Monster Paradise - ตอนที่ 1489
หลังส่งดาบ11-100เข้าโลกกรวดเพื่อให้พวกเขาสามารถได้รับสัญลักษณ์ ตอนนี้จำนวนกฏในเขตแดนเทพของหลินฮวงจึงเพิ่มเป็น 45000 ประเภท
นอกจากนี้ ระดับพลังของทาสดาบยังเลื่อนเป็นเทพสวรรค์หลังเขากลายเป็นเทพแท้จริง เป็นผลให้ ห่วงโซ่ลำดับเทพ 422 สายถูกเพิ่มเข้ากับกฏโลกของเขตแดนเทพเขา
ที่ขั้นแรก เทพแท้จริงบางคนจะใช้ได้แค่สองห่วงโซ่ลำดับเทพ ดังนั้นจำนวนนี้จึงเกินความคาดหมายของหลินฮวง
‘การเพิ่มขึ้นของห่วงโซ่ลำดับเทพทำให้บัญญัติเทพของข้ายิ่งแข็งแกร่ง’ แม้กระทั่งความเร็วที่กฏโลกกำลังวิวัฒนาการก็ยังเพิ่มขึ้นนับร้อยเท่า…’หลินฮวงขมวดคิ้วเล็กน้อย และไตร่ตรอง”ระดับพลังข้ายังเลื่อนขึ้น แต่ระดับพลังข้ายังติดที่เทพแท้จริงขั้นหนึ่ง..’
เขากำลังก้าวสู่เส้นทางบ่มเพาะใหม่ เขาได้สร้างวิธีการของตัวเองเพื่อยกระดับเป็นเทพแท้จริง แน่นอน ไม่มีใครชี้แนะวิธีบ่มเพาะต่อจากนี้ให้เขาได้ เขาทำได้แค่คิดหาทางเอง
‘ปัจจุบัน มีหลายทิศทางให้ข้าเดิน ข้าสามารถยกระดับกฏที่ข้าใช้เป็นระดับสมบูรณ์ ข้าสามารถพัฒนาแก่นแท้เต๋าดาบให้เป็นกฏสวรรค์เต๋าดาบและบ่มเพาะไร้รอยต่อเพื่อเพิ่มพลังจิตเทวะ ข้ายังสามารถสะสมกฏโลกและห่วงโซ่ลำดับเทพ…’
ความคิดของหลินฮวงค่อย ๆ ชัดเจน แม้วิธีที่เขาสามารถเพิ่มพลังได้จะยังไม่ชัดเจน แต่ก็มีอีกหลายทางเพื่อเพิ่มความสามารถเขา เขายังคาดการณ์ว่าวิธีเพิ่มระดับพลังของเขาควรจะเป็นหนึ่งในเส้นทางพัฒนาเหล่านี้
‘ตัวข้าในปัจจุบันควรแข็งแกร่งพอจัดการกับเทพสวรรค์ขั้นสี่ ถ้าข้ายืมพลังของห่วงโซ่ลำดับเทพ ข้าคงสู้กับขั้นห้าได้’หลินฮวงประเมินความสามารถโดยรวมเขาใหม่
ทาสดาบระดับเทพสวรรค์ 358ตน-นี่คือขุมกำลังอันดับหนึ่ง
ไคลี่ จอมสังหาร กู่หรง และเกล็ดดำ(สิ่งมีชีวิตผสานแห่งน้ำพุหุบเหว)คือชั้น 5 ทั้งหมดเป็นเทพแท้จริงขั้นเก้า มันเป็นแค่เรื่องของเวลาก่อนพวกมันทั้งสี่จะเลื่อนเป็นเทพสวรรค์ พวกมันถือเป็นขุมกำลังอันดับสอง
ท่ามกลางการ์ดมอนสเตอร์ชั้น 4.5 เถิงหราน(ผู้นำนิกายพันงู)ได้รับการสร้างร่างใหม่ให้เป็นเทพแท้จริงขั้นเก้า เจ้าแดงคือขั้นหก ส่วนไป่คือขั้นสี่ แต่ทว่า โดยปราศจากข้อจำกัดด้านระดับพลังของหลินฮวง มันคงไม่ยากสำหรับทั้งสองที่จะวิวัฒนาการเพิ่มเติม ทั้งสามเป็นขุมกำลังอันดับสาม
ตัวตลก ชาโคล ราชินีเผ่าแมลง และตัวอื่นคือชั้น 4 และระดับพลังพวกมันก็คือเทพแท้จริงขั้นสามหรือสี่ ยังมีที่ว่างให้พวกมันพัฒนาอีกมาก
ภายใต้บัญชาของสี่ราชินีคือราชาแมลงชั้น 4 และนักสู้เผ่าแมลงที่เป็นระดับเทพแท้จริงเช่นกัน
เนื่องจากสวรรค์แห่งมอนสเตอร์ มอนสเตอร์อัญเชิญของเขาจึงไม่สามารถตายได้ ไม่กี่วันต่อมา หลินฮวงสวมหน้ากากพันหน้าและไปเยือนสนามรบโบราณหลายแห่งในแดนเทพ ปลดปล่อยมอนสเตอณ์ทั้งหมดเพื่อให้พวกมันออกล่า เพิ่มระดับพลังตัวเอง
หลินฮวงใช้เวลาสองสามวันกับการเพิ่มพลังมอนสเตอร์เขาก่อนติดต่อเจ้าแดงอีกครั้ง
“สถานการณ์ของไคลี่เป็นยังไงบ้าง?”
