Monster Paradise - ตอนที่ 1636 คําแนะนําของข้าคือหนีไป
ตอนที่ 1636 คําแนะนําของข้าคือหนีไป
ศูนย์ใหญ่เคียวแห่งความตาย ภายในห้องของใต้สวรรค์
ใต้สวรรค์ปิดห้องจากโลกภายนอกทันทีที่เขามาถึง
“ไรเดอร์ นักเดินทางกับผู้กลับชาติมาเกิดที่เจ้ากับจ้านจั๋วพูดถึงคืออะไรกันแน่?”แม้ใต้สวรรค์จะได้ยินจ้านจั่วพูดความลับมากมาย เขาก็ไม่เข้าใจเลย
“ตอนนี้ ข้าไม่อาจอธิบายให้เจ้าฟังได้ ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งเจ้ารู้ เจ้าจะยิ่งนําปัญหามาใส่ตัว” หลินฮวงไม่ตั้งใจพูดเพิ่ม” ข้าได้แต่บอกเจ้าว่าไรเดอร์คือองค์กรชั่วร้าย มองอัจฉริยะที่โดดเด่นทุกคนเป็นเป้าหมาย คนกลุ่มนี้จะทําทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น ข้ายังรู้มาว่ามีไรเดอร์ที่เต็มใจรอเป็นหมื่นปีเพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับเป้าหมายปลอมตัวเองเป็นเพื่อนสนิทของเหยื่อก่อนจะปล้นสมบัติที่พวกเขาครอบครอง”
ใต้สวรรค์รู้สึกเสียวสันหลังวาบตอนได้ยินเรื่องนี้ หลังความเงียบ เขาก็อดถามไม่ได้
“เจ้าตั้งใจจะสู้กับคนเหล่านี้จริงเหรอ?ถ้ามันเป็นแบบที่เจ้าพูด ที่ว่าพวกไรเดอร์คนอื่นมีความสามารถเทียบได้กับจ้านจั๋วหรือบางทีก็สูงกว่า ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะสามารถสู้กับพวกมันได้ด้วยความสามารถปัจจุบันของเจ้า”
“ความสามารถปัจจุบันของข้ายังไม่มากพอจะสู้กับพวกมัน แต่ทว่า ความสามารถข้าจะสูงขึ้น ไม่ใช่แค่นั้น ข้าไม่ได้อยู่ลําพัง”ในความเป็นจริง หลินฮวงได้คิดแผนโต้ตอบแล้ว
“ทําไมเจ้าไม่ให้วิหารเทพนักรบมาเกี่ยวด้วยละ?”ใต้สวรรค์ถามอีก” ตราบเท่าที่เจ้าส่งมอบจ้านจั๋วให้จ้านกวง เป้าหมายแรกของไรเดอร์จะต้องเป็นวิหารเทพนักรบ วิหารเทพนักรบจะต้องคิดหาทางจัดการกับพวกไรเดดอร์เองแน่”
“นอกจากนี้ วิหารเทพนักรบคือองค์กรระดับเจ็ดในแดนเทพ ด้วยชื่อเสียงของพวกเขา มันคงไม่ลําบากที่จะเรียกจ้าวเทวะทุกคนจากองค์กรอื่นมาช่วย พวกเขาอาจสามารถสู้กับไรเดอร์ได้”
“ถ้าข้าส่งจ้านจั๋วให้วิหารเทพนักรบแบบเป็นๆ ผลลัพธ์คงน่าจะเป็นวิหารเทพนักรบทําข้อตกลงกับไรเดอร์ พวกเขาจะส่งมอบจ้านจิ๋วกลับให้แทนที่จะสู้” หลินฮวงส่ายหัว” จ้าวเทวะขั้นกลางทรงพลังเกินไป วิหารเทพนักรบจะไม่เป็นศัตรูกับจ้าวเทวะขั้นกลางแค่เพราะจ้านจั๋วคนเดียวหรอก”
“ก็จริง ทรัพยากรของมหาพิภพไม่พอจะสนับสนุนการบ่มเพาะของจ้าวเทวะขั้นกลาง จ้าวเทวะส่วนใหญ่ในองค์กรใหญ่จะมุ่งหน้าไปจักรวาลหลังสร้างผนึกเต๋ขั้นเจ็ดหรือแปด นับประสาอะไรกับจ้าวเทวะขั้นกลางที่สร้างผนึกเต๋ขั้นสิบ”ใต้สวรร์พยักหน้าพลางขมวดคิ้ว
“ข้าจะหาทางจัดการเรื่องไรเดอร์เอง ถ้าข้าไม่อาจจัดการได้ ข้าก็จะซ่อนตัว” หลินฮวงพูดต่อ” เจ้ากับเคียวแห่งความตายไม่ควรเอาตัวเองมายุ่งเรื่องนี้”
