Monster Paradise - ตอนที่ 1599 หลินฮวงปะทะดาบหนึ่ง
ตอนที่ 1599 หลินฮวงปะทะดาบหนึ่ง
หลินฮวงไม่คิดเลยว่าผลประโยชน์ที่เขาได้รับจากชิ้นส่วนผนึกวิญญาณจะเกินความคาดหมายขนาดนี้
แม้จะไม่มีมรดกเต๋าวิญญาณในชิ้นส่วนผนึกวิญญาณ แต่ก็ยังมีประกายไฟเพลิงหายนะภายใน
ทันทีที่มั่นผสาน ประกายไฟก็พวยพุ่ง ไม่เพียงไฟจะขยาย แต่มันยังชะล้างภายในตัวหลินฮวง
หลินฮวงตรวจสอบและพบว่าผลประโยชน์ที่เขาเก็บเกี่ยวนั้นสูง
พลังกายเขาที่แต่เดิมเป็นแค่เทพสวรรค์ขั้นเก้า ตอนนี้กลับไปถึงจุดสูงสุดของเทพสวรรค์ชั้นเก้าแล้ว
พลังกายของเขาไม่อ่อนแอกว่ายอดฝีมือชั้นนําคนใดเลย
วิญญาณเทพของเขาแข็งแกร่งพอจะไปถึงเทพสวรรค์ขั้นสูงสุด ซึ่งอาจเป็นรองแค่ผู้บ่มเพาะเต๋าวิญญาณระดับเทพสวรรค์ชั้นเก้า
แม้กระทั่งความเร็วการหมุนเวียนทั่วไปของไร้รอยต่อก็ยังเพิ่มขึ้นประมาณสามเท่า จํานวนด้ายพลังจิตที่แบ่งแยกต่อชั่วโมงเพิ่มเป็นเก้าพัน
จิตเทวะของเขายังไปถึงจุดสูงสุดของระดับเทพสวรรค์
ถ้าเขาใช้แค่อาวุธพลังจิต เขาจะยังเทียบได้กับยอดฝีมือเทพสวรรค์ชั้นเก้าชั้นนํา
การเสริมพลังให้วิญญาณดาบโดยไฟยังทําให้หัวใจดาบของหลินฮวงกลายเป็นเจิดจรัสยิ่งกว่าเดิม เขาเพิ่งเลื่อนระดับเต๋าดาบหัวใจสวรรค์ไปไม่นาน และตอนนี้เขาก็ไปถึงจุดสูงสุดแล้ว
นอกจากนั้น ขนาดของทั้งเขตแดนเทพเขายังเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว
พูดได้ว่าผลประโยชน์ที่หลินฮวงเก็บเกี่ยวได้จากเพลิงหายนะมากกว่าที่เขาได้รับจากมรดกเต๋าวิญญาณซะอีก
ยังไงซะ ในความเป็นจริง หลินฮวงไม่ขาดมรดกเตวิญญาณ เขายังไม่ย่อมมรดกพลังจิตระดับถึงจ้าวเทวะที่ได้จากนครหลวงเทพ
มรดกนั้นได้จากผู้ใช้พลังจิตระดับกึ่งจ้าวเทวะ และหลินฮวงก็รู้สึกว่ามันเหมาะกับเขามาก
ไม่ใช่แค่นั้น ภาพจําแลงจิตเทวะไร้ชื่อจากมรดกนั้นมาจากอารยธรรมลึกลับในยุคโบราณ ตามความทรงจําของหลินฮวง กิ่งจ้าวเทวะผู้นี้ยังสร้างมันไม่สมบูรณ์
ในบรรดาภาพจําแลงร้อยแปดภาพ หลินฮวงมองเห็นเพียงแปดสิบภาพเท่านั้น
ด้วยความที่มันต้องใช้เวลาในการสร้างภาพเหล่านั้น เขาจึงต้องเป็นพวกมันไปก่อน
ความคิดของหลินฮวงล่องลอยไปสักพักก่อนจะมองเปลวไฟสีแดงที่แผดเผาในฝ่ามือเขา
“เพลิงหายนะ”
นี่คือเปลวไฟที่สามารถเกื้อหนุนการบ่มเพาะ จุดประสงค์หลของมันคือช่วยเหลือในการบ่มเพาะเตวิญญาณ แต่มันยังใช้ช่วยเหลือในการบ่มเพาะร่างกายได้อีกด้วย
เนื่องจากเพลิงหายนะมีคุณสมบัติพิเศษ มันจึงสามารถกินไฟชนิดใดก็ได้ มันยังสามารถคัดลอกคุณลักษณะของไฟทั้งหมดที่มันกินได้อีกด้วย
มันยังสามารถเลียนแบบกฏเทพไฟและห่วงโซ่ลําดับเทพไฟชนิดต่างๆได้อีกด้วย
แต่ทว่า หลินฮวงกําลังคิดถึงบางสิ่งขณะจ้องเพลงหายนะที่เปลี่ยนแปลงไม่หยุดบนฝ่ามือ
เวอชุโอโซรู้ไหมว่ามีเพลิงหายนะนี้ซ่อนอยู่ในมรดก?!
