พี่ชายกำลังวิ่งมาหา
“ซูฮยอน! นาย…! เอ๋…?”
พี่วิ่งเข้ามาประชิดตัวผมในที่สุด และในวินาทีที่เราได้สบตากันนั้น เขาจึงเกิดการชะงักไปเล็กน้อย
“นาย…ไม่เป็นไรนะ”
“ไม่เป็นไรอะไรล่ะ”
ผมถามกลับไป
ถึงคำพูดที่พูดออกไปจะดูไม่มีความหมายอะไร แต่หากลองแยกแยะดูดีๆ แล้ว จะรู้ได้ว่าผมไม่เป็นไรเสียที่ไหนกันล่ะ ผมไม่ได้รู้สึก ‘ขุ่นเคืองใจ’ แต่อย่างใด เพราะตอนนี้ร่างกายรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน พออีกฝ่ายรับรู้ได้ถึงสิ่งนั้น แววตาเขาจึงเกิดการไหววูบไปเสี้ยววินาที
“เอ่อ…”
“ซูฮยอน!”
ตึก
จู่ๆ ก็หยุดการเคลื่อนไหวอยู่ตรงเกือบใจกลางของผืนดิน พอผมหันหน้าไปมอง ก็พบเข้ากับพี่ชายของตัวเอง ดูท่าแล้วเขาคงเห็นผมล้มตัวลง จึงได้วิ่งเข้ามาหวังจะประคองร่างผมไว้
“ตอนนี้นาย…”
แล้วพี่ชายจึงเปิดปากพูดในที่สุด แต่พอเขาเห็นหน้าผมแล้ว ก็รีบปิดปากฉับลงอีกครั้ง จริงๆ แล้วเขาตั้งใจจะพูดว่าอะไรกันนะ
ในตอนนั้นเอง
“ซูฮยอน!”
“แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่!”
คงเป็นเพราะพี่ชายผมพูดเสียงดังมาก จึงทำให้สมาชิกเผ่าที่ยืนหันหลังอยู่ ถึงกับเริ่มหันมามองช้าๆ ผมหลับตาครู่หนึ่ง ก่อนที่จะออกแรงยืนขึ้นอีกครั้ง
จู่ๆ ก็เกิดอวดเก่งอะไรไม่เข้าท่าขึ้นมาเสียได้ หากผมหมดสติในตอนนี้ เห็นทีคงจะเซ็งเต็มแก่ และเหนือสิ่งอื่นใด ผมไม่ชอบเห็นตัวเองอ่อนแอเอาเสียเลย
“…”
พี่ชายผมไม่ปริปากพูดอะไรออกมาเลย ซึ่งผิดคาดเป็นอย่างมาก เพียงแต่เข้ามาประคองผมอย่างเดียวเท่านั้น เขาปิดปากเงียบไม่พูดไม่จา พลางช่วยผมประคองตัวเดิน
จนในที่สุด ระยะห่างระหว่างผมกับสมาชิกเผ่าก็ได้ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผมเห็นมีไม่กี่คนที่วิ่งเข้ามาหา แต่แล้วกลับได้ยกมือห้ามเขาไม่ให้วิ่งเข้ามา เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าให้พวกเขาอยู่เฉยๆ เท่านั้นก็พอ
ยิ่งระยะทางร่นเข้ามามากขึ้นเท่าใด ความเศร้าเสียใจก็ยิ่งฉายให้เห็นชัดมากขึ้นเท่านั้น สังเกตได้จากใบหน้าของสมาชิกเผ่าทั้งแปดคน
จำนวนของสมาชิกเผ่าที่เหลืออยู่นั้นมีอยู่แปดคน สี่คนกำลังฟุบตัว ไม่ก็นอนคว่ำอยู่ล้อมรอบชินซังยง ส่วนอีกสี่คนที่เหลือก็กำลังยืนนิ่งเงียบ ดูริบหรี่ไร้ซึ่งความหวังเป็นอย่างมาก
“ฮึก ฮือ…ฮือ… พี่ครับ เพราะผม เพราะผม พี่ซังยงก็เลย…”
ในบรรดาพวกเขาเหล่านั้น ดูท่าว่าอันฮยอนจะอาการหนักสุด เจ้านั่นถึงกับทิ้งอุปกรณ์ทุกชิ้นของตัวเอง และได้แต่ฟุบหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นปานจะขาดใจ
ข้างๆ กันนั้น คือ อันซลกับอียูจองที่กำลังนั่งทรุดตัวลงอย่างไร้เรี่ยวแรงเหมือนคนสติหลุด บริเวณแก้มของคนทั้งสองมีแต่รอยคราบน้ำตา ดูแล้วคงจะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
และสุดท้ายก็ได้เห็นวิเวียนที่นั่งเหมือนคนอ่อนแรง หล่อนไม่เหลียวตามองหลังเลย แม้ผมจะเดินมาถึงแล้วก็ตาม หล่อนได้แต่จ้องมองชินซังยงอยู่อย่างเงียบๆ
“ซู ซูฮยอน?”
