Monster Paradise - ตอนที่ 1503
“เขาหลุดออกจากสิ่งนั้นได้ไง?! ”
“ข้าเองก็ไม่รู้ เขายอมจำนนต่อภาพลวงตา จากนั้นก็ทำลายออกมา หรือเขาไม่ตกเป็นเหยื่อของภาพลวงตาตั้งแต่แรก?! ”
“พลังวิญญาณของเขาคงไม่แข็งแกร่งไปกว่าเนตรปีศาจหรอกมั้ง?! ”
ด้านนอกแดนลับ กลุ่มเทพสวรรค์เห็นการโต้กลับของหลินฮวง และใบหน้าพวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกใจ แม้กระทั่งใต้สวรรค์ก็ไม่เว้น
พวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าทำไมหลินฮวงถึงไม่ได้รับผลกระทบจากภาพลวงตาของเนตรปีศาจ
ด้วยพลังของเนตรปีศาจและผลของห่วงโซ่ลำดับเทพสองสาย ภาพลวงตาที่มันสร้างจะส่งผลต่อเทพสวรรค์ขั้นสองจำนวนมากถ้าไม่ระวัง
แต่ทว่า สิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือพลังวิญญาณของหลินฮวงนั้นแข็งแกร่งกว่าเนตรปีศาจ และจิตวิญญาณของเขายังได้รับการปกป้องด้วยอาวุธเซียนประเภทวิญญาณที่เทียบได้กับสมบัติเทพสวรรค์ขั้นสูง
นี่ทำให้หลินฮวงมีภูมิคุ้มกันต่อการโจมตีประเภทวิญญาณอย่างสมบูรณ์
ภาพลวงตาของเนตรปีศาจถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว แต่อาวุธเซียนก็ต่อต้านมัน
หลินฮวงยังยืนอยู่กับที่หลังเนตรปีศาจใช้ภาพลวงตา ไม่ใช่เพราะเขาโดนจับเข้ากับภาพลวงตา แต่เพราะเขาเสียสมาธิไปกับการตรวจสอบผลของอาวุธเซียน
เขาพบว่าเมื่อพลังวิญญาณของเขาใกล้เคียงกับเทพสวรรค์ขั้นสาม อาวุธเซียนจะต้านทานการโจมตีประเภทวิญญาณทั้งหมดจากขั้นหนึ่งถึงสามได้ ยิ่งไปกว่านั้น ผลของอาวุธเซียนนี้ยังเพิ่มขึ้นควบคู่ไปกับพลังวิญญาณตัวเขา
เมื่อพบเจอคู่ต่อสู้อย่างเนตรปีศาจ ซึ่งถนัดแค่พลังจิต คนอื่นจะไม่แตะต้องมัน แต่สำหรับหลินฮวง พวกมันเหมือนอาหารบนเขียง
เหล่าคนที่อยู่ด้านนอกต่างงุนงง แต่หลินฮวงกลับอารมณ์ดีมาก
การจัดการกับเนตรปีศาจไม่เพียงช่วยให้เขาเลื่อนเป็นขั้นสองได้สำเร็จ แต่มันยังช่วยให้เขาคิดหาหนทางก้าวหน้าต่อได้
‘กลายเป็นว่า การเลื่อนขั้นของข้าขึ้นอยู่กับจำนวนกฏภายในตัวข้า..ขั้นแรก มากกว่าสามหมื่นกฏ และข้าก็สามารถเลื่อนเป็นขั้นสองได้เมื่อรวบรวมถึงเก้าหมื่น ข้าไม่รู้ว่าต้องมีกฏมากแค่ไหนเพื่อเลื่อนเป็นขั้นสาม’
แม้หลินฮวงจะบ่นในใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่เสียหายอะไร
