Memorize - เล่มที่ 20 ตอนที่ 3
ผมยืนกังวลอยู่ชั่วขณะ แต่เจ้าหล่อนกลับฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์
…หรือเราดูผิดไปเอง
ผมเบนสายตาไปทางอื่นสักพักหนึ่ง แต่แล้วเสียงน้ำที่ได้ยินนั้นกลับนิ่งสนิทไป ผมจึงรีบตั้งสติโดยไว และจึงค่อยๆ หันหน้ากลับไปมองใบหน้าของหญิงสาวผู้นั้น พร้อมหลับตาทันที
วินาทีที่ยืนยันได้ว่าหญิงสาวผู้นั้นคือ อิมฮันนา ผมจึงตำหนิตัวเองไปมาอยู่ข้างใน ผมยังด้อยยิ่งนัก เหมือนเจ้าหนุ่มที่อ่อนซ้อม
โกยอนจู จองฮายอน ขอโทษครับ
“อุ๊ย”
ผมได้ยินเสียงอุทานตกใจดังลั่นออกมาจากปากอีกฝ่าย แต่ผมก็ยังหลับตาเหมือนเดิม และรีบนุ่งผ้าปกปิดส่วนล่างอย่างรวดเร็ว
“ลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่”
“ผู้เล่นอิมฮันนา ขอโทษครับ”
แม้เสียงของอิมฮันนาจะฟังดูตกอกตกใจมากเพียงใด แต่กระนั้นก็ยังแฝงไว้ซึ่งความนุ่มนวลและเรียบร้อยอยู่ในที ผมหลับตาปี๋ เอียงคอสงสัยอยู่ครู่หนึ่ง พลางพูดต่อออกไปว่า
“ที่นี่มันห้องอาบน้ำสำหรับผู้ชาย… ผมเลยไม่นึกว่าผู้เล่นอิมฮันนาจะอยู่ในนี้ด้วย ขอโทษจริงๆ ครับ”
ผมรีบหมุนกายกลับทันที แม้จะรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้แช่น้ำร้อนๆ อบซาวน่าดั่งที่หวัง แต่จะมาทำตอนนี้ก็คงไม่ได้แล้ว
และในขณะที่กำลังจะสาวเท้าออกไปนั้นเอง
“ดะ เดี๋ยวก่อนค่ะ ลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่ นี่หรือว่าคุณยังไม่ได้อาบน้ำ ล้างตัวเลยใช่ไหมคะ”
วินาทีหนึ่ง ผมรู้สึกได้มืออันแสนนุ่มนิ่มกำลังกอบกุมมือหนาของผมเอาไว้ ประโยคที่ถูกเอื้อนเอ่ยเป็นลำดับถัดมานั้น ดูท่าว่าหล่อนคงจะเห็นรอยเลือดที่เลอะอยู่ตามตัว จึงได้พูดเช่นนั้นออกมา
“มาที่นี่เพื่ออาบน้ำ ล้างตัวไม่ใช่หรือคะ ไม่สิ ดูเหมือนจะต้องล้างตัวจริงๆ ค่ะ เลือดแห้งกรังติดตามตัวเยอะมากเลย”
“ก็ใช่ครับ แต่…มันยังมีห้องอาบน้ำส่วนตัวอยู่นี่ครับ”
“แต่อย่างไรคุณก็มาแล้วนี่คะ เพราะงั้นก็เชิญอาบที่นี่ไปเถอะนะคะ ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ หากคุณต้องออกไปเพราะฉันคนเดียว”
“ครับ?”
