Memorize - เล่มที่ 19 ตอนที่ 4
การโบยบินสามขั้นตอน
การโบยบินสามขั้นตอนนี้ ไม่ได้หมายความว่าสามารถใช้ได้เพียงสามครั้งแต่อย่างใด ผมจะแบ่งพลังในการเคลื่อนย้ายที่ตัวเองมีในครอบครองเป็นสามสิ่ง และในทุกๆ ครั้งที่ผมกระโดด ผมจะสามารถควบคุมพลังเวทที่เข้าไปเป็นส่วนประกอบในนั้นได้ อีกทั้งยังสามารถปรับระยะทางที่จะแล่นลงสู่พื้นดินได้อย่างอิสระอีกด้วย ซึ่งนี่แหละคือความสามารถทั้งหมดของมัน
วินาทีที่ได้มุมออกมาแล้วนั้น ผมจึงลงมือทำอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว
ผมผละออกจากพื้นดินแล้วโผตัวขึ้นทันทีทันใด การก้าวกระโดดครั้งแรกโดยใช้ความเร็วที่อยู่ในออร์โธรส ลอง บู๊ทส์ได้เริ่มต้นแล้ว
“ตายซะ!”
ช่วงเวลาที่ผมม้วนตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า ความกระหายเลือดมากมายจนมิอาจคาดเดาปริมาณได้นั้นกำลังตั้งหน้าตั้งตารอผมอยู่ ความกระหายเลือดเหล่านั้นไหลทะลักเข้ามาอย่างรุนแรง
แต่ทว่าเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ผมคาดเดาไว้อยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เมื่อผมโผตัวขึ้นมาอยู่บนฟ้าได้สำเร็จ ผมจึงหยุดร่างกายของตัวเองให้แน่นิ่งอย่างรวดเร็วโดยทันที ผมถึงสามารถรู้สึกได้ถึงความกระหายมากมายที่กำลังอยูบนท้องฟ้าอันกว้างขวางเช่นนี้
ก่อนอื่นเราจะต้องหนีออกไปก่อนก็จริง แต่ทว่าผมไม่มีความคิดที่จะพาตัวเองลงสู่ผืนดินแต่อย่างใด ผมสะบัดเท้าไปมาอย่างรวดเร็วก่อนที่ตัวเองจะแล่นลงสู่ผืนดินได้อย่างสมบูรณ์แบบ และแล้วหลังจากนั้นผมจึงรู้สึกได้ว่าฝ่าเท้าของผมกำลังเหยียบอยู่บนหัวไหล่ของใครบางคน
เพราะอย่างนั้น จึงทำให้ผมใช้การก้าวกระโดดของรองเท้าบู๊ทส์อีกครั้ง
ฟิ้ว!
ในคราวนี้ลูกธนูได้เล็ง และยิงเข้ามาทางผมอีกครั้งหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รู้สึกได้ว่าความกระหายเลือดได้ลดลงไปเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ผมจึงคว้าเกียรติยศแห่งวิคตอเรียออกมาเพื่อกำบังในทิศทางที่ลูกธนูพุ่งเข้ามา
อะไรบางอย่างถูกเฉือนออกไปเหลือเพียงครึ่งเดียว หลังจากนั้นจึงอันตรธานแล่นหายวับขึ้นไปสู่ท้องฟ้า แต่ผมก็ไม่สามารถขัดขวางการกระทำนั้นได้ เพราะรู้สึกได้ว่ามีลูกธนูจำนวนไม่น้อยพุ่งเข้ามาทุกทิศทุกทาง แล้วจึงได้เข้ามาปะทะกับร่างของผม
