Monster Paradise - ตอนที่ 1610 ผู้ช่วยที่ไม่คาดคิด
ตอนที่ 1610 ผู้ช่วยที่ไม่คาดคิด
หลายคนเริ่มหอบหายใจหนักตอนเห็นของประมูลที่ถูกนําขึ้นเวที
ส่วนใหญ่มายังโรงประมูลใต้ดินแห่งนี้เพื่อทาส
สองพี่น้องเซินเจวี่ยกับเซินอวี่เองก็เช่นกัน พวกเขาประมูลของอื่นแค่เพราะฆ่าเวลา
บนเวที ผู้จัดรีบนําผ้าแดงออก
ที่อยู่ด้านในกล่องผลึกคือสิ่งมีชีวิตเพศหญิงที่มีหางงู ร่างกายส่วนบนของนางไม่ต่างจากมนุษย์หญิงและยังเย้ายวนมาก
นางเปลือยกาย เผยให้เห็นแค่อักขระที่ล้อมรอบคอนาง นี่เพื่อควบคุมทาส โรงประมูลตั้งใจแสดงมันให้ขกดูว่าทาสนางนี้ตกอยู่ภายใต้การควบคุม
สิ่งที่คว้าสายตาของหลินฮวงคือหางของนางเป็นสีทอง
“พวกเขาสามารถจับสิ่งมีชีวิตแบบนี้ได้ด้วย?”
เขาอดอุทานออกมาไม่ได้ถึงความสามารถของโรงประมูลนี้
“ของที่จะประมูลกันรอบนี้คืองูสาว”ผู้จัดพูดอย่างสงบ” ข้ามั่นใจว่า แขกทุกคนของเราคงสังเกตเห็นว่านี่ไม่ใช่งูสาวธรรมดา แต่เป็นงูสาวเกล็ดทองระดับเทพสูงสุด
“มีความลับในเผ่างูสาวที่แขกส่วนใหญ่อาจไม่รู้ นั่นคือราชินีของแต่ละรุ่น ในเผ่าจะถูกเลือกจากบรรดาเจ้าหญิง งั้นเจ้าหญิงเหล่านี้ถูกเลือกยังไง?”
ผู้จัดหยุดและมองรอบๆ เขาถามคําถาม ยิ้ม และหลังเห็นว่าไม่มีใครตอบ เขาก็พูด
“มีแค่ข้อกําหนดเดียวสําหรับเจ้าหญิงในเผ่างูสาว พวกนางต้องเป็นเทพสูงสุด!มันไม่เกี่ยวถึงระดับพลังหรือตระกูล ตราบเท่าที่เป็นเทพสูงสุด พวกนางจะได้รับตําแหน่ง เจ้าหญิงทันที และกลายเป็นว่าที่ผู้สืบบัลลังก์ราชินี”
“ถ้าราชินีตายและมีเจ้าหญิงแค่หนึ่งเดียว นางก็ไม่ต้องผ่านการคัดเลือก นางจะรับตําแหน่งราชินีโดยตรง”
“กล่าวอีกนัยหนึ่ง เรากําลังประมูลเจ้าหญิงของเผ่างูสาว ใครจะไปรู้ บางทีนางอาจกลายเป็นราชินีงูในอนาคตก็ได้!”
หลินฮวงรู้สึกว่าเขาได้เรียนรู้สิ่งใหม่หลังได้ยิน มันยังเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินกฏการคัดเลือกผู้สืบทอดตําแหน่งราชินี
ฝูงชนเริ่มบ้าคลั่ง
ทุกคนเข้าใจความหมายที่ผู้จัดกําลังพูด
ถ้าพวกเขาได้รับเจ้าหญิงเผ่างูสาวนางนี้และคิดแผนที่เหมาะสมได้ เช่น การฆ่าราชินีงูและเจ้าหญิงงูนางอื่นหมด พวกเขาก็จะมีทาสที่สืบทอดตําแหน่งราชินีงู นี่จะทําให้พวกเขาควบคุมได้ทั้งเผ่าสาว
แม้ประชากรของเผ่างสาวจะต่ําและไม่ถือว่าเป็นเผ่าใหญ่ในแดนเทพ แต่ก็อาจมีกึ่งจ้าวเทวะในเผ่า บางทีอาจมากกว่าหนึ่งด้วยซ้ํา
การสามารถควบคุมเผ่าเช่นนี้ได้จะเทียบเท่ากับการควบคุมองค์กรระดับหก
โดยธรรมชาติ หลินฮวงเข้าใจความหมายที่ซ่อนเร้นในคําพูดของผู้จัด แต่ทว่า เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องของเผ่างูสาว เขากลับพิจารณาถึงสถานการณ์ในเผ่าเนฟิลิก