“อ้อ ตอนนี้ลืมตาได้แล้วล่ะค่ะ ลืมตาได้แล้วล่ะค่ะ อิๆ”
ผมได้ยินเช่นนั้น จึงรีบเบิกตาโพลงขึ้นมาทันที และจึงได้พบกับอิมฮันนาที่ไม่รู้ว่าไปแอบนุ่งผ้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ หล่อนกำลังหัวเราะร่าไปกับท่าทางของผม
หรือว่า…จะรู้ตัวตั้งแต่เราเดินเข้ามากันนะ
เฮ้ย ไม่หรอกมั้ง
ปฏิกิริยาที่ตอบสนองออกมาเช่นนั้นของหล่อน ทำเอาผมแอบไม่เข้าใจเล็กน้อย แต่ด้วยความที่เดิมทีนิสัยของหล่อนก็เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ผมจึงได้พยักหน้าตอบกลับไปให้
“ผมไม่นึกจริงๆ ว่าตัวเองจะสร้างความลำบากใจให้คุณแบบนี้ ผมไม่เป็นไรจริงๆ ครับ”
“ลำบากใจอะไรคะ ต้องเป็นฉันสิคะ ที่สร้างความลำบากใจให้คุณ ขอโทษด้วยนะคะ ที่ฉันเดินดุ่มๆ เข้ามาโดยไม่ขออนุญาต”
“แล้วทำไมถึง…”
“อ้อ ตอนนี้คุณวิเวียนกำลังใช้ห้องอาบน้ำสำหรับผู้หญิงอยู่น่ะค่ะ”
คำอธิบายที่ฟังขึ้นได้ยากเช่นนั้น ทำเอาผมขมวดคิ้ว อิมฮันนาคงรู้สึกได้ถึงสีหน้าเช่นนั้นของผม จึงได้ส่งสายตาไปยังบริเวณด้านข้าง พลางพูดออกมาว่า
“เธอบอกว่า เธออยากอยู่คนเดียวน่ะค่ะ”
และคำพูดที่ถูกเปล่งออกมาต่อเนื่องนั่นเอง ทำเอาผมรู้สึกสะเทือนอารมณ์อะไรบางอย่าง
“…ครับ?”
“ดูเหมือนเธอจะส่งสายตาบอกให้ฉันออกไปจากห้องอาบน้ำน่ะค่ะ… และก็การอาบน้ำร่วมกับฉัน คงจะทำให้เธอรู้สึกอึดอัด ไม่สบายใจ เธอดูเศร้ามากๆ เลยค่ะ”
“ไม่สิ ยังไงก็ตามแต่…จริงๆ เลยเชียว ยัยคนนี้ก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว”
“มะ ไม่หรอกค่ะ! ฉันเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกคุณวิเวียนดีค่ะ ฉันเองก็ชอบทำอะไรตัวคนเดียวอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นคุณอย่าไปถือโทษ โกรธเคืองเธอเลยค่ะ จริงๆ แล้วเมื่อก่อนนี้ ฉันก็เคยแอบย่องลงมาใช้คนเดียวอยู่หลายต่อหลายครั้ง…”
อิมฮันนาแลบลิ้นยอมรับสารภาพ ผมเห็นเช่นนั้นจึงรู้สึกสับสนขึ้นมา หล่อนกำลังยิ้มร่า พลางพูดออกมาว่า ‘มันติดเป็นนิสัยน่ะค่ะ เพราะฉันชอบทำอะไรคนเดียวนี่นา แม้กระทั่งช่วงเช้ามืดแบบนี้ ก็ยังมีการแก่งแย่งช่วงชิงห้องอาบน้ำสำหรับผู้หญิง ซึ่งถ้าเทียบกับห้องอาบน้ำสำหรับผู้ชายแล้วนั้น…’ หล่อนว่าอย่างนั้น
ผมได้แต่ส่ายหน้าไปมา
“นี่มัน…จริงๆ เลยเชียว ยังไงผมจะเก็บเรื่องนี้ไว้คุยกับวิเวียนในคราวหลังให้ก็แล้วกันครับ แต่ในคราวต่อๆ ไป หากผู้เล่นอิมฮันนาช่วยปล่อยวางเรื่องเช่นนี้ออกไปได้ ก็คงจะดีไม่น้อยเลยครับ เพราะมันอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเหมือนอย่างคราวนี้ก็เป็นได้ครับ”
“ค่ะ รับทราบค่ะ ฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วค่ะ แล้วก็ขอโทษที่ทำให้ตกใจด้วยนะคะ”
ผมถอนหายใจสั้นๆ ก่อนที่หวนคิดถึงวิเวียน โดยคิดว่าคราวนี้คงจะต้องเตือนให้หล่อนรู้ตัวเสียก่อนเป็นอันดับแรก พอมาคิดๆ ดูแล้ว หล่อนเป็นคนที่ชินซังยงใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุด เรียกได้ว่าเอ็นดูมากเพราะเป็นลูกศิษย์คนแรก
ผมมองอิมฮันนาแวบหนึ่ง แล้วจึงคิดว่าใจคอจะไม่ยอมออกไปจริงๆ หรือนี่ แม้หล่อนจะดูมีทีท่าขอโทษ ขอโพยเช่นไร แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังดูไม่มีทีท่าว่าจะหลีกทางให้ผมแต่อย่างใด
“รอยเลือดที่ฝังลึกมาเป็นระยะเวลานาน ดูท่าว่าจะล้างออกได้ยากนะคะ ก่อนอื่น คุณก็ต้องล้างตัวเปล่าๆ เสียก่อน แล้วจึงค่อยไปแช่บ่อน้ำร้อน อาจจะดีขึ้นก็ได้ค่ะ”
“ก็จริงอยู่ครับ แต่ว่า…แต่ไม่ทราบว่าคุณกำลังอาบน้ำอยู่หรือเปล่าล่ะครับ”
“อ้อ ค่ะ ตอนนี้ก็ว่าจะเริ่มอาบแล้วค่ะ…”
“…งั้นเดี๋ยวผมจะรีบอาบน้ำให้ไวที่สุด แล้วจะหลีกทางให้ครับ”
“มะ ไม่เป็น…”
และแล้วผมก็เดินผ่านร่างอิมฮันนาไป ก่อนที่จะเดินมาอยู่ตรงหน้าห้องอาบน้ำได้สำเร็จ ไม่รู้ว่าห้องอาบน้ำแห่งนี้ เป็นห้องที่หล่อนใช้อาบเมื่อครู่ก่อนหรือไม่ เพราะผมได้กลิ่นอ่อนๆ ลอยเข้ามาเตะจมูก ผมรีบผูกผ้าที่ปกปิดส่วนล่างไว้อย่างแน่นอน หลังจากนั้นจึงกดวงเวท ทันใดนั้น น้ำจึงได้ไหลซู่ลงมาปะทะเข้ากับร่างผม
ซู่! ซู่!
หากจะให้สะอาดหมดจดจริงๆ ก็ต้องแช่บ่อถึงจะดีกว่า
ผมเหลือบสายตามองด้านข้าง แล้วก็เห็นว่าอิมฮันนากำลังจับจ้องมาที่ผม
“…”
สายตาเช่นนั้นของหล่อนดึงดูดความสนใจของผมได้มากเลยทีเดียว แต่พอคิดถึงบาปที่ตัวเองได้ก่อไว้ก่อนหน้าแล้วนั้น ผมกลับหาคำที่จะเอื้อนเอ่ยออกมาไม่ได้เลย ในเมื่อเมื่อครู่ผมเองก็ยังละสายตาไปไม่ได้เหมือนกัน แล้วจะให้ผมพูดอะไรออกมาได้
ดังนั้นผมจึงถูร่างกายอย่างแรงพลางคิดไปด้วยว่ารีบออกไปโดยเร็วที่สุด
“เฮ้อ…”
ในตอนนั้นเอง ในขณะที่ผมกำลังใกล้จะเสร็จสิ้นการชำระร่างกาย จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจดังมากจากข้างๆ
“ช่างเป็นคนที่น่าอึดอัดเสียจริง”