ต้องรู้ว่าหลินฮวงเกือบโดนเพลิงหายนะฆ่าตาย
มรดกนี้ดันช่วยเหลือเขาให้ก้าวหน้าก็จริง แต่ทว่า มันก็ยังซ่อนเจตนาฆ่าเอาไว้
ถ้าเวอชุโอโซรู้จริงว่ามีเพลงหายนะซ่อนในมรดก มันก็พิสูจน์ชัดว่าเขาตั้งใจจะใช้โอกาสนี้ฆ่าหลินฮวง
แต่ทว่า พอคิดให้ดี หลินฮวงก็รู้สึกว่าเวอชุโอโซไม่น่าจะรู้เกี่ยวกับเพลิงหายนะ
หลังบรรลุข้อตกลงกับเวอชุโอโซเรื่องเดินทางไปหุบเหว หลินฮวงได้ใช้ช่องทางของเคียวแห่งความตายเพื่อตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับชิ้นส่วนผนึกเต๋าที่เขาได้รับเป็นค่าจ้างล่วงหน้า
ผ่านพลังเทวะขั้นสูง ถึงจ้าวเทวะกับจ้าวเทวะสามารถพบลักษณะของชิ้นส่วนผนึกเต๋าต่าง ๆ และได้ข้อมูลทั่วไป แต่พวกเขาไม่สามารถบอกได้ว่ามีข้อมูลอะไรบรรจุอยู่นั้น
มีเพียงการหลอมถึงพบรายละเอียดของเนื้อหาในนั้น
นอกจากนี้ ชิ้นส่วนผนึกเต๋าแต่ละชิ้นจะประทับในตัวผู้หลอมหลังหลอม มันไม่สามารถดึงออกมาได้เว้นแต่ผู้หลอมจะตาย
ยังมีอีกเหตุผลว่าทําไมหลินฮวงถึงรู้สึกมั่นใจว่าเวอชุโอโซน่าจะไม่รู้เรื่องเพลิงหายนะ
ตอนเวอชุโอโซชวนหลินฮวงให้เขาหุบเหวกับพวกเขา เงื่อนไขที่เสนอคือจ่ายให้หลินฮวงก่อนด้วยชิ้นส่วนผนึกดาบ ด้วยชิ้นส่วนผนึกดาบที่ต้องจ่ายพอเสร็จสิ้นภารกิจ มันคือหลินฮวงที่ขอชิ้นส่วนผนึกดาบกับชิ้นส่วนผนึกวิญญาณก่อน
ถ้าทั้งสองให้โดยข้อตกลงแรกเริ่มของเวอชุโอโซ หลินฮวงย่อมเลือกชิ้นส่วนผนึกวิญญาณก่อน
ถ้าเขาตายตอนนั้น มันไม่มีประโยชน์อะไรสําหรับเวอชุโอโซตอนเข้าหุบเวห
ความระมัดระวังเกินจริงของหลินฮวงไม่ใช่เพราะเขาขาดความไว้วางใจในมิตรสหาย
มันแค่ว่าหลังได้ยินเรื่องของหยางหลิง เขาอดระวังมากขึ้นไม่ได้
ไรเดอร์สามารถสามารถปลอมตัวเป็นน้องชายของหยางหลิง นอนอยู่รอบตัวเขาเป็นเวลากว่าหมื่นปีเพียงเพื่อหาโอกาสปล้นนิ้วทองคํา
เป็นไปได้มากที่พวกเขาจะปลอมตัวเป็นตัวตนใดเพียงเพื่อได้ใกล้ชิดกับหลินฮวง
ในความเป็นจริง หลินฮวงไม่ไว้วางใจศูนย์ใหญ่สโมสรนัก นับประสาอะไรกับสาขา
ท้ายที่สุด ทุกอย่างเกี่ยวกับสโมสรที่เขารู้ รวมถึงจุดยืนพวกเขาในการต่อต้านพวกไรเดอร์ถูกกเปิดเผยโดยสมาชิกสโมสรเอง
เขายังไม่สามารถหาอะไรเกี่ยวกับสโมสรได้บนช่องทางอื่น
โชคดี ครั้งนี้มันเป็นควันทั้งหมด ไร้ซึ่งไฟ ไม่ใช่แค่เขาจะไม่ตาย แต่เขายังก้าวหน้า
เขามั่นใจในตัวเองมากพอแล้ว นอกจากจ้าวเทวะหรือถึงจ้าวเทวะ เขาไม่กลัวใคร
หลินฮวงเก็บไฟในฝ่ามือไป ดวงตาของเขาทอประกาย เขาลุกขึ้น ผลักเปิดประตูวังจอมเทพ
ตอนเขาเห็นหลินฮวงออกจากการปิดประตูบ่มเพาะ ดาบหนึ่งก็รีบลุกขึ้นยืนจากท่านั่งสมาธิ
มันไม่สําคัญว่าหลินฮวงจะอยู่ที่วังจอมเทพหรือไม่ ดาบหนึ่งไม่เคยละทิ้งตําแหน่งเขาในฐานะผู้พิทักษ์ ทั้งวันทั้งคืน เขาจะยืนเฝ้าประตูวังจอมเทพ
ตอนเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของหลินฮวง ความยินดีก็ฉายผ่านดวงตาของดาบหนึ่งอีกครั้ง
“ท่านดูเหมือนจะก้าวหน้าขึ้นอีกแล้ว ท่านจอมดาบ”
“ก็นิดหนึ่ง”
“หลินฮวงพยักหน้าเล็กน้อยและก้าวไปข้างหน้า เขาพลันหันไปมองดาบหนึ่ง”
“ดาบหนึ่ง ไปลานประลองกับข้า ข้าอยากทดสอบพลังแท้จริงของข้า”
“ขอรับ ท่านจอมดาบ” ดาบหนึ่งตอบตกลงโดยไม่ลังเล เขาเองก็อยากรู้ว่าตอนนี้หลินฮวงแข็งแกร่งแค่ไหนแล้ว
เหตุผลหนึ่งว่าทําไมหลินฮวงถึงเลือกดาบหนึ่งเป็นคู่ซ่อมคือเขาอยู่ใกล้สุด อีกเหตุผลคือความสามารถของดาบหนึ่งถือว่ามากสุดในบรรดาเทพสวรรค์ทั้งหมด ถึงขั้นใกล้เคียงกับกิ่งจ้าวเทวะ
หลินฮวงอยากรู้ว่าความสามารถของเขาไปถึงระดับเดียวกันกับดาบหนึ่งหรือยัง ถ้าไม่ เขาก็อยากรู้ว่าเขาไปได้ไกลแค่ไหน
ทั้งสองเข้าลานประลองและสู้กันอย่างดุเดือดถึงหนึ่งวันเต็มก่อนยุติ
ในความเป็นจริง ประมาณครึ่งชั่วโมงหลังเริ่มการต่อสู้ หลินฮวงก็รู้แล้วว่าความสามารถของเขายังขาดถ้าเทียบกับดาบหนึ่ง
แค่จํานวนพลังลําดับเทพที่ทั้งคู่สามารถใช้ได้ หลินฮวงก็ยังด้อยกว่าแล้ว
แม้เพลิงหายนะจะทําให้หลินฮวงแกร่งขึ้น แต่ร่างกายกับจิตวิญญาณของเขาสามารถรองรับห่วงโซ่ลําดับเทพมากสุดได้แค่ 18
ในฐานะสุดยอดอัจฉริยะ ดาบหนึ่งเชี่ยวชาญห่วงโซ่ลําดับเทพถึง 31 สาย ถึงแม้เวจะสะกดพลังตัวเองไว้ระดับของหลินฮวง ใช้แค่ 18 สาย ความคุ้นเคยของเขาต่อพลังลําดับเทพกับประสบการณ์ก็เป็นสิ่งที่หลินฮวงเทียบไม่ติด
สําหรับดาบหนึ่ง ผลประลองคือเสมอ แต่หลินฮวงรู้ตัวดีว่าเขาแพ้
ในมหาพิภพ ความสามารถของดาบหนึ่งถือเป็นหนึ่งในสามยอดฝีมือที่อยู่ใต้ถึงจ้าวเทวะ
การสามารถเผชิญหน้ากับยอดฝีมืออย่างนี้ได้อย่างสูสีถือเป็นหลักฐานบ่งบอกถึงความสามารถของหลินฮวงแล้ว
ตอนดาบหนึ่งทําการประลอง ไม่มีทาสดาบคนอื่นเป็นพยาน
แต่ทว่า วันถัดมาหลังหลินฮวงไป ทาสดาบบางคนก็ยังรู้เรื่องการประลองว่าหลินฮวงกับดาบหนึ่งสูสีกัน
ข่าวกระจายไปอย่างรวดเร็วเหมือนไฟป่า ทั้งหมดต่างเหลือเชื่อตอนได้ยิน แต่หลังจากนั้นความชื่นชมของพวกเขาที่มีต่อหลินฮวงก็ยิ่งเท่าทวี
มีแค่ดาบหนึ่งถึงยังนั่งหน้าประตูวังจอมเทพ ทําตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่ทว่า ถ้าทุกคนเพ่งมองให้ดี พวกเขาจะเห็นว่ามุมปากของดาบหนึ่งขดขึ้นเป็นรอยยิ้ม