ตอนนี้ที่เขารู้แล้วว่าต้องทำไงเพื่อเลื่อนระดับ ก็ไม่จำเป็นต้องครุ่นคิดถึงตัวเลขเฉพาะเจาจง นอกจากนี้ ทั้งหมดที่เขาต้องทำคือล่าเทพสวรรค์ต่อ ปล้นกฏจากพวกมัน ตราบเท่าที่จำนวนพอ ระดับพลังเขาจะเพิ่มขึ้นเอง
เขาแค่ต้องปล่อยให้มันดำเนินต่อไปตามครรลอง
หลังได้รับความทรงจำจากศพเนตรปีศาจ ซึ่งเปลี่ยนเป็นกองเนื้อเน่าเปื่อยและเก็บศพมันไป หลินฮวงก็มุ่งตรงไปหาเป้าหมายต่อไป
ด้านนอกแดนลับ ใต้สวรรค์ผู้ชนะเดิมพันอีกครั้งเก็บแหวนไปภายใต้สายตาอิจฉาของทุกคน
มีคนไม่กี่คนที่ยังสนทนาถึงเทคนิคที่ซิวมู่ใช้เพื่อหลบการโจมตีของเนตรปีศาจ
ใต้สวรรค์ยังคงรักษาสีหน้าเฉยเมย ไม่เข้าร่วมการสนทนาเพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าหลินฮวงทำได้ไง
แต่ทว่า ศึกนี้ได้คลายความกังวลทั้งหมดที่เขามี
การสามารถฆ่าเนตรปีศาจได้หมายความว่าความสามารถของหลินฮวงเพียงพอให้เขาอาละวาดไปทั่ว
เขาไม่ต้องกังวลถึงการถลำลึกของหลินฮวงอีก
ไม่มีใครวางเดิมพันระหว่างการล่าสองครั้งต่อไปของหลินฮวง
ประสิทธิภาพของหลินฮวงยังมั่นคงและแข็งแกร่ง คู่ต่อสู้ใดที่พบกับเขาจะโดนกำจัดภายในเสี้ยวพริบตา
ในเวลาสั้นๆ ไม่ถึงวัน เขาก็ได้ฆ่าเทพสวรรค์ขั้นหนึ่งไปถึงสิบ สะสมแต้มได้มากกว่าพันและทิ้งห่างทุกคน
ผู้เข้าร่วมคนอื่นในแดนลับเริ่มมึนงงกับเรื่องนี้
ไม่มีใครสามารถเดาได้ว่าม้ามืดเช่นหลินฮวงจะทรงพลังถึงขั้นบดขยี้อัจฉริยะขององค์กรอื่นได้ แม้กระทั่งเทพแท้จริงชั้นนำที่มีความสามารถเทียบเท่ากับเทพสวรรค์ก็ยังโดนกดจนโงหัวไม่ขึ้น
หลังฆ่าเทพสวรรค์ขั้นหนึ่งไปถึงสิบ เส้นทางบินของหลินฮวงก็กลายเป็นประเด็นในหมู่เทพสวรรค์ด้านนอกอีกครั้ง
“เส้นทางนี้ของซิวมู่–ไม่ใช่ว่าเขาพยายามล่าเทพสวรรค์ขั้นสองอีกงั้นหรือ?! ”
“ดูจากทิศทางแล้ว มันดูเหมือนเขากำลังมุ่งตรงไปหาเทพสวรรค์ขั้นสอง! ”
“เพราะเขารู้สึกว่าเทพสวรรค์ขั้นหนึ่งไม่ท้าทายพอ เขาจึงอยากไปหาคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งขึ้น?! ”
“เขาสามารถฆ่าเนตรปีศาจ ซึ่งมากพอพิสูจน์ความสามารถเขา ข้าคิดว่ามันคงไม่ยากสำหรับเขาที่จะล่าเทพสวรรค์ขั้นสองทั่วไป”
“ตัดสินจากผลงานของเขาก่อนหน้า เขาอาจยังเหลือพลังงานอีกมาก ข้าอยากดูขีดจำกัดของเขาจริงๆ ”
น่าแปลกใจ ครั้งนี้ ไม่มีเทพสวรรค์คนใดกล้าโต้แย้งถึงพลังของหลินฮวง
ด้วยการตบหน้าพวกเขาซ้ำๆ ผู้นำของวิหารเทพนักรบและนครหลวงเทพจึงไม่ออกความเห็นอีก ไม่มีใครแน่ใจว่าพวกเขาคิดเห็นอย่างไรกับเป้าหมายล่าของหลินฮวง