คำที่พูดกับตัวเองดังต่อเนื่องออกมาไม่ขาดสาย ผมได้ยินเช่นนั้น จึงรู้สึกว่าข้างในเกิดร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
ในตอนนั้นเอง
จ๋อมแจ๋ม จ๋อมแจ๋ม
ด้วยความรู้สึกไวของผม จึงทำให้ได้ยินเสียงเท้าย่ำพื้นที่ชุ่มไปด้วยน้ำ ผมสงสัยว่าหล่อนคงจะเดินออกไปแล้ว จึงได้หันหน้ากลับไปมอง แต่แล้วก็เห็นอิมฮันนาที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ๆ ผม ซึ่งก่อนที่ผมจะได้เอื้อนเอ่ยคำพูดใดออกไป หล่อนก็ยื่นแขนออกมา ก่อนที่จะใช้เรียวมืออันแสนบอบบางแตะเข้าที่หลังผมอย่างอ่อนโยน
“ตรงนี้ยังมีเหลืออยู่เลยค่ะ”
วินาทีนั้น ผมรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างอันแสนนุ่มนิ่มกำลังค่อยๆ ถูแผ่นหลังให้ แต่ผมกลับเปิดปากพูดช้าไปเสียแล้ว
“ผู้เล่นอิมฮันนา”
“ลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่”
“ตอนนี้คุณทำอะไร…”
“ซูฮยอน”
วินาทีนั้น ผมเบิกตาโพลงและจดจ้องไปที่อิมฮันนา แม้สิ่งที่หล่อนได้พูดออกมาพร้อมกันนั้น ผมจะเจอกับตัวมาเป็นหนที่สองแล้วก็ตาม
ผมงุนงง สับสนไปชั่ววินาทีหนึ่ง ในใจก็อยากจะถามไถ่ พอมาคิดๆ ดูแล้ว เมื่อก่อนเองก็…
‘ฉันก็เลยอยากมีเพื่อนสักคน’
‘เพื่อนเหรอครับ ในเผ่าเมอร์เซนต์นารี่ก็มีผมคนเดียวที่อายุยี่สิบสี่ ถ้างั้นเรามาเป็นเพื่อนกันไหมครับ พูดจากันอย่างเป็นทางการแบบนี้คงลำบาก เรามาพูดกันแบบไม่เป็นทางการก็ได้ครับ’
‘มะ ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันจะกล้าพูดจาแบบนั้นกับแคลนลอร์ดได้ยังไง… ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นหรอกนะคะ’
‘ไม่เป็นไรครับ’
‘ฉะ…ฉันจะพูดแบบเป็นทางการสักระยะหนึ่ง แคลนลอร์ดพูดแบบไม่เป็นทางการกับฉันได้ไหมคะ แล้วก็ฉันจะขอเรียกว่าพี่… อ๊ะ อันนี้ไม่ได้สิ’
‘ก็ได้ครับ ถ้างั้นต่อไปนี้ฉันจะพูดแบบสบายๆ นะ อิมฮันนา’
‘ขอบคุณค่ะ ฉันขอพูดแบบเป็นทางการไปก่อน หลังจากนี้ถ้าสบายใจแล้ว ฉันจะเปลี่ยนไปพูดแบบไม่เป็นทางการค่ะ’
ความทรงจำมากมายได้ไหลเวียนวนอยู่ในหัวสมองในชั่วพริบตา
มีช่วงเวลาเช่นนั้นอยู่จริงๆ
แต่หลังจากนั้นอิมฮันนาก็ยังพูดจาอย่างเป็นทางการกับผมอยู่เหมือนเดิม ส่วนตัวผมเองนั้นกลับเผลอใช้คำพูดสบายๆ ไม่ได้ยกย่องอีกฝ่ายอะไร
อย่างไรก็ตาม ถึงจะว่าแบบนั้นก็เถอะ ผมตกใจจริงๆ เพราะผมไม่ได้คาดคิดด้วยว่าอิมฮันนาจะมาไม้นี้
แต่อิมฮันนาก็ไม่ได้สนใจ หล่อนพูดออกมาด้วยท่าทีนิ่งเฉยว่า
“ฉันมีเรื่องจะพูดกับคุณ”