“เนื่องจากนางคือเทพสูงสุด นางจึงยกระดับพลังได้เร็ว ตอนนี้นางเป็นเทพแท้จริงขั้นเก้าแล้ว”เจ้าแดงตอบ จากนั้นก็พูด”ข้าจะให้ไคลี่ระงับการยกระดับพลังนางไปชั่วคราว เราควรคว้าโอกาสนี้เพื่อขอวัตถุดิบจำนวนมากเพราะเราต้องปิดประตูบ่มเพาะ ตอนนี้ เรายังขาดวัตถุดิบสองประเภทที่ต้องการเพื่อเลื่อนเป็นชัั้น 6 แต่เราควรสามารถหาได้ภายในเดือนนี้”
“แล้วท่านละ?ท่านเลื่อนเป็นเทพแท้จริงแล้วหรือยัง?”เจ้าแดงสอบถาม
“ข้ายกระดับแล้ว และพวกเจ้าก็สามารถเลื่อนเป็นมอนสเตอร์ชั้น 6 ได้”หลินฮวงพยักหน้า”แต่ทว่า ถ้าการ์ดมอนสเตอร์ไม่ถูกเรียกกลับ งั้นก็มีข้อจำกัดด้านระยะทางในการใช้การ์ดเลื่อนขั้น ดังนั้นไคลี่ต้องอยู่ภายในวิสัยทัศน์ของข้าเพื่อให้การ์ดเลื่อนขั้นมีผล นั่นทำให้เจ้าต้องจัดเตรียมให้ข้าได้พบกับนาง”
“นั่นไม่ใช่ปัญหา”เจ้าแดงพยักหน้า”เดือนหน้า แดนลับจะเปิดขึ้นในแดนเทพ และมีแค่องค์กรระดับ 5 ขึ้นไปถึงมีสิทธิ์เข้าร่วม องค์กรใหญ่ต่างก็ส่งอัจฉริยะของตัวเองไป เมื่อถึงเวลา ข้ากับไคลี่จะไปเข้าร่วมด้วย ท่านสามารถเข้าร่วมผ่านเคียวแห่งความตายโดยใช้ตัวตนของเซี่ยหลิน พวกเขาน่าจะไม่ปฏิเสธท่าน”
“ข้าจะส่งรายละเอียดเกี่ยวกับแดนลับนี้ให้ท่านทีหลัง”
หลังคุยเรื่องสำคัญเสร็จ ทั้งสองก็คุยเล่นกันอีกสักพักก่อนวางสาย
เจ้าแดงส่งเอกสารเกี่ยวกับแดนลับมา ทันทีที่ได้รับ หลินฮวงก็เปิดพวกมัน เริ่มตรวจสอบข้อมูล
หลังตรวจดู หลินฮวงก็มีความเข้าใจทั่วไปถึงแดนลับ
แดนลับนี้ที่เจ้าแดงพูดถึงคือโลกขนาดเล็กที่นครหลวงเทพใช้ขังนักโทษ ทุกๆสองสามร้อยปี เมื่อจำนวนนักโทษในโลกขนาดเล็กสะสมถึงระดับหนึ่ง นครหลวงเทพจะส่งคนไปที่นั่นเพื่อเก็บกวาด ในความเป็นจริง การเก็บกวาดนี้จะปล่อยให้เทพสวรรค์ไม่กี่คนเข้าไปเพื่อเข่นฆ่านักโทษ
ต่อมา นครหลวงเทพรู้สึกว่าวิธีการนี้ยุ่งยากไป ถึงแม้จะมีเทพสวรรค์อยู่ท่ามกลางนักโทษด้วย แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นแค่เทพเสมือนกับเทพแท้จริง สมาชิกของนครหลวงเทพต่างเป็นโปรตอสเลือดบริสุทธิ์ พวกเขามองว่ามันเป็นเรื่องน่าอับอายที่ให้เทพสวรรค์ไปเข่นฆ่าเทพเสมือนกับเทพแท้จริง