ผมเม้มริมฝีปากเล็กน้อยมองลงไปด้านล่าง แม้จะมีเนื้อที่เพียงเล็กน้อย แต่ก็เห็นได้ว่ามีขบวนแนวรบแน่นเอี๊ยดกำลังย่ำเท้าอย่างไม่หยุดหย่อน เหล่าศัตรูเงยหน้าขึ้นมามองผมอยู่ตาเป็นมัน และกำลังตั้งอาวุธที่มีความยาวพอสมควรให้ตั้งตรงพอดี
หากผมแล่นลงสู่เบื้องล่างในสภาพเช่นนี้ล่ะก็ ความสมดุลของร่างกายมีหวังพังทลายแน่ๆ จุดสำคัญของการโบยบินขั้นที่สามคือ จะต้องแสดงให้เห็นถึงการกระทำและการเคลื่อนไหวตามส่วนที่ได้แบ่งเป็นขั้นหนึ่ง ขั้นสอง และขั้นสาม โดยจะต้องกระทำให้ไหลลื่นราวกับสายน้ำ
เพราะฉะนั้น คำตอบที่ถูกต้องจึงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น หากผมสามารถสร้างพื้นที่ได้เหมือนก่อนหน้านี้ก็จะสำเร็จ
ในเวลาต่อมา ผมจึงเริ่มเป่าเวทมนตร์เข้าไปในดาบ พร้อมๆ กับร่างกายที่ค่อยๆ ร่วงหล่น แล้วจึงมุ่งหน้าไปยังจุดที่จะทำการโรยตัวลง เริ่มตวัดดาบฟาดฟันลงไปทันที
เกียรติยศแห่งวิคตอเรียพ่นไอสีดำออกมาสั้นๆ ทุกครั้งที่เป็นอย่างนั้น มันก็จะยิ่งคลื่นยาวประมาณสามสิบเซนติเมตรเข้าไปทางพวกศัตรู
ผลที่เกิดขึ้นนั้นทำให้เกิดเสียงดังชวนน่าปวดหัว พร้อมทั้งการเคลื่อนตัวไปมาอย่างชุลมุนวุ่นวายท่ามกลางฝุ่นอันหนาทึบ กระแสคลื่นที่ฟาดฟันลงมาอย่างไม่ไว้หน้าใครเช่นนี้ ได้กลายมาเป็นกับดักแห่งแสงในภายหลัง แล้วแสงนั้นก็ได้เข้าไปช่วยสร้างหลุมขนาดเล็กบริเวณแนวรบของเหล่าศัตรู
ต่อมาไม่นาน ผมจึงรู้สึกได้ว่าเส้นผมกำลังปลิวไสวไปมาจากแรงลมอันโหมกระหน่ำ แล้วจึงค่อยร่อนตัวลงสู่พื้นดินใน ณ วินาทีที่การโบยบินครั้งที่หนึ่งได้เสร็จสิ้น และเท้าสามารถแตะสู่ผืนดินได้อย่างปลอดภัย ผมรู้สึกได้ว่าแสงที่กำลังส่องสว่างได้เข้ามาปกคลุมทั่วทั้งร่างกาย เสียงอากาศสลายตัวแยกออกจากกันดังขึ้น พร้อมๆ กับมีดอันแสนแวววาวนับสิบที่จ่อเข้ามาหาผมจากทั่วทุกสารทิศ
การโจมตีที่ต่อเนื่องอย่างนั้นทำให้ผมถึงกับจิ๊ปาก ผมรีบเงยหน้าขึ้นและจ้องเขม็งไปข้างหน้า จึงได้เห็นว่า ในระหว่างที่อาวุธทั้งหลายของมันกำลังยิงมาที่ผมอยู่นั้น แนวรบของมันกลับเละเทะกระจัดกระจายไปเสียหมดแล้ว ผมจึงปลุกวิชาการเคลื่อนย้ายร่างในพริบตา เตรียมพร้อมสู่การโบยบินครั้งที่สองขึ้น แล้วรีบออกแรงวิ่งฝ่ากองทัพที่เละเทะของพวกมันไป
ผมหลับตาลงหนึ่งครั้ง แล้วทันทีที่เปิดตาขึ้นมา ก็ได้พบกับภาพทิวทัศน์ตรงหน้าที่แปลกแตกต่างออกไป และในเวลาเดียวกันนั้นก็ได้ยินเสียงโห่ร้องยินดีดังไล่หลังขึ้นมาอีกด้วย แต่ทว่าดูเหมือนภาพแห่งความประทับใจเหล่านั้นจะต้องหายลับไปเสียแล้ว ผมไม่มีเวลาพอที่จะเหลียวหลังกลับไปมอง จึงเริ่มออกแรงวิ่ง แล้ววิ่งต่อไปในทันที
ระยะทางเหลือเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น
ชั่วพริบตาเดียว ระยะทางก็ร่นลงมาเหลือเพียงครึ่งทางเท่านั้น นั่นก็คือสิบห้าเมตร ถ้าเป็นในเวลาปกติ ระยะทางแค่นี้ผมวิ่งแป๊บเดียวก็ถึง
แต่พอได้รู้ว่าราชาแห่งภูตอยู่ตรงหน้าก็ทำให้ผมเริ่มรู้สึกอึดอัดอย่างไม่มีสาเหตุขึ้นมากะทันหัน ดูท่าแล้วคงสามารถเรียกได้ว่าเป็นด่านสุดท้ายที่ผมจะต้องฝ่าฟัน ก่อนที่จะได้เข้าไปถึงตัวคนเรียกภูต แต่ทว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ต่อกรได้ง่ายๆ
มาถึงขนาดนี้แล้วจะให้ผมทำอย่างไรล่ะ ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับว่าใครที่มองเกมออกได้มากกว่ากันแล้วแหละ ดังนั้นผมจึงได้ออกแรงวิ่งต่อไป
ผมลอบกลืนน้ำลายครั้งหนึ่ง ผมรู้ดีว่าหากผมโผตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง ตัวเองจะต้องตกเป็นเป้าหมายอีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ทว่าพื้นที่โล่งสำหรับผม ณ ตอนนี้ก็มีเพียงแค่ท้องฟ้าเท่านั้น ในท้ายที่สุดแล้ว ผมจะสามารถหลบหนีสิ่งต่างๆ ที่กำลังจ่อเข้ามา แล้วสามารถข้ามราชาแห่งภูตไปได้หรือไม่
ฝากไว้กับดวงไม่ได้แล้วล่ะ
คนเรามักฝากชีวิตไว้กับดวงก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว พวกศัตรูต่างกำลังจดจ้อง เฝ้ามองทุกๆ การกระทำของผมอยู่ ผมจะต้องเล็งจุดนั้นให้ได้ บางทีหากเล็งเข้าไปในตอนนี้อีกครั้งน่าจะดี ทั้งเวทมนตร์ที่ใส่เข้าไปกับลูกธนูต่างๆ ผมจะต้องใช้งานพวกมันอีกครั้งหนึ่ง การที่ผมจะเจาะทะลวงราชาแห่งภูตได้แล้วออกไปได้นั้น เริ่มเห็นเค้าลางความเป็นไปได้มากขึ้นทุกที
ผมคิดเช่นนั้น ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นเอง ผมรู้สึกได้ถึงการจู่โจมที่บุกเข้ามา ผมจึงได้เริ่มลงมือปฏิบัติภารกิจทันที
อันดับแรกคือ คงต้องดีดตัวขึ้นจากผืนดินเสียก่อนที่จะปลุกปั่นวิชาการเคลื่อนย้ายร่างในพริบตา ต่อจากนั้น เมื่อพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้ว ผมก็จะใช้วิชาการเคลื่อนย้ายร่างในพริบตาที่ตระเตรียมมาเพื่อไม่ให้ขาดตอน แต่เท้าของผม ณ ตอนนี้ยังคงอยู่ติดกับผืนดิน
ผมพาตัวเองฝ่าลมที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรง แล้วโผขึ้นมาอยู่บนอากาศในทันที แต่ทว่าร่างกายผมกลับเกิดการลนลานไปชั่วขณะเสียได้
ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้ผมเสียสมดุล
ตึง!
ณ วินาทีที่ผมโผตัวขึ้นสู่เบื้องบน ผมจึงตัดสินใจลงมาสู่ผืนดินอีกครั้งหนึ่ง
ปัง! ปัง!
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
แต่สายเกินไป เพราะเวทและลูกธนูจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่ผมที่อยู่กลางอากาศ พวกศัตรูเล็งเป้ามาที่ผมซึ่งลอยตัวอยู่บนอากาศ แต่ทว่าพอผมบินขึ้นสู่ท้องฟ้า ผมก็ลงสู่พื้นดินด้วยวิชาการเคลื่อนย้ายร่างในพริบตา ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งวินาทีเท่านั้น เพราะก่อนที่ผมจะพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้านั้น ผมได้ตัดสินใจแล้วว่าจะกระโดดขึ้นไปด้วยความสามารถในการเคลื่อนย้ายร่างในพริบตาที่ได้เตรียมตัวไว้กับความสามารถอื่นๆ พร้อมๆ กัน
สิ่งนี้แหละทำให้ผมมีโอกาสอีกครั้ง
แม้จะยังมีขวากหนาม ที่ชื่อว่าราชาแห่งภูตขวางกั้นอยู่ แต่ก็นับว่าดีกว่าเมื่อครู่ก่อนหน้านี้อยู่มาก
ผมรีบเร่งลงมือทำในทันที ก่อนที่เวลาที่ผมลงทุนลงแรงสร้างมาอย่างยากลำบากจะหมดสิ้นไป
ผมกระชากคอเสื้อของชายผู้หนึ่งที่เอาแต่เหม่อลอย กะพริบตาไปมาอยู่ตรงเบื้องหน้า แล้วจึงพากระชากลงสู่เบื้องล่างอย่างเต็มแรง
ผมคิดว่าการกระโดดในครั้งนี้นี่แหละ ที่บอกได้ว่าเราจะแพ้หรือชนะ ผมคิดเช่นนั้น แล้วค่อยเหยียบไหล่ของชายที่ยอมให้กระชากตัวลงมาอย่างว่าง่าย แล้วจึงดึงพลังความมุ่งมั่นที่อยู่ข้างในออกมา และวิ่งพรวดข้ามไปในที่สุด
ระยะทางระหว่างราชาแห่งภูตเหลือประมาณห้าเมตรเท่านั้น ซึ่งเป็นระยะทางที่สามารถใช้พลังก้าวกระโดดข้ามไปได้อย่างสบายๆ ไม่รู้ว่าผมออกแรงวิ่งอย่างสุดกำลังหรือไม่ เพราะร่างกายของผมโผบินไปในอากาศ วาดเส้นโค้งอย่างสวยงาม จนสามารถเข้าใกล้กับอสูรน้ำร่างใหญ่ได้ในชั่วพริบตา
ดูเหมือนราชาแห่งภูตพอจะรับรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวผมได้แล้ว มันก้มหัวลงมองมาข้างล่าง แล้วจึงเริ่มจ้องผมตาเขม็ง หลังจากนั้นจึงบังเกิดลำแสงสีฟ้าจำนวนหลายสิบเส้นพุ่งออกมาจากทั่วทั้งร่ายกาย ในเวลาเดียวกัน ที่แขนขวาของมันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างอีกด้วย ผมที่กำลังโผตัวขึ้นไปข้างบนนั้น โดนลำแสงสีฟ้าที่มีพลังรุนแรงจ่อเล็งที่ตัว แล้วมันก็ยิงออกมา
ปัง ปัง ปัง!