ด้วยความที่ทุกคนกำลังมองโลกในแง่ดีถึงผลลัพธ์ การเดิมพันจึงไม่เกิด
ทุกคนจ้องภาพวิดิโอ หลินฮวงบินอย่างราบรื่นกว่าชั่วโมงและในที่สุดก็เข้าอาณาเขตของเทพสวรรค์ขั้นสอง
หลังการต่อสู้รุนแรงกินเวลากว่าครึ่งชั่วโมง เขาก็จัดการศัตรูได้
คะแนนของหลินฮวงเพิ่มขึ้นสองร้อย
เทพสวรรค์ที่เฝ้าดูการต่อสู้นี้ต่างตื่นตกใจ
นี่เพราะหลินฮวงใช้แค่ห่วงโซ่ลำดับเทพสายฟ้าอย่างเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ
“การสามารถฆ่าเทพสวรรค์ขั้นสองได้ถือว่าไม่เลวเลย มันเท่ากับบันทึกพลังต่อสู้สูงสุดที่เคยมีมา”
“เขาต้องพึ่งพามีดบินพลังจิตจำนวนมากเพื่อบดขยี้ศัตรู วิธีนี้อาจไม่ได้ผลกับเทพสวรรค์ขั้นสองชั้นนำเพราะมีโอกาสสูงที่จะโดนข่มด้วยความเร็วหรือพลังป้องกัน”
“พลังเทวะของซิวมู่รวมถึงปริมาณพลังเทวะของเขาเกินกว่าเทพแท้จริงทั่วไป แต่ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ยังมีจำกัด เหนือสิ่งอื่นใด เขาเป็นแค่เทพแท้จริง ถ้าเขาพบคู่ต่อสู้ที่สามารถผลักดันเขาได้ เขาก็อาจแพ้ ยิ่งการต่อสู้ยืดเยื้อ เขายิ่งเสียเปรียบ”
ขณะที่เทพสวรรค์จำนวนมากด้านนอกแดนลับกำลังคุยกัน ก็เกิดความโกลาหลภายในแดนลับเช่นกัน
ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นต่างให้ความสนใจกับแต้มที่พุ่งทะยานของหลินฮวง
ทุกคนสังเกตเห็นมันเมื่อแต้มของเขาเพิ่มขึ้นสองร้อย
“ถ้าแต้มเขาเพิ่มขึ้นสองร้อยในคราเดียว ก็หมายความว่าเขาฆ่าเทพสวรรค์ขั้นสองได้สำเร็จ?! หรือเขาฆ่าเทพสวรรค์ขั้นหนึ่งสองตัวพร้อมกัน?! ”
“ชายคนนี้เริ่มล่าเทพสวรรค์ขั้นสองแล้ว! มันยังเป็นวันแรกอยู่เลย! ”
“เห้ เห้ ทำไมต้องหดหู่ขนาดนี้?! เดิมข้าวางแผนจะอยู่เฉยๆ อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ข้ากลับอับอายเล็กน้อยถึงความขี้เกียจเพราะเจ้า”
“เขาไม่ได้โกงจริงๆ หรือ?! ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินชื่อซิวมู่มาก่อน?! ”
แน่นอน ไคลี่กับเจ้าแดงเองก็สังเกตเห็นผลงานของหลินฮวงบนกระดานคะแนน
ไคลี่สวมชุดเกราะต่อสู้พร้อมหอกในมือ ยืนนิ่งเป็นหินขณะจ้องชื่อซิวมู่บนกระดาน ไม่ทำการเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน
ที่ไหนสักแห่ง เจ้าแดงเหลือบมองกระดานก่อนละสายตา มุมปากของนางขยับขึ้นเล็กน้อย