ดังนั้น บางคนจึงมีความคิดปล่อยให้เทพเสมือนกับเทพแท้จริงของนครหลวงเทพเข้าไปทำการทดสอบ ดำเนินการแข่งขัน
หลังผ่านมาหลายงาน พวกระดับสูงของนครหลวงเทพก็รู้สึกว่าการแข่งขันนี้ที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกตัวเองนั้นยังไม่น่าตื่นเต้นพอ พวกเขาจึงตัดสินใจเปิดแดนลับให้องค์กรระดับ7และเชิญอัจฉริยะขององค์กรอื่นให้เข้าร่วม หลังจากนั้น มันก็ค่อยๆนับรวมองค์กรระดับหกด้วย และค่อยๆพัฒนามาจนถึงทุกวันนี้
นักโทษในแดนลับยังค่อยๆคุ้นเคยกับเกมนี้
ตามคำขอของนครหลวงเทพ นักโทษได้รับอนุญาตให้โจมตีนักล่าระดับเดียวกันได้ แต่ทว่า เทพแท้จริงถูกห้ามจากการโจมตีเทพเสมือน ส่วนเทพสวรรค์ก็ห้ามโจมตีเทพแท้จริงกับเทพเสมือน พวกเขาสามารถสู้กลับได้ก็ต่อเมื่อนักล่าของแดนเทพโจมตีพวกเขาก่อน
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้านักโทษรอดชีวิตจนจบการล่า พวกเขาจะได้รับส่วนแบ่งจากการปล้นชิงของนักล่าที่พวกเขาฆ่าได้ นครหลวงเทพยังส่งคนไปช่วยพวกเขาปลดผนึกแหวนเก็บของด้วย
สิ่งนี้เป็นตัวกระตุ้นให้นักโทษเข้าร่วมเกมนี้
สิ่งสำคัญสุดคือเทพเสมือนกับเทพแท้จริงที่รอดชีวิตจากเกมล่าสามครั้งติดต่อกันจะได้รับการปล่อยตัว แน่นอน นี่ไม่ใช่การปล่อยตัวแบบไร้เงื่อนไข หลังพวกเขาออกจากคุก พวกเขาต้องเซ็นสัญญานาย-ทาสกับสมาชิกของนครหลวงเทพเพื่อกลายเป็นข้ารับใช้เทพของพวกเขา
เดิมหลินฮวงค่อนข้างอยากรู้ว่าทำไมนครหลวงเทพถึงมีนักโทษมากขนาดนี้
แต่หลังอ่านเอกสารจนจบ เขาก็พบว่าเกมนี้ได้พัฒนาจนถึงจุดที่ไม่เพียงนครหลวงเทพเท่านั้น แต่องค์กรใหญ่ก็ยังส่งนักโทษให้นครหลวงเทพ
เช่น วิหารเทพนักรบ หลังจากสงครามแย่งชิงดินแดนทุกครั้งที่พวกเขาเข้าร่วม ไม่ว่ามันจะเป็นขนาดเล็กหรือใหญ่ พวกเขาจะนำนักโทษจำนวนมากกลับมาด้วย
ในแดนลับ จำนวนนักโทษที่วิหารเทพนักรบนำมาคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรนักโทษทั้งหมด
หลินฮวงไม่รู้สึกลำบากใจอะไรกับการล่านักโทษเหล่านี้เพราะส่วนใหญ่มาจากหุบเหว เผ่าแมลงและเผ่าอื่นที่มีสายพันธ์ุต่างกัน มีมนุษย์ด้วย แต่พวกเขามีจำนวนน้อยมาก เขาแค่ต้องทำให้แน่ใจว่าตัวเองจะไม่เป็นฝ่ายเข่นฆ่าเพื่อนร่วมเผ่าพันธ์ุก่อน