สถานการณ์ที่แทบไม่แตกต่างไปจากการกระดมยิงเช่นนี้ ทำเอาผมเผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะ ผมรับมือกับสิ่งนั้นด้วยการยื่นดาบไปด้านหน้า พร้อมทั้งใส่พลังเวทเข้าไปอย่างสุดกำลัง แล้วจึงค่อยเตรียมกระแสคลื่นที่จะมาเฉือนร่างราชาแห่งภูต
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
ผมรับมือกับสิ่งเหล่านั้นด้วยความมั่นอกมั่นใจอย่างเปี่ยมล้น ลำแสงสีฟ้าที่เข้ามาสัมผัสร่างนั้นได้ก่อตัวเป็นละอองน้ำกระจายไปทั่วเหมือนกับคราวก่อน แล้วจึงค่อยพุ่งกระฉูดขึ้นสู่ฟากฟ้า ถึงผมจะโดนทุบ โดนตีมาอย่างต่อเนื่องจนถึงเมื่อครู่นี้ แต่ถึงอย่างนั้นด้วยความที่ผมยังมีพลังต้านทานเวทอยู่ จึงทำให้ผมสามารถป้องกันลำแสงสีฟ้าจำนวนหลายสิบสายได้อย่างเฉียดฉิว
วินาทีนั้น ผมเห็นได้ถึงความโมโหที่มีอย่างเต็มเปี่ยม ไหนจะแขนขวาที่มีขนาดใหญ่โตมากขึ้นกว่าแต่ก่อนยื่นเข้ามาหาผม ผมไม่สามารถเพิกเฉยต่อพลังที่หมุนวนเวียนในการโจมตีครั้งนี้ได้อีกต่อไปแล้ว
กำปั้นแห่งมวลน้ำหมุนวนไปมาอย่างทรงพลัง เหมือนกับตอนที่ผมวิ่งอย่างเอาเป็นเอาตายไม่มีผิด กำปั้นแห่งมวลน้ำยิงพุ่งเข้ามาอย่างรุนแรง เหมือนตั้งใจจะทุบผมให้ตายเสียเดี๋ยวนั้น
ผมจับดาบด้วยมือทั้งสองข้างอย่างแน่นหนา แล้วจึงรวบรวมสติ สมาธิที่มีอยู่ทั้งหมด ก่อนที่สิ่งเหล่านั้นจะเข้ามาปะทะร่าง
ในวินาทีที่กำปั้นและดาบกำลังจะปะทะกัน ผมหมุนเอียงดาบให้อยู่ในแนวเฉียง ร่างกายของผมเองก็บิดเอียงไปทางด้านขวามือเฉกเช่นเดียวกัน ประสบการณ์ที่ผมเคยเปิดฉากประลองแบบตัวต่อตัวกับราชินีแห่งดาบเมื่อคราวก่อนนั้นได้กลายมาเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับผม ณ ตอนนี้ และสิ่งเหล่านั้น ล้วนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาพริบตาเดียวเท่านั้น
ข้อศอกด้านซ้ายที่เฉียดผ่านเกิดความรู้สึกแสบร้อนเล็กน้อย แต่ทว่ากำปั้นแห่งมวลน้ำที่พุ่งทะลักออกมานั้นได้กลายร่างเป็นธารน้ำอันแสนยิ่งใหญ่ และแน่นอนว่าตอนนี้มันกำลังแล่นผ่านด้านข้างร่างผมไป ผมเข้าไปในธารน้ำ ไหลตามไปเรื่อยๆ เพื่อมุ่งหน้าไปยังส่วนลำตัวของมัน และหลังจากนั้นผมจึงพุ่งหลาวเข้าไปปะทะตรงกลางลำตัวของราชาแห่งภูตทันที
ในพริบตานั้นผมก็มองเห็นทะเลสีฟ้าสวยปรากฏอยู่ตรงหน้า แต่เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ผมคาดผิด คิดไปเองเท่านั้น แท้จริงแล้วสิ่งที่ผมเห็นคือกำแพงน้ำขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึงแปดเมตร พวกมันคงตั้งใจจะจับผมกดทะเลจริงๆ แต่ผมก็ยังมุ่งไปด้านหน้าและวาดเส้นโค้งขนาดใหญ่ด้วยกระแสคลื่นที่เตรียมไว้
เปรี๊ยะ!