ใต้สวรรค์ดูไม่พอใจ แต่เขารู้ว่าหลินฮวงหมายความว่ายังไง
หลินฮวงคือพวกลุยเดี่ยว ถ้าเขาไม่อาจสู้กับพวกไรเดอร์ได้ เขาก็ยังหนีได้ แต่ทว่า เคียวแห่งความตายคือองค์กรที่มีสมาชิกมากมาย ถ้าพวกเขาตกเป็นเป้าของพวกไรเดอร์จริง พวกเขาคงหนีไม่รอด
“ในอีกไม่กี่วัน เจ้าต้องรีบประกาศข่าวเลื่อนเป็นจ้าวเทวะของเจ้าและทําให้เคียวแห่งความตายเป็นองค์กรระดับเจ็ดโดยเร็ว เมื่อเคียวแห่งความตายกลายเป็นองค์กรระดับเจ็ด พวกเขาจะอยู่ในที่สว่าง อย่างน้อยก็ในอนาคต ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป ไรเดอร์จะไม่เสี่ยงกลายเป็นศัตรูของแดนเทพโดยการโจมตีเคียวแห่งความตายอย่างเปิดเผย”
“สําหรับเฒ่าซุน อย่าสืบต่อ ปล่อยให้ข้าจัดการเอง ข้าจะล้างแค้นแทนเจ้า”
“นอกจากนี้ ยังมีสายที่ปล่อยพิกัดของเจ้า ไม่ใช่แค่นั้น มันต้องเป็นหนึ่งในเคียวโลหิต และอาจมีสายมากกว่าหนึ่ง”
“ไม่ว่าเฒ่าซุนจะโดนฆ่าโดยสายหรือไม่ เจ้าก็ต้องระวังที่เหลืออีกหก” หลินฮวงเตือน
“ข้ารู้”ใต้สวรรค์ยังขมวดคิ้ว
หลินฮวงออกไปหลังคุยกันสักพักกับใต้สวรรค์เรื่องในเคียวแห่งความตาย
พอกลับไปดาวฟิสเตอร์ในเขตดาวนักล่าปีศาจ หลินฮวงก็ให้หงซวงปลดแหวนของจ้านจั่ว
จากนั้นเขาก็เอาวังโบราณของจ้านงิ้วไปตั้งประมูลบนราชันย์ ข้อกําหนดสําหรับการแลกเปลี่ยนยังเป็นเขตแดนเทพกึ่งจ้าวเทวะทุกประเภท สําหรับระยะเวลาประมูล มันจะขึ้นแค่ 24 ชั่วโมง
พวกไรเดอร์อาจมาล่าเขาได้ตลอด กรอบเวลานี้คือนานที่สุดที่เขารอได้
หลังเขาจัดการเรื่องเหล่านี้ เขาก็ไปหาดาบ1และให้เขาจัดระเบียบสมาชิกพันธมิตรดาบเพื่อที่พวกเขาจะได้เริ่มอพยพผู้อยู่อาศัยของดาวฟิสเตอร์ทั้งหมด
หลินฮวงได้บอกใต้สวรรค์แล้วว่าอย่าต่อต้านและให้บอกพวกไรเดอร์ไปว่าเขาอยู่ไหนถ้าพวกมันไปเคียวแห่งความตายและอยากรู้ว่าเขาอยู่ไหน
มันเป็นแค่เรื่องของเวลาก่อนพวกไรเดอร์จะเจอที่นี้ ทันทีที่สงครามเริ่ม ใครก็ตามที่ต่ํากว่าจ้าวเทวะจะตาย
เดิมที ดาบ1อยากถามรายละเอียดเพิ่มเติม แต่ทว่า พอเห็นหลินฮวงไม่เต็มใจอธิบายเพิ่ม เขาก็ยอม เขารู้สึกคลุมเครือว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวกับพวกไรเดอร์ ดาบ1ผู้ซึ่งมั่นใจตัวเองมาตลอดรู้ดีว่าไรเดอร์น่ากลัวแค่ไหน เขายังรู้ด้วยว่าเขาช่วยอะไรไม่ได้มากจนกว่าจะเป็นจ้าวเทวะ
หลังกลับไปลานบ้านเขา หลินฮวงก็นั่งบนม้านั่งหินในศาลา เขาเปิดอุปกรณ์สอสารและมองหาชื่อของเวอชุโอโซบนหน้าข้อความ
หลังจ้องชื่อเวอซุโอโซและครุ่นคิดสักพัก เขาก็เขียนข้อความและส่งไป
“ข้าตกเป็นเป้าของพวกไรเดอร์”
วินาทีต่อมา คําขอสื่อสารก็มาจากเวอซุโอโซ
ทันทีที่หลินฮวงรับสาย ภาพของเวอชุโอโซก็ฉายบนศาลา
“เกิดอะไรขึ้น?เจ้าไปยุ่งกับพวกมันได้ไง?”