นับตั้งแต่ไคลี่เลื่อนเป็นจิตวิญญาณบริสุทธิ์ นางก็กลายเป็นราชินีของทั้งเผ่าเนฟิลิก ในความเป็นจริง นี่ยังหมายความว่าหลินฮวงได้กุมชะตากรรมของเผ่าเนฟิลิกไว้แล้ว
เผ่าเนฟิลิกทรงพลังกว่าเผ่าสาวมาก
ท่ามกลางข้อมูลมากมายที่นางส่งต่อให้หลินฮวง ไคลี่ได้ถ่ายทอดรายละเอียดหนึ่งให้เขา
มีถึงจ้าวเทวะที่มองเห็นได้แค่สามคนในเผ่าเนฟิลิก แต่จํานวนจริงอาจเป็นสองเท่า นอกจากนี้ มันอาจมีปรมาจารย์ระดับจ้าวเทวะอีกด้วย มันแค่ว่าพวกเขาไม่ปรากฏตัวเลยในยุคนี้
ความสามารถที่เผ่านี้แสดงต่อสาธารณะเป็นแค่ยอดภูเขาน้ําแข็ง
นี่ทําให้หลินฮวงไล่ความคิดที่จะเรียกไคลี่กลับมา เขากลับเห็นด้วยกับแผนของเจ้าแดง ซึ่งคือให้ไคลี่อยู่ในเผ่าเนฟิลิกไปต่อ
ต้องขอบคุณผู้จัดที่ทําให้ฝูงชนวุ่นวาย การประมูลทาสนี้ตึงเครียดเป็นพิเศษ
สองพี่น้องเองก็ร้องราคาไม่หยุดปาก
แต่ทว่า พวกเขาไม่ใช่แค่คนรวยกลุ่มเดียวที่นี่ ยังมีอีกหลายคนที่แข่งกับแฝดและไม่เต็มใจยอม
สุภาพสตรีคนหนึ่งเสนอราคาของอาวุธเต๋า ขู่คู่แข่งหลายราย
มันไม่ใช่แค่คนที่นี่จะตกตะลึง แม้กระทั่งหลินฮวงเองก็ยังสับสน
ราคาเช่นนี้มากพอจะซื้อทาสกึ่งจ้าวเทวะ
งูสาวเกล็ดทองนางนี้เป็นแค่เทพสวรรค์ชั้นสาม แม้จะมีศักยภาพ มันก็ยังต้องทุ่มทรัพยากรเพื่อฝึกนาง
สําหรับที่ผู้จัดพูดถึงการควบคุมทั้งเผ่างูสาวผ่านนาง มันไร้สาระ
ราชินีงูของยุคนี้คือกึ่งจ้าวเทวะ ตามกฏการสืบทอดตําแหน่งราชินีงูที่ผู้จัดอธิบาย ราชินีในปัจจุบันควรเป็นสิ่งมีชีวิตระดับเทพสูงสุดเป็นอย่างต่ํา
ความสามารถของเทพสูงสุดระดับกึ่งจ้าวเทวะต้องโดดเด่นมากแม้แต่ในหมู่กึ่งจ้าวเทวะ มันจะไปลอบสังหารนางง่ายๆได้ไง?
เหล่าคนที่ครอบครองความสามารถจะฆ่าราชินีเองก็จะไม่คิดหมายปองเผ่างสาวเช่นกัน
หลินฮวงสามารถเข้าใจได้ว่าทําไมแฝดตระกูลเซ็นถึงประมูล เหนือสิ่งอื่นใด ทั้งคู่ชอบสะสมทาส
แต่ทว่า เขาไม่เข้าใจว่าทําไมหญิงสาวที่นั่งในแถวเดียวกับเขาถึงประมูลไม่หยุด
หรือว่านางจะมีความสนใจเหมือนแฝด?
แต่ทว่า ในแง่ความมั่งคั่งแล้ว สองแฝดก็ยังรวยกว่า
ตอนนางเห็นว่าแฝดยังเสนอราคาหลังนางเพิ่มราคาของอาวุธเต๋า นางก็ลดมือและไม่เร่งราคาต่อ
แฝดดูเหมือนจะได้ข้อตกลงอย่างรวดเร็ว เซินเจวี่ยเสนอราคาสําหรับงูสาวเกล็ดทองด้วยราคาของอาวุธเต๋าหนึ่งชิ้นและอาวุธกึ่งเต๋าสองชิ้น
พอผู้จัดกําลังจะประกาศจบ เหตุการณ์ก็พลันเกิดขึ้นในสถานที่
หญิงสาวในแถวเดียวกับหลินฮวง คนที่กําลังประมูลพลันเคลื่อนไหว นางสะบัดมือและทําท่าชิงผลึกที่งูสาวเกล็ดทองอยู่ในนั้น
แม้กระทั่งรูม่านตาของหลินฮวงก็ยังหดลงตอนเห็นกรงเล็บนาง นางคือถึงจ้าวเทวะอย่างเห็นได้ชัด
ตอนนั้นเอง มือหนึ่งพลันยื่นออกจากอากาศธาตุบนเวทีและเหวี่ยงหมัดใส่กรงเล็บแหลมของนาง
มันคือกึ่งจ้าวเทวะอีกคน!
ทันทีที่ความสนใจของทุกคนเบี่ยงไปยังกึ่งจ้าวเทวะทั้งสอง หลินฮวงก็ลงมือโดยไม่ลังเล
แสงสีแดงเลือดสองสายยิงออกจากแขนเสื้อเขา พุ่งตรงใส่เซินเจวี๋ยกับเซินอวี่
กึ่งจ้าวเทวะทั้งสองพลันรับรู้ถึงมือสังหารที่แอบแฝงอยู่ท่ามกลางพวกเขาอย่างหลินฮวง หญิงสาวเมินเขา ขณะที่ชายที่คอยควบคุมนางกลับพยายามช่วยเหลือ แต่ทว่า พอเห็นว่านางอยากฉวยโอกาสและหลบเลี่ยงเขา เขาก็ถอนมือกลับ
กึ่งจ้าวเทวะทั้งสองเริ่มสู้กันอีกครั้ง
เนื่องจากทุกคนต่างมุ่งความสนใจไปที่กึ่งจ้าวเทวะทั้งสอง มันจึงไม่มีใครสังเกตเห็นการโจมตีของหลินฮวงเลย
เซินอวี่กับเซินเจวี่ยกําลังยื่นคอเพื่อชมการต่อสู้เช่นกัน พอความตายใกล้มา ต่อให้อยากตอบสนอง มันก็สายไปแล้ว
ครั้งนี้ หลินฮวงบีบอัดพลังลําดับเทพ 18 ชั้น ไม่เพียงแต่จะยัดประเภทความเร็วไปหลายชั้น แต่ยังเสริมการปกป้องไปสองชั้นด้วย ตอนการโจมตีแสดงตัวต่อหน้าเซินอวี่กับเซินเจวี่ย ทั้งคู่ถึงรู้
มีดบินพลังจิตสองเล่มที่มีพลังลําดับเทพ 18 ชั้นกับกฎสวรรค์เคําดาบได้เจาะหัวสองพี่น้องเหมือนสายฟ้าฟาด
แทบจะในเวลาเดียวกัน หลินฮวงก็ได้ปรากฏตัวข้างศพทั้งสอง เขาปล่อยด้ายพลังจิตออกไป เก็บศพไร้หัวของทั้งสองยัดเข้าแหวนเก็บของ
แต่ทว่า ตอนนี้เอง ถึงจ้าวเทวะของโรงประมูลพลันโจมตีหลินฮวงด้วยฝ่ามือ
“คิดจะหนีไปไหน!”
แต่ทว่า หลินฮวงกลับแสยะยิ้ม”เจ้าหยุดข้าไม่ได้”
ทันใดนั้น เขาก็บดขยี้การ์ดใบหนึ่ง
คลื่นกระบี่สีทองควบแน่นขึ้นบนอากาศตรงหน้าเขา มันยาวแค่เมตรเดียวและดูธรรมดามาก
แน่นอน คลื่นกระบี่ไม่ใช่วิชาของหลินฮวง เขาคัดลอกมันโดยใช้การ์ดทักษะ มันคือไพ่ตายที่จิ่วเจี้ยนใช้ตอนฆ่าเก้าเถาวัลย์ เป็นการโจมตีอันเป็นมาตรการเอาตัวรอดที่ร่างหลักของเขาทิ้งไว้
เนื่องจากพลังของการโจมตียังคงต่ํากว่าจ้าวเทวะ การ์ดทักษะระดับห้าของหลินฮวงจึงคัดลอกมันได้
ในความเป็นจริง นอกจากการโจมตีของจิ่วเจี้ยน หลินฮวงยังคัดลอกของเวอชุโอโซมาด้วย
เขาทําอย่างนั้นเพื่อป้องกันสถานการณ์เช่นนี้
เขาไม่เคยคิดว่าจะได้นํามาใช้จริง
คลื่นกระบี่สี่ทองปะทะกับฝ่ามือของกึ่งจ้าวเทวะ ทําให้เกิดพายุพลังงานน่าหวาดหวั่น
“เขาก็เป็นกึ่งจ้าวเทวะด้วย?!”
ท่ามกลางความประหลาดใจของกึ่งจ้าวเทวะทั้งสอง ร่างของหลินฮวงก็ได้เลือนหายไปพร้อมกับศพไร้หัวทั้งสอง