จู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงใครบางคนร้องเรียกผมดังขึ้น แต่แล้วผมก็ผ่านเลยไป หาได้สนใจไม่ และในวินาทีที่ผมกำลังจะแทรกตัวเข้าไปเพื่อสำรวจร่างชินซังยงโดยละเอียดนั่นเอง
ทันใดนั้น วิเวียนก็หันมามองผมในที่สุด หยาดน้ำตาไหลรินลงมาจากดวงตาคู่สวยของหล่อน
“คิมซูฮยอน”
“…”
“ชินซังยงตายแล้ว”
“…”
ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป และได้ก้มมองชินซังยง ริมฝีปากของเขายังคงยกยิ้มน้อยๆ รอยยิ้มยังคงดูผ่อนคลายเหมือนคราวก่อนไม่มีผิด
“เขาเป็นลูกศิษย์คนแรกของฉัน แต่… ฉันไม่นึกเลยว่าเราจะต้องมาจากกันแบบนี้….”
“…”
“ฉัน…ไม่ชอบอะไรแบบนี้เอาซะเลย…”
ประโยคสุดท้ายจากวิเวียนที่พูดไปร่ำไห้ไปถูกเปล่งออกมา และประโยคเหล่านั้นได้จมดิ่งลงในดวงจิตของผม
ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป สถานการณ์เช่นนี้ผมต้องพูดอะไร และแบบไหนออกไปกัน?
“…”
บรรยากาศรอบข้างเงียบสงบชั่วครู่หนึ่ง
ในตอนนั้น
“ฉันรู้วิธีที่จะทำให้เขากลับมามีชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง”
เสียงอันแสนแผ่วเบาดังแว่วเข้ามาในหู ทุกคนที่ได้ยินคำนั้น จึงพร้อมใจรีบหันหน้าไปมองต้นเสียงในทันที
และในจุดที่สมาชิกเผ่าทุกคนต่างกำลังจดจ้องอยู่ นั่นก็คือที่ที่คิมฮันบยอลยืนอยู่นั่นเอง
“ฉันรู้มาว่าที่ร้านค้าสำหรับผู้เล่น มีรายการของที่ชื่อว่าความปราถนาอยู่ มันต้องใช้คะแนนโกลเด้นพอยต์เยอะมาก แต่ก็สามารถช่วยให้คนตายกลับมามีชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง….”
“คิมฮัน…!”
“วะ…ว่าไงนะ?”
“เรื่องจริงเหรอ”
อันฮยอนและอียูจองรีบปรี่เข้ามาหาคิมฮันบยอลอย่างรวดเร็ว โดยคิมฮันบยอลได้ตอบกลับไปว่า ‘เป็นเพียงแค่เรื่องเล่าที่ได้ยินมาเท่านั้น บางทีอาจจะไม่ใช่ก็ได้’ ผมได้แต่ยืนขบฟันแน่น
แต่คำตอบของคิมฮันบยอลคงยังไม่ได้ข้อมูลมากเพียงพอ อันฮยอนจึงได้วิ่งเข้ามาหาผมทันที
“พี่! พี่! จริงใช่ไหมครับ มีความปราถนาอยู่จริงๆ ใช่ไหมครับ”
“…”
ผมหลับตาโดยอัตโนมัติ ความทรงจำที่จู่ๆ ก็ผุดขึ้นมา ทำให้ภายในหัวตีกันอย่างยุ่งเหยิง แต่สุดท้ายก็สามารถค้นหาคำตอบได้อย่างหวุดหวิด
“พอก่อนเถอะ”
“พี่! ถ้าเราสะสมคะแนนโกลเด้นพอยต์แล้วเราจะช่วยให้พี่ซังยงให้ฟื้นกลับมาได้ใช่ไหมครับ ว่าไงครับ”
แม้จะบอกให้เลิกพูดเรื่องนี้ แต่อันฮยอนก็ยังคงตื๊อเอาเป็นเอาตาย
ผมจึงจับลำคอที่สั่นเทาของตนเองพลางเอ่ยปากพูด
“ฮยอน”
ทันทีที่ผมเรียกชื่อเขาไป อันฮยอนจึงเกิดอาการผงะทันที
“ขอร้อง…ขอร้องล่ะ หยุดทีเถอะ เรื่องนั้น…ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง”
“พี่! อ๊ะ…พี่…?”
ผมไม่ตอบอะไรกลับไปอีก และรีบหันหน้าไปทันที แต่ในตอนนั้น ผมได้เห็นเปลวไฟที่กำลังปะทุอยู่ในแววตาของอันฮยอนที่จ้องมองผมมา
และไม่ใช่เพียงแค่อันฮยอนคนเดียวเท่านั้น สมาชิกเผ่าที่คอยเฝ้าดูมาตั้งแต่ผมเจอพี่ชาย ต่างก็จ้องมองมาทางผมด้วยสายตาที่ทั้งกังวลและตกใจในคราวเดียวกัน
และในตอนนั้นเองที่ผมได้เห็นว่าทั้งเนื้อทั้งตัวของตัวเองเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ตัวของผมอาบย้อมไปด้วยสีแดงเลือด จนแทบมองไม่เห็นสีเนื้อหนังเลยแม้แต่จุดเดียว
ผมถอดเสื้อนอกออกด้วยท่าทีเรียบเฉย แต่เสื้อนอกกลับอยู่ในสภาพยับเยินไม่ต่างกัน เป็นแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ บริเวณหลังก็ขาดวิ่น ไม่น่ามองเอาเสียเลย ผมจึงใช้มันถูหน้าตัวเองแรงๆ ครั้งเดียวคงจะไม่พอ จึงได้ถูเพิ่มอีกสองครั้ง สามครั้ง ในตอนนั้นจึงได้รู้สึกว่าตรงหน้าตัวเองพลันดูสดใสมากขึ้นเล็กน้อย
ตั้งสติหน่อยสิ คิมซูฮยอน!
เมื่อในใจค่อยรู้สึกผ่อนคลายลง ผมจึงได้เค้นเสียงออกมาพูดอีกครั้ง
“ผู้เล่นโกยอนจู”
“คะ ค่ะ!”
“ขอให้คุณจัดการศพของผู้เล่นชินซังยงตอนนี้เลยครับ ส่วนผมจะเข้าไปจัดการสนามรบเองครับ”
“รับทราบค่ะ”
หลังจากนั้น ผมจึงชายตามองดูพี่ชาย พี่ยังคงจ้องมองผมอย่างนิ่งๆ ผมมองเขากลับไป และความทรงจำบางอย่างก็ได้ผุดขึ้นมา
ชินซังยง? ความปรารถนา?
สามารถฟื้นขึ้นมาได้อีกครั้ง
สุดท้ายแล้ว การช่วยให้เขากลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่งนั้น จะเป็นการเลือกที่ตัดสินใจถูกต้องหรือไม่?
ในภายภาคหน้า ก็คงจะ…
ไม่สิ ไม่ใช่คงจะ
สาเหตุที่ผมกลับมานั้น ไม่ใช่เพื่ออยู่ดีมีสุขที่ฮอลล์เพลนแต่อย่างใด ผมกลับมาเพื่อพาพี่ชายกับฮันโซยองกลับไปยังโลกมนุษย์ให้ได้ ‘อย่างปลอดภัย’ เท่านั้น และนั่นคืออนาคตที่ผมได้คิด วางแผน และตั้งใจจะทำให้สำเร็จจงได้
แต่ว่า
เมื่อช่วงเวลานั้นเดินทางมาถึง สุดท้ายแล้ว การช่วยให้ชินซังยงกลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่งนั้น จะถือว่าเป็นการเลือกที่ถูกต้องหรือไม่กันเล่า?
ผมไม่สามารถหาคำตอบของคำถามข้อนี้ได้เลย
เพราะ…
แม้จะช่วยกู้ชีวิตผู้เล่นที่เสียชีวิตไปแล้วครั้งหนึ่งได้ขึ้นมาอย่างไร แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่สามารถกลับไปยังโลกมนุษย์ได้อยู่ดี