“ข้าฆ่าหนึ่งในพวกมันไป พวกมันน่าจะตามตัวข้าได้ในไม่ช้า” หลินฮวงพูดพร้อมหัวเราะเบาๆ
“พวกไรเดอร์ในโลกนี้อ่อนแอขนาดนั้นเลย?”เวอชุโอโซสับสน” เท่าที่ข้ารู้ พวกมันจะไม่รับสมาชิกที่ต่ํากว่าจ้าวเทวะ”
“ข้าฆ่าจ้าวเทวะ” หลินฮวงอธิบาย เขาไม่สนใจที่จะเปิดเผยความสามารถเขาต่อหน้าเวอชโอโซ นี่เป็นเพราะอีกไม่กี่วัน เขาจะยกระดับพลังอีกครั้ง
เวอซุโอโซตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด เขาถามทันที” ตอนนี้เจ้าอยู่ระดับไหน?!”
“ข้าอยู่ขั้นแปด” หลินฮวงไม่ปกปิดความจริง
“เร็วมาก!!”เวอชโอโซอุทาน”นิ้วทองคําที่สามารถยกระดับพลังเจ้าด้วยความเร็วเช่นนี้ข้าเองก็อยากได้เหมือนกัน!”
เห็นได้ชัดว่าเวอชโอโซมีความเข้าใจผิดว่าความสามารถของนิ้วทองคําเขามุ่งเน้นที่การเพิ่มระดับพลังเป็นหลัก
“การสามารถฆ่าจ้าวเทวะได้ เจ้าที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ”
“อย่าเพิ่งชมข้า ช่วยข้าคิดหาทางแก้ก่อน” หลินฮวงพูด”ถ้าข้าแก้ปัญหานี้ไม่ได้ ข้าน่าจะกลายเป็นศพเย็นในอีกไม่กี่วัน
“ข้าคิดว่าเจ้าสามารถไปหาเพื่อนๆจากสโมสรได้” เวอชุโอโซแนะนําหลังครุ่นคิด
“ในบรรดาสามคนจากสโมสร มีใครเป็นจ้าวเทวะขั้นกลางไหม?” หลินฮวงถามทันที
เขาไม่กลัวพวกไรเดอร์ส่วนใหญ่ คนที่เขากลัวคือสมาชิกระดับสองและคนที่ชื่อสาย ผู้น่าจะเป็นระดับสองเช่นกัน
“เรื่องนี้ข้าไม่แน่ใจ แต่ถ้าให้เดาก็ไม่ จ้าวเทวะขั้นกลางย่อมไปจักรวาลแทนที่จะอยู่ที่นี่”เวอชโอโซยักไหล่”เจ้าแน่ใจเหรอว่ามีจ้าวเทวะขั้นกลางในหมู่ไรเดอร์ของแดนเทพ?”
“มีแน่ และอาจจะมีมากกว่าหนึ่งด้วย” หลินฮวงไม่ปิดบังจากเวอชุโอโซ
เวอซูโอโซเงียบไปสักพักหลังได้ยิน จากนั้นก็ใช้มือเท้าคางครุ่นคิดอยู่นานก่อนเงยหน้าขึ้น”ถ้าเจ้าไม่สามารถรับมือพวกมันได้ เจ้าควรหนี ตรงไปจักรวาล ด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าจะปกป้องตัวเองได้ไม่มากก็น้อย”
หลินฮวงพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคําแนะนํานี้