MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ - ตอนที่ 296
ตอนที่ 296 ฮั่วชูปิงและหรานเหมิน
คนที่พูดเช่นนี้เป็นชายวัยกลางคนที่ไม่ได้อ่อนแอเขามีความแข็งแกร่งขั้นสร้างรากฐานพลังหยวน
ในแง่ของนักรบธรรมดาเขาค่อนข้างทรงพลังมากอยู่แล้ว
“นี่…”
นักรบหลายคนรู้สึกลังเลหากเป็นไม่กี่วันก่อนพวกเขาจะเห็นด้วยอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้พวกคนเถื่อนได้ยินคําสั่งฆ่าของจักรพรรดิแล้ว พวกมันกําลังรวมตัวกันเพื่อโจมตีเมืองฉางซานถ้าเกิดพวกเขาไปตอนนี้ และพบคนเถื่อนเข้าก็อาจจะถูกพวกคนเถื่อนฆ่าได้
นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งของพวกเขา ไม่ได้ดีเหมือนกับชายวัยกลางคนที่มีพลังขั้นสร้างรากฐานพลังหยวน
“ข้าจะไป!”
ชายหนุ่มอายุ 17-18 ปี ได้ยืนขึ้นเขาถือหอกสีดําในมือและพูดด้วยน้ําเสียงทุ้มว่า”พวกคนเถื่อนฆ่าครอบครัวของข้า ความเกลียดชังนี้ไม่อาจวางลงได้!”
“ข้าก็จะไปด้วย!”
หรานเหมิน ได้ลุกขึ้นยืนและพูดขึ้น”มณฑลเฮยเสียน เป็นบ้านเกิดของข้า ตอนนี้บ้านเกิดของข้าถูกทําลาย ข้าต้องการเข้าร่วมกองทัพและได้รับความสนใจจากฝ่าบาท หากข้าได้รับโอกาสนําทัพออกรบ ข้าจะฆ่าพวกมันให้มากขึ้น!”
“ฮ่าฮ่า,สมกับเป็นชายชาตรี!”
ชายวัยกลางคนได้หัวเราะออกมา”น้องชาย เช่นนั้นพวกเราก็ไปด้วยกันเถอะ พวกเราจะฆ่าพวกมันและนําศีรษะหลายร้อยหัวกลับไปหาฝ่าบาท ฝ่าบาทจะต้องให้ค่ากับพวกเราอย่างแน่นอน!”
“ตกลง!”หรานเหมิน และ ชายหนุ่มได้พยักหน้า
แต่มีนักรบคนอื่นไม่มากนักที่พวกเขาต้องการจะไป
ชายหนุ่มได้เหลือบมองไปที่พวกเขาอย่างเย็นชาและพูดขึ้น”พวกท่านทั้งหมดล้วนเป็นบุรุษโดยกําเนิดมีนกเขาอยู่ตรงเป้ากางเกง แต่กลับไม่มีความกล้าหาญเท่ากับข้าที่เป็นเด็ก พวกเจ้ามันก็แค่พวกขี้ขลาดตาขาว มีฝีปากขมกริบแต่ไร้ประโยชน์!”
“เจ้าหนุ่มมันจะมากเกินไปแล้ว!”
นักรบบางคนตะโกนขึ้น”ใครบอกว่าพวกเราไม่กล้าไปข้าจะฆ่าพวกคนเถื่อนให้ดูเดี๋ยวนี้!”
“เช่นนั้นก็ดี!”
ชายหนุ่มได้มองไปที่นักรบคนนั้น”ถ้าท่านกล้าที่จะตามเราไป ข้า ฮั่วชูปิง จะขอโทษท่านสําหรับคําพูดไร้มารยาทก่อนหน้านี้!”
ฮั่วชูปิง!
นี่ก็คือ ฮั่วชูปิง ที่ ลู่เฟิง เรียกออกมา
“พวกเรารีบไปกันเถอะ!”
หรานเหมินแล ชายวัยกลางคนก่อนหน้านี้เป็นผู้นํา หลังจากที่ ฮั่วชูปิง พูด นักรบหลายค ก็เริ่มทยอยตามมามากกว่าหนึ่งโหล แต่ก็ยังมีคนอื่น ๆ ที่ยังไม่กล้าเสี่ยง
พวกเขาต้องการฆ่าคนเถื่อน แต่ไม่ต้องการเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยง
ท้ายที่สุดแล้ว เหตุผลที่พวกเขารวมตัวกันก็ต้องการจะฆ่าพวกคนเถื่อนก็จริง แต่กําลังคนของพวกเขามีน้อยกันเกินไป
“น้องชายท่านนี้ มาจากมณฑลเฮยเสียน ท่านพอจะรู้หรือไม่ว่าจะพบพวกมันได้ที่ไหน?”
หรานเหมินและพรรคพวกเดินไปได้สักพักก่อนที่ชายวัยกลางคนจะกล่าวถาม
หรานเหมิน รู้สึกลังเล แม้ว่าเขาจะมาจากมณฑลเฮยเสียน แต่เขาก็พาแม่ของเขาออกจากมณฑลเฮยเสียนหลบหนีไป ตั้งแต่ตอนนั้นเขาก็ดูแลแม่มาตลอด ยังไม่ทราบสถานการณ์ปัจจุบันของมณฑลเฮยเสียนอย่างชัดเจน
“ข้ารู้ดีเลยแหละ!”
ชั่วชูปิง ได้กล่าวพูดในเวลานี้”ไม่ไกลจากเมืองฉางซาน มีสถานที่นึ่งที่เรียกว่า เฟิงเฮยปา ที่นั่นคนเถื่อนได้สุมกําลังคนไว้รอเพื่อจะโจมตีเมืองฉางซาน หากเราไปที่นั่น พวกเราจะพบกับคนเถื่อนพวกนั้นทันที คาดว่าที่นั่นคงเป็นทัพหน้าของพวกมันได้กระมัง”
“ทัพหน้า?”
ชายวัยกลางคนได้ครุ่นคิดและกล่าวถาม”มีประมาณกี่คน?”
“อาจจะมีห้าถึงหกหมื่นคน”
อีก!
แม้ว่าชายวัยกลางคนจะเป็นนักรบขั้นสร้างรากฐานพลังหยวน แต่เขาก็ยังรู้สึกหายใจไม่ออก หากมีคนเถื่อนจํานวนมากเช่นนี้ ถึงจะเป็นเขาก็ไม่อาจเอาชนะได้
“ไม่ต้องกังวล พวกเราเพิ่งฆ่าหน่วยสอดแนมจากระยะไกลของพวกมัน กองทัพของพวกมันคงไม่มีทางรับรู้ในตอนนี้”ฮั่วชูปิง มองไปที่หรานเหมิน”พี่ชายท่านนี้ ท่านคิดเห็นอย่างไรบ้าง?”
ความแข็งแกร่งของฮั่วชูปิงไม่ได้อ่อนแอ ธรรมชาติ เขาย่อมสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหรานเหมิน และเขาก็รู้ว่าในอนาคตหรานเหมินจะต้องเป็นคนที่ประสบความสําเร็จมากอย่างแน่นอน
หรานเหมินได้หัวเราะออกมา”ทัพหน้าห้าถึงหกหมื่นคนแล้วอย่างไร ข้าหรานเหมินไม่เคยกลัว!”
“ฮ่าฮ่า”
“พี่ชายหรานเหมิน ช่างกล้าหาญโดยแท้!”
ฮั่วชูปิง ได้ยิ้มออกมา
“น้องชายทั้งสอง พวกคนเถื่อน มีอยู่ทุกหนแห่ง ตอนนี้ ข้าไม่คิดว่าพวกคนเถื่อนจะวางหน่วยสอดแนมไว้จํานวนแค่นั้นข้าเดาว่ามันน่าจะมีมากกว่านี้เช่นนั้นระวังตัวด้วย”ชายวัยกลางคนได้กล่าวตอบ
เขายังคงกังวลเล็กน้อยกับทัพหน้าของพวกคนเถื่อน
“ฮ่าฮ่า ถ้าเจอพวกมัน ก็แค่ฆ่า เช่นนั้นก็จบแล้ว!”
หรานเหมิน ได้หัวเราะออกมาและมองไปที่ ฮั่วชูปิง”จากนี้ไปข้าขอเรียกเจ้าว่าน้องชายได้หรือไม่?”
“ไม่มีปัญหา!”ฮั่วชูปิง ยิ้มออกมา”จากนี้ไปท่านเป็นพี่ใหญ่ของข้า!”
“โอเค เช่นนั้นไปกันเถอะ!”
หรานเหมิน และฮั่วชูปิงได้ควบม้าอย่างรวดเร็วไปที่เฟิงเฮยปา
นักรบที่กําลังวิตกกังวลรีบตามไป
หรานเหมิน และ ฮั่วชูปิง ควบม้ามาเกือบทั้งวันในที่สุดพวกเขาก็อยู่ไม่ไกลจากเขื่อนเฟิงเฮยปา
“ดูนั่นพี่ใหญ่หน่วยสอดแนมของพวกคนเถื่อน”พวกเขาเห็นทหารม้ารอบ ๆ ที่เดินไปมา ฮั่วชูปิงได้พูดขึ้น
หรานเหมิน ได้หัวเราะเยาะออกมา”ดูเหมือนว่าพวกคนเถื่อนจะกลัวคําสั่งฆ่าของฝ่าบาทจริง ๆ ไม่คิดเลยว่าจะส่งหน่วยสอดแนมมามากกว่าสามร้อยคนคอยสอดส่อง ช่างเป็นเรื่องน่าขันยิ่ง!”
โดยปกติแล้วหน่วยสอดแนมที่เป็นทหารม้าควรจะมีไม่เกินสามสิบคน
แต่ที่นี่กลับมีมากกว่าสามร้อยคน เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าพวกคนเถื่อนกลัวว่าจะถูกพวกนักรบสังหารอีกครั้งจึงเพิ่มกําลังเป็นสิบเท่า
ด้วยวิธีนี้หากไม่ได้พบกับนักรบที่ทรงพลังหรือนักรบขั้นสร้างรากฐานพลังหยวน พวกเขาก็จะไม่สามารถถูกฆ่าได้ในทันที
อีกทั้งอาจเป็นไปได้ว่าพวกมันจะพกลูกศรหยุดปราณมาด้วย
ชปิง กําหอกไว้แน่น”ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกคนเถื่อนรอดไปแม้แต่คน
“ข้าละอยากจะฆ่าพวกมันจริง ๆ เดียว!”
ช่วงเวลาที่พวกคนเถื่อนบุกโจมตีมณฑลเฮยเสียน ฮั่วชูปิง บังเอิญกลับไปที่มณฑลเล่ยหยาง เพื่อพบสหาย
หลังจากกลับมาที่มณฑลเฮยเสียน ที่นั่นก็กลายเป็นนรกบนดินไปแล้ว
พ่อแม่และพี่ชายของเขาเสียชีวิตทั้งหมดไม่มีใครรอดชีวิต
พวกคนเถื่อนคือศัตรู
พบก็ต้องฆ่า
“น้องชายไม่ต้องรีบร้อนพวกมันจะต้องตายอย่างแน่นอน!”หรานเหมิน หัวเราะพลางถืออาวุธในมือแน่น
เขาถือหอกสองคมในมือซ้ายและด้ามในมือขวามันเป็นอาวุธที่มีความยาวและใช้งานยากต่างกัน
แต่สําหรับหรานเหมิน นี่คืออาวุธที่เขาใช้ได้ดีที่สุด
“ฆ่า!”
หรานเหมิน และ ฮั่วชูปิง ได้ตะโกนขึ้น พวกเขาพุ่งไปที่บ้าสองตัว
“ดูนั่น, พวกมันน่าจะเป็นนักรบจากอาณาจักรหนานหยาน รนหาที่ตายโดยแท้!”
ทหารม้าคนเถื่อนมองเห็น หรานเหมิน และ ฮั่วชูปิง พุ่งเข้ามา แต่ไม่มีใครหวาดกลัวแม้แต่น้อย
หัวหน้าพวกคนเถื่อนได้สั่นศีรษะและพูดขึ้น”นักรบโง่พวกนี้ คิดว่าฆ่าพวกของเราไปได้กว่า 30,000 คนและคิดว่าพวกเราเป็นขยะจัดการง่ายหรือไม่?
“ใช่แล้ว หัวหน้า ออกคําสั่งเถอะ ข้าแทบรอไม่ไหวที่จะฆ่าเจ้าโง่สองตัวนี้ มาให้พวกเราลองธนูกันเถอะ ในมือพวกเรามีลูกศรหยุดปราณอยู่”