Muyoku no Seijo wa Okane ni Tokimeku นักบุญคนนี้หิวเงินจังเว้ย - ตอนที่ 1 ลีโอ กลายเป็น ลีน่า
- Home
- Muyoku no Seijo wa Okane ni Tokimeku นักบุญคนนี้หิวเงินจังเว้ย
- ตอนที่ 1 ลีโอ กลายเป็น ลีน่า
วันนี้ลีโอรู้สึกโชคดีมาตั้งแต่เช้าแล้ว
โยนงานให้เด็กใหม่ของสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเอาไปทำได้สำเร็จ จิ๊กไข่จากฟาร์มมาได้ฟองนึง ตอนที่ส่งหนังสือพิมพ์อยู่ ดูเหมือนว่าลุงขายเกาลัดแกอารมณ์ดีเพราะอะไรไม่รู้ แต่ก็ได้เกาลัดมาถุงนึงฟรีๆ ตอนไปร้านขนมปังก็ได้ของตัวอย่างสำหรับเมนูใหม่มาชิม ป้าร้านขนมปังวันนี้ก็สวยเหมือนเดิมเลยด้วย
เจ้าของสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ฮันน่า ชอบพูดอยู่บ่อยๆว่า “ถ้าเอาแต่ทำตัวเหลาะแหละล่ะก็ สักวันกรรมจะตามทัน” แต่ในวันนี้ลีโอเหลิงจัดจนลืมเรื่องพวกนั้นไปหมดแล้ว
‘วันนี้มันโชคดีจริงๆ ถ้าเป็นอย่างนี้คงจะได้อิ่มไปทั้งวันโดยที่ไม่ต้องจ่ายสักแดงเดียว’
ในโลกใบนี้ สิ่งที่ลีโอรักที่สุดเลยก็คือ เงิน
เขาจับเครื่องรางเหรียญทองที่ห้อยอยู่บนคอมาจูบ และตบพุงอย่างพึงพอใจ ทีนี้ก็เดินกวาดตาดูว่ามีใครทำอะไรหล่นไว้บ้างรึเปล่า
ทันใดนั้นเอง เขาก็สังเกตเห็นถึงอะไรบางอย่างตรงเครื่องโม่แป้งหลังร้านขนมปัง
“โอ๊ะ…?”
ใครมาเขียนเล่นอะไรหลังเครื่องโม่แป้งเนี่ย?
เด็กผู้หญิงผมสีดำนั่งยองๆเอากิ่งไม้วาดเป็นสัญลักษณ์อะไรสักอย่าง เธอเป็นคนสวยในระดับที่หาได้ยากก็จริงอยู่ แต่ลีโอไม่ค่อยจะสนเรื่องนั้นอยู่แล้ว
“เฮ้ยเฮ้ยเฮ้ยเฮ้ย…!”
หินบนหลังคาฟางเหนือหัวเธอมันดูจะหล่นแหล่มิหล่นแหล่อยู่แล้ว ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ มันได้ตกลงมาใส่หัวเธอแน่
ลีโอก็ไม่ใช่คนที่ไร้เมตตาเสียทีเดียว ก็แค่ว่าเขารักเงิน เงิน และเงินมากเกินไปหน่อนก็เท่านั้น มีคำกล่าวกันว่า “ถ้าลีโอเดินผ่านที่ไหนล่ะก็ ถนนเส้นนั้นก็จะไม่มีเหรียญทองแดงตกอยู่แม้แต่เหรียญเดียว”
โดยปกติแล้วลีโอมักจะช่วยเหลือผู้อื่นโดยหวังสิ่งตอบแทนเสมอ ทุกการกระทำของเขาจะผ่านการคำนวณอย่างถี่ถ้วน
แต่ไม่ใช่ในครั้งนี้ ที่ร่างกายของลีโอขยับไปเองตามสัญชาตญาณ
“ระวัง!”
เด็กผู้หญิงคนนั้นหันกลับมาอย่างกะทันหัน เส้นผมสีดำยาวของเธอปลิวไสวไปตามสายลม ภาพตรงหน้าของลีโอผ่านไปอย่างเชื่องช้า
เสียงจากรองเท้าของเขาที่เสียดสีกับพื้น สัมผัสของเนื้อผ้า เงาที่เกิดขึ้นจากหินเหนือศีรษะ และภาพวิวของท้องฟ้าในฤดูใบไม้ร่วง
ผสมเข้ากับเสียงร้องของเด็กผู้หญิง สติของลีโอค่อยๆเลือนหายไป
….
“…นี่มัน…เป็นอย่างนี้นี่เอง…หืม”
“…นี่ก็คือ…ผลลัพท์ของสิ่งนั้น”
เสียงกระทบผ่านหู
“แปลกจังนะ…ก็ที่อ่านมา…หรือว่ามันหมายถึงอย่างนี้?”
เสียงนั้นเป็นเสียงของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เป็นเสียงที่กระจ่างชัดเจน ผสมกับความขี้โม้หน่อยๆ เป็นเสียงที่เหมือนกับตัวเขาตอนที่กำลังเชิญชวนคนให้มาเข้าร่วมทำกิจกรรมของโบสถ์
“…โอ๊ะ! เป็นความรู้สึกที่แปลกจังเลยแฮะ!”
แปลกจัง นี่มันเสียงของเขาเองไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมถึงได้ยินมาจากทางอื่นล่ะ?
“อุก…”
ลีโอลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับส่งเสียงในลำคอ
หัวของเขารู้สึกเหมือนถูกผ่าออก ยังไม่สามารถตั้งสติได้อย่างเต็มที่
กระพริบตาไปมาเมื่อปรับตัวให้เข้ากับความรู้สึกนั้น ภาพรอบก็ค่อยๆชัดขึ้นเรื่อยๆ
ในห้องที่มีแสงสลัว สิ่งแรกที่เขาเห็นเลยก็คือหนังสือ หนังสือ และกองหนังสืออีก หนังสือของจริงที่ทำจากกระดาษนั้นเป็นสิ่งที่หาได้ยากในหมู่ชนชั้นล่าง หนังสือพวกนั้นถูกวางกองสูงขึ้นไปเป็นภูเขา ในหมู่หนังสือพวกนั้นมีเสื้อผ้าที่วางกองไว้อย่างไม่เป็นระเบียบ ตะเกียง ขนมปังที่กินเหลือไว้ครึ่งหนึ่ง และถังขยะ
เขาสังเกตเห็นได้ว่าแสงในห้องนี้มาจากช่องว่างของเพดาน นั่นทำให้เขารู้สึกตัวได้ว่านี่คงจะเป็นกระท่อมสักที่
เขาได้ยินเสียงของกังหันน้ำดังมาจากด้านนอกในขณะที่กำลังโม่แป้งอยู่ เปลือกข้าวสาลีที่ลอยล่องไปทั่วกระทบกับแสงของพระอาทิตย์ยามเย็น เป็นภาพที่สวยงามน่าดูชม
“…เดี๋ยวดิ ยามเย็นเหรอ?”
0ำได้ว่าตัวเองมีสิ่งที่ต้องทำอยู่ เขาลุกพรวดขึ้นในทีเดียว แต่ก็โดนอาการปวดหัวเข้าเล่นงานทำให้ล้มลงบนเตียงอีกครั้ง เขาใช้มือกุมหัวและส่งเสียงร้องออกมา
“อ๊ะ ตื่นแล้วเหรอคะ?”
เมื่อมองไปตามเสียงนั้น ลีโอก็ตกตะลึง ผมสีน้ำตาล ดวงตาสีน้ำตาลแดง กระเล็กน้อย ใบหน้าดูท่าทางเจ้าเล่ห์—ภาพที่เขาเห็นอยู่ทุกเช้า ใบหน้าของตัวเขาเอง
“เฮ้ย-!?”
ยกมือขึ้นด้วยความตกใจ เขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง เมื่อเหลือบตาดู ก็พบว่าเป็นเส้นผมสีดำยาวพาดมาถึงบ่าของเขา จากบนหัวของตัวเขาเอง
“เฮ้ยยยยยย!?”
เมื่อได้ยินเสียงดังแบบนั้น เด็กหนุ่มที่มีใบหน้าเดียวกับลีโอก็พูดด้วยท่าทางรำคาญ
“นี่คุณช่วยตกใจแบบเบาๆหน่อยได้มั้ยคะเนี่ย”
“เฮ้ย นี่มันอะไรน่ะ? ฮะ ได้ไง? ทำไมถึงมีตัวชั้นสองคนล่ะ? แล้วผมนี่มันอะไรกัน แถมยังเสียงนี้อีก!?”
เขาเอามือคลำใบหน้าของตัวเอง ชัดแล้ว นี่ไม่ใช่ร่างกายของตัวเขา และเสียงที่ดังออกมาจากปากเขาจนถึงเมื่อครู่เองก็เป็นเสียงของเด็กผู้หญิงที่เขาไม่รู้จัก
‘เป็นไปไม่ได้’
ลางสังหรณ์ของเขากำลังทำงานอย่างเต็มพิกัด
‘ไม่ไม่ ไม่น่า ไม่ไม่ เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้หรอก’
เขาเอามือกุมหัว พยายามที่จะปฏิเสธความเป็นจริงตรงหน้าแบบสุดขีด–
“โอ๊ย พอได้แล้วค่ะ นี่”
ดูเหมือนจะรำคาญกับลีโอเต็มทน เด็กหนุ่มที่มีใบหน้าของเขาก็ยื่นกระจกฝุ่นหนาเตอะมาให้ ถึงจะดูไม่เป็นอย่างนั้น แต่จริงๆแล้วลีโอเป็นคนที่เนี้ยบพอสมควรและจะไม่ปล่อยให้ของใช้ของตัวเองสภาพแย่แบบนี้เป็นอันขาด เมื่อเขามองเข้าไปในกระจก สิ่งที่สะท้อนอยู่นั้น ก็คือใบหน้าตกใจของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
ผิวขาวกระจ่างใสดั่งหยก ดวงตากลมโต ผมที่ยุ่งนั้นส่องประกายเป็นเงางาม
ไม่ผิดแน่ นี่คือเด็กที่ลีโอช่วยไว้ก่อนหน้านี้
“ได้ยังไง…?”
“ถ้าจะพูดตรงๆล่ะก็ ตัวฉันกับคุณดูเหมือนจะสลับร่างกันน่ะค่ะ”
“ทำไม…”
“ถึงจะช้าไปซักหน่อย ฉันชื่อลีน่าค่ะ เป็นลูกสาวของร้านขายขนมปังน่ะ ตัวฉันคยเห็นหน้าคุณมาก่อน ชื่อลีโอใช่มั้ย? จากบ้านเด็กกำพร้าฮันน่าสินะคะ”
“ก็นะ ถึงตอนนี้หน้าของคุณจะกลายเป็นหน้าของฉันไปแล้วก็เถอะนะคะ”
ลีน่าในร่างของลีโอส่งเสียงกัวเราะออกมาเล็กน้อย
…เห็นตัวเองทำอะไรแบบนั้นแล้ว ลีโอถึงกับตัวสั่น
เขายังไม่สามารถประมวลผลสถานการณ์ในตอนนี้ได้เลย จนลีน่าต้องดึงสติเขากลับมา
“เพราะว่าคุณเอาแต่หลับไม่รู้เรื่องนั่นแหละค่ะ เวลาเลยไม่ค่อยจะมีแล้ว เอาเป็นว่าจะอธิบายให้คุณฟังแล้วกัน ตั้งใจฟังดีๆนะคะ”
เธอชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว
“คุณอาจจะคาดไม่ถึงก็ได้นะ แต่ว่าตัวฉันน่ะมีพลังเวทย์สูงมากเลย และเพราะว่าเป็นสายนักวิชาการ ทำให้สามารถใช้เวทมนตร์ได้หลากหลายรูปแบบเลยล่ะค่ะ ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงมีพลังเวทย์เยอะ ก็เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังนะคะ”
เธอพูดอะไรที่ไม่น่าเชื่อออกมา
ประเทศแห่งนี้นั้นนับถือในภูติ ภูติเป็นตัวตนที่ศักดิ์สิทธิ์และโบราณ พวกเขาอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ในรูปแบบของธาตุต่างๆเช่นแสง ไฟ น้ำ หรือลม
ยิ่งเวลาผ่านไป คนที่สามารถมองเห็นภูติเหล่านั้นได้ก็ลดลงไปเป็นอย่างมาก ในปัจจุบันนี้ คนที่สามารถมองเห็นภูติได้มีเพียงนักบวชระดับสูงของโบสถ์เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ส่วนคนปกติก็จำเป็นต้องใช้นักบวชเป็นสื่อกลางในการขอพรจากภูติ
สิ่งที่เรียกว่า พลังเวทย์ ที่ลีน่ามีเนี่ย ภูติน่ะไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนั้นหรอก แต่ได้ยินมาว่าคนที่มีพลังเวทย์น่ะมีแต่พวกชนชั้นสูงและเชื้อพระวงศ์เท่านั้น
ประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิไวส์นั้นมีมาอย่างยาวนาน ว่ากันว่าเหล่าเชื้อพระวงศ์ของจักรวรรดินี้สืบเชื้อสายมาจากมังกร และสายเลือดของมังกรนั้นเองที่ทำให้พวกเขามีพลังเวทย์
ต่างจากพลังธรรมชาติของเหล่าภูติ เวทมนตร์นั้นเป็นพลังของมังกร จักรพรรดิของไวส์หลายพระองค์ในอดีตล้วนเป็นจอมเวทย์ที่เก่งกาจ บางคนสามารถควบคุมเปลวเพลิงได้ บางคนสามารถควบคุมจิตใจได้ บางคนสามารถเคลื่อนย้ายจากฟากฟนึ่งของทวีปไปยังอีกฟากได้ในชั่วพริบตา นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้จักรวรรดิไวส์สามารถคงสถานะมหาอำนาจในทวีปนี้ไว้ได้มาเป็นเวลานาน
สำหรับคนที่ไม่มีสายเลือดมังกรอย่างลีโอ หรือที่ถูกเรียกว่า สามัญชน ซึ่งเป็นจำนวนกว่า 9 ใน 10 ของประชากรทั้งหมดแล้ว นี่เป็นเรื่องไกลตัวที่ไม่ได้สำคัญอะไรเลย
ลีน่าที่เป็นแค่ลูกสาวร้านขนมปังมาบอกว่าตัวเองมีพลังเวทย์อยู่สูงนี่จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลยสักนิด ลีน่าจึงทำเพียงยักไหล่ และจับมือของลีโอขึ้นมาพร้อมพูดว่า “ไฟเอ๋ย จงมา” ในตอนนั้นเอง ลูกไฟขนาดเล็กก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของลีโอ
‘ดูเหมือนว่าร่างกายนี้จะมีพลังเวทย์อยู่จริงๆด้วย’
ลีโออดที่จะร้อง “ว้าว…!” ออกมาไม่ได้ แต่ก็โดนลีน่าตัดบท เธอชูนิ้วที่สองขึ้นมา
“ข้อที่สอง มันมีสถานการณ์บางอย่างที่ทำให้ฉันอยากจะหนีออกจากร่างกายอันแสนงดงามเหนือล้ำนั้น เพราะแบบนั้นจึงเรียนเวทย์สลับร่างเพื่อจะเอามาใช้สลับกับอะไรบางอย่างน่ะค่ะ”
ตาขวาของลีโอเริ่มกระตุก เริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีแล้ว
“ในตอนนั้นเอง ลีโอจากบ้านเด็กกำพร้าก็พุ่งเข้ามาใส่พร้อมตะโกนอะไรสักอย่างน่ะ บังเอิญดีใช่มั้ยล่ะคะ”
ลีโอคนนั้นเองพอได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้ามุ่ย
“พอพวกเราชนกันเข้าในระหว่างพิธี ร่างของพวกเราก็เลยสลับกันน่ะ…ก็ตามนั้นล่ะค่ะ”
ลีโอตกตะลึงไปเลย
แค่นี้เขาก็ยากจะทำใจกับสถานการณ์นี้ได้อยู่แล้ว ยังมาโดนบอกเรื่องพรรค์นี้อีก
แต่พอมองไปในกระจก ก็อดที่จะคิดไม่ได้ว่าที่ลีน่าพูดนั้นเป็นความจริง และนั่นก็หมายความว่าความดีที่เขานานๆทีจะอุตส่าห์ทำนั้นก็ไร้ความหมายสิ้นดี
“อา ใช่แล้ว และที่ฉันจะสลับร่างด้วยตอนแรกก็คือเจ้าตั๊กแตนตัวนี้น่ะนะคะ”
ลีน่านำร่างของตั๊กแตนที่ถูกทุบจนแบนออกมาให้ดู
“อุก!”
ถึงแม้เขาจะไม่ใช่พวกกลัวแมลง แต่ร่างศพแบบนี้มันคนละเรื่องกัน แต่ลีน่าก็ไม่สนใจ แกว่งศพตั๊กแตนตัวนั้นด้วยนิ้วเดียว
“ก็นึกว่าจะได้บินอย่างอิสระในท้องฟ้าฤดูใบไม้ร่วงแล้วเชียวนะคะเนี่ย แต่เอาเถอะ”
เขาไม่รู้จะพูดอะไรตอบดี แต่ที่เขารู้ก็คือ คนที่ชอบแมลงน่ะมีแต่พวกแปลกที่เอาแต่เก็บตัวในห้องทั้งนั้นล่ะ
“…ก็นะ แบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกันค่ะ ใช้ชีวิตกับพวกเด็กๆก็ใช่ว่าจะแย่อะไรมากด้วย”
“…”
เห็นมั้ย แปลกจริงๆด้วย
พอลองคิดดู ถ้าลีน่าสลับร่างกับตั๊กแตนได้สำเร็จนี่ ก็จะได้เด็กผู้หญิงน่ารักคนนึงที่กระโดดเหยงๆไปมาเนี่ยนะ น่าขนลุกว่ะ
“เอาเถอะ ก็พอเข้าใจสถานการณ์แล้วล่ะ”
ลีโอส่ายหัว อยากรู้มันก็อยากรู้แหละ แต่ตอนนี้ปัญหาตรงหน้าต้องมาก่อน
“ก็เอาเป็นว่าคืนร่างชั้นมาแล้วไปหาตั๊กแตนตัวอื่นสิงซะ”
“ต่อไปอะไรนะคะ เรื่องที่ว่าทำไมชั้นถึงมีพลังเวทย์สูงใช่มั้ยล่ะ?”
“ไม่ได้ถามเลย-“
ก่อนที่เขาจะได้แย้งอะไร ก็โดนลีน่าตัดบทอีกครั้ง
“เพราะว่าตัวฉันเป็นผู้สืบสายเลือดของตระกูลมาร์ควิสฮาเคนเบิร์กอย่างไรล่ะคะ”
ความเงียบงันเข้าครอบงำ
“–อะไรนะ?”
ลีน่ายิ้มกว้างเมื่อเห็นสีหน้าของลีโอ
“ตัวฉันเป็นลูกสาวของเหยื่อในเหตุการณ์ ภัยพิบัติแห่งฟลอร่า ที่สั่นสะเทือนทั้งจักรวรรดิ บุตรสาวของคลอเดีย วอน ฮาเคนเบิร์กคนนั้นค่ะ”
“เฮ้ยยยยยยย!”
ที่ลีโอตะโกนออกมานั้นมีเหตุผลอยู่
ภัยพิบัติแห่งฟลอร่า
เป็นเหตุการณ์ครั้งใหญ่ที่ไม่มีใครในจักรวรรดินี้ไม่รู้จัก
มันเริ่มขึ้นเมื่อสิบสามปีก่อน จักรวรรดิไวส์ตั้งเป้าหมายที่จะฟูมฟักบุคลาการที่มีคุณภาพ และอณุญาติให้สามัญชนสามารถเข้าเรียนในสถาบันเดียวกับขุนนางได้ แต่นั่นก็เป็นต้นตอของเรื่องทั้งหมด
เด็กสาวที่ชื่อว่าฟลอร่า ชื่อของเธอนั้นมีความหมายว่าดอกไม้ และเช่นเดียวกัน ว่ากันว่าเธอเป็นเด็กสาวที่น่าเอ็นดูราวกับดอกไม้
เธอคนนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงสามัญชน กลับมีพลังเวทย์อยู่มหาศาล
ถึงแม้เธอจะไร้ซึ่งเลือดมังกรของราชวงศ์ เธอกลับมีพลังเวทย์สูงถึงขนาดที่สามารถทำลายเครื่องวัดพลังเวทย์ของทางโรงเรียนได้ และตั้งแต่นั้นมา เธอก็แสดงให้เห็นถึงพลังเวทย์ที่สูงส่งเหนือล้ำยิ่งกว่าลูกขุนนางคนใด
ถ้ามันเป็นเรื่องแค่นั้น ก็คงจะคิดได้เพียงว่าเธอเป็นตัวเอกของเรื่องราว
ปัญหามันมาจากการกระทำของตัวเธอเองและคนรอบๆเธอ
ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นเพียงสามัญชนธรรมดา เธอกลับเป็นที่จับตาของเจ้าชายลำดับที่หนึ่งในช่วงเวลานั้น บุตรชายของรัฐมนตรี บุตรของผู้นำกองอัศวิน และกระทั่งเจ้าชายจากประเทศเพื่อนบ้าน แต่ละคนล้วนเป็นผู้มีอำนาจลำดับสูงภายในสถาบัน
เหยื่อของเหตุการณ์นั้นคือคลอเดีย วอน ฮาเคนเบิร์ก บุตรสาวของตระกูลมาร์ควิสผู้เป็นคู่หมั้นขององค์ชายลำดับที่หนึ่ง ซึ่งถูกถอนหมั้นจากทางองค์ชายอยู่เพียงฝ่ายเดียว ในช่วงเวลานั้นเธอถูกเรียกว่าเป็นดอกไม้งามแห่งสถาบัน คลอเดียเองก็ไม่ยอมอยู่เฉย พยายามที่จะโน้มน้าวให้องค์ชายยกเลิกการถอนหมั้ย แต่นอกจากนั่นจะไม่เป็นผลแล้ว เธอกลับถูกสั่งเนรเทศออกจากจักรวรรดิ
กว่าครอบครัวของคลอเดียจะทราบถึงข่าวนี้ เธอก็ถูกโยนออกนอกรั้วของสถาบันโดยที่ไม่มีสิ่งของใดติดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คลอเดียที่ร่อนเร่อยู่กลางถนนในเวลาค่ำคือก็ถูกกลุ่มโจรรุมข่มขืน และตั้งท้องในเวลาต่อมา ทำให้เธอไม่สามารถกลับไปยังตระกูลได้อีก เธอจึงอาศัยความช่วยเหลือจากคนรับใช้ที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กและหายตัวไปเพื่อคลอดและเลี้ยงดูลูกสาวของเธอ
ทางตระกูลมาร์ควิสที่โกรธจัดสั่งให้มีการตรวจสอบสถาบันโดยเร็ว และพบว่าจริงๆแล้วเจ้าชายลำดับที่หนึ่งและบุคลากรในสถาบันจำนวนมากล้วนตกอยู่ภายใต้เวทมนตร์สะกดใจของฟลอร่า—ตัวฟลอร่าเองจริงๆแล้วถึงจะมีพลังเวทย์อยู่ แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรมาก—แต่เธอใช้เวทย์สะกดใจกับผู้คุมสอบเพื่อปั้นเรื่องขึ้นมา เป้าหมายของเธอคือการเป็นชายาของจักรพรรดิองค์ถัดไป
เมื่อเรื่องทั้งหมดถูกเปิดเผยออกมา ทางจักรวรรดิก็สั่งให้มีการค้นหาตัวคลอเดีย วอน ฮาเคนเบิร์ก แต่ก็ไม่เคยพบตัวเธอ ข่าวสารเดียวที่ได้มาก็คือว่าเธอเสียชีวิตในระหว่างการคลอดลูกสาวของตน
ตั้งแต่นั้นมา จึงมีข้อห้ามไม่ให้ใครตั้งชื่อเด็กที่ก็ในอาณาจักรว่า ฟลอร่า อีก ขนาดลีโอที่มาจากบ้านเด็กกำพร้ายังรู้เลยว่านั่นเป็นเรื่องใหญ่แค่ไหน
“…ไม่ ไม่ ไม่ ทำไมลูกสาวของคลอเดีย วอน ฮาเคนเบิร์ก ที่กระทั่งกองทัพยังไม่เคยหาตัวเจอถึงได้มาอาศัยอยู่ใจกลางเมืองหลวงแบบนี้ล่ะ!?”
ที่นี่มันริคาร์ด เมืองหลวงของจักรวรรดินะ แต่ลีน่าก็แค่ยักไหล่ตอบไปแบบง่ายๆ
“ท่านแม่น่ะเป็นอัจฉริยะด้านการซ่อนหาเชียวนะคะ หลบอยู่ในเมืองหลวงนี้มาได้ตั้งสิบสามปี ระดับปรมาจารย์ชัดๆเลยค่ะ”
“เดี๋ยวนะ แปลว่าเธอยังมีชีวิตอยู่เหรอ?”
“ก็เจอกันทุกวันไม่ใช่เหรอคะ? เจ้าของร้านขนมปังคนนั้นอย่างไรล่ะคะ ท่านแม่”
“คุณป้าร้านขนมปังอ่ะนะ!?”
ลีโอก็นึกว่าเธอโดนร้านขนมปังรับมาเลี้ยงซะอีก
“ขนมปังอบสดใหม่จากเพลิงสีขาวที่ปราบได้แม้กระทั่งมังกร นั่นน่ะเป็นสโลแกนของร้าน เดียเดียเบเกอรี่ ของเราเชียวนะคะ”
“ไม่เห็นเคยได้ยินเลย สโลแกนพรรค์นั้นน่ะ! แล้วทำไมถึงเอาไฟแบบนั้นมาอบขนมปังล่ะเฮ้ย!”
“เรื่องที่โดนกลุ่มโจรรุมนี่ก็เป็นแค่ข่าวลวงนะคะ ท่านพ่อที่เคยเป็นคนรับใช้มาก่อนน่ะ ตอนนี้ก็ยังจู๋จี๋อยู่กับท่านแม่ทุกวันเลย แถมเกาลัดยังขายได้ดีอีก”
“ลุงขายเกาลัดคนนั้นอ่ะนะ!?”
เรื่องราวโศกนาฏกรรมของภัยพิบัติแห่งฟลอร่าในหัวลีโอนี่รวนไปหมดแล้ว
“ก็เอาเป็นว่าพอกับเรื่องน่าเบื่อไปก่อนแล้วกัน มาต่อกันดีกว่าค่ะ”
“ไอ้เรื่องเมื่อกี๊มันมีทุกอย่างยกเว้นความน่าเบื่อเลยนา”
เสียงของลีน่าจู่ๆก็ต่ำลง
“ครอบครัวของพวกเราน่ะเป็นครอบครัวที่ขนาดเล็ก ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย และมีความสุข แต่คำสาปแห่งเลือดมังกรกำลังจะพรากพวกเราออกจากกัน”
ดวงตาสีน้ำตาลแดงนั้นแสดงความเศร้าโศกออกมาในแบบที่เจ้าของร่างอย่างลีโอไม่เคยทำมาก่อน
“รู้ไหมคะว่าทำไมคนถึงมารวมตัวกันที่สถาบันหลวงแห่งจักรวรรดิไวส์น่ะ? ทั้งๆที่โรงเรียนอื่นก็มีอยู่แท้ๆ เหตุผลก็คือคำสาปแห่งมังกรที่ผูกอยู่กับสายเลือดราชวงศ์ยังไงล่ะ”
“คำสาปมังกร…?”
“ใช่แล้วค่ะ”
ลีน่ากำหมัดแน่น เธอละสายตาไปที่อื่น ราวกับกำลังจ้องหาศัตรู
“ผู้ที่ครอบครองสายเลือดแห่งมังกรน่ะล้วนเป็นผู้ที่มีพลังเวทมนตร์ ไม่ว่าใครก็ตาม เมื่ออายุครบสิบสองปี เขาหรือเธอคนนั้นก็จะถูกพิธีกรรมที่ทางสถาบันจัดในวันก่อนเปิดภาคเรียนอัญเชิญให้ไปโผล่ที่นั่น ไม่ว่าจะสมยอมหรือไม่ก็ตาม”
“อัญเชิญ…”
“ใช่แล้ว ปีนี้น่ะฉันอายุได้สิบสองปีแล้ว ไม่ว่าจะทำอย่างไร ก็ไม่สามารถซ่อนสายเลือดมังกรในร่างนี้ได้ ถ้าเรื่องสายเลือดขุนนางนี้ถูกเปิดเผยออกไปล่ะก็ ชีวิตในเมืองชนชั้นล่างของฉันก็จะจบลง”
“แล้วไงอ่ะ อย่าบอกนะว่าเธอชอบชีวิตยาจกในเมืองแบบนี้น่ะ?”
“ถ้าเรื่องสายเลือดขุนนางนี้ถูกเปิดเผยออกไปล่ะก็ ชีวิตในเมืองชนชั้นล่างของฉันก็จะจบลง”
ลีน่าพูดย้ำอีกครั้งเพื่อเน้นความสำคัญ
“ก็…โชคร้ายหน่อยนะ ก็น่าจะโดนอัญเชิญไปครั้งเดียวป่ะ แค่ไปอธิบายให้พวกเค้าฟังแล้วก็กลับมาก็พอนี่”
ลีน่าดูเหมือนจะตะลึงกับคำพูดนั้นมาก เธอเดินเข้ามาใกล้และวางมือลงบนแก้มของร่างกายเธอเอง
“นี่คุณโง่รึเปล่าคะเนี่ย?”
มือของเด็กผู้ชายลูบคลำแก้มของเด็กผู้หญิงเบาๆ
“ไม่ว่าจะนอนดึกแค่ไหน ดวงตาสีม่วงของฮาเคนเบิร์กนี้ก็จะยังคงกระจ่างใสไม่ขุ่นมัว ไม่ว่าจะกินของที่ไม่ดีต่อสุขภาพแค่ไหน รูปร่างและผิวพรรณของร่างกายก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะตัดไปกี่ครั้ง ผมสีดำยาวสลวยนี้ก็จะงอกกลับคืนมาเหมือนเดิมในเวลาไม่นาน คิดเหรอว่าคนพวกนั้นจะยอมปล่อยเด็กสาวที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ไปน่ะคะ?”
“…..”
จะว่าขี้โม้ก็ขี้โม้อยู่ แต่ถ้ามองอย่างเป็นกลางแล้ว เธอก็เป็นคนที่สวยจริงๆนั่นแหละ
“ไม่เชื่อใช่มั้ยล่ะคะ? ลองเอาร่างกายนี้ไปเดินเตร็ดเตร่ตอนกลางคืนดูสิ ไม่ใช่แค่จะตกเป็นเป้าหมายของพวกป่าเถื่อนเท่านั้น ขนาดสุนัขยังคิดจะเข้าคร่อม หรือพวกหนูก็ยังตื่นเต้นจนวิ่งเป็นวงกลมเลย ตั้งแต่ที่ฉันเกิดมานะ ก็ต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ทุกๆวันในจินตนาการ ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่แต่ในห้อง กินข้าวครบสามมื้อบ้างหรือขาดบ้าง”
“สนุกกับชีวิตนีทน่าดูเลยนะเธอ”
ลีน่าถอนหายใจ
“ของอย่างโรงเรียนน่ะ ก็เป็นแค่ศูนย์รวมผู้ชายหื่นกระหายที่วันๆเอาแต่คิดเรื่องสกปรกเท่านั้นล่ะค่ะ! ถ้าต้องไปอยู่ในที่แบบนั้น จะออกมาได้อย่างปลอดภัยรึเปล่าก็ไม่รู้? ถ้าจะต้องไปอยู่ในที่ที่เหมือนกับคุกแบบนั้นล่ะก็ ฉันขอใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ ต้นไม้ และตั๊กแตนดีกว่าค่ะ”
ถึงแม้ลีโอจะไม่เข้าใจปัญหาของคนสวย แต่ก็รู้สึกได้ว่าเธอเอาจริง จึงได้แต่พยักหน้าเออออไป
“อืม ก็ลำบากน่าดูเลยนะ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาของชั้นนี่นา จะคืนร่างชั้นมาได้ยังอ่ะ?”
“…”
ลีน่าในร่างเด็กผู้ชายยิ้มตอบ
“คุณเชื่อในเรื่องโชคชะตาไหมคะ?”
“…เฮ้ย”
“การที่ร่างกายของเราสลับกันได้โดยบังเอิญเช่นนี้ จะต้องเป็นพรหมลิขิตอย่างแน่นอนค่ะ เพราะเช่นนั้น คุณก็ไปใช้ชีวิตในโรงเรียนให้สนุกซะเถอะนะ ส่วนฉันจะใช้ชีวิตในบ้านเด็กกำพร้าให้เอง”
“เฮ้ย”
“อย่าห่วงไปค่ะ! คนที่เรียนจบจากสถาบันนี้มาได้นี่คือการันตีความสำเร็จด้านการงานในจักรวรรดิเชียวนะ เร็วเข้า ชีวิตสุขสันต์ในรั้วสถาบันกำลังรอคุณอยู่”
“เพื่อบอกไปว่ามันเหมือนคุกไม่ใช่เรอะ?”
“ไม่ต้องห่วงเลย ถึงฉันจะไม่มั่นใจในด้านพละกำลังก็เถอะ แต่ก็มั่นใจในมันสมองพอสมควรเลยนะคะ ฉันจะไม่ใช่แค่ตัวแทนของคุณ แต่จะเป็นผู้ที่นำบ้านเด็กกำพร้าฮันน่าไปสู่ยุคใหม่ที่ดียิ่งกว่า เพราะอย่างนั้นก็หลับให้สบายเถอะค่ะ”
“ยังไม่ตายเว้ย!”
ลีโอยืนขึ้นและเขย่าตัวลีน่าที่หลบสายตา
ลางสังหณ์แย่ๆมักจะเกิดขึ้นจริง
“ไม่อยากจะคิดเลย…คงจะไม่บอกว่า…เราสลับคืนไม่ได้ ใช่มั้ย?”
“…บอกไม่ได้เหรอคะ?”
“ไม่เอาอย่างนี้ดิเฮ้ยย!”
ลีน่าหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าของลีโอ
“ฉันเพิ่งจะใช้พลังเวทย์แบบทีเดียวหมดเลย ก็คงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะฟื้นฟูกลับมาได้น่ะค่ะ”
“…สักพักนี่คือนานแค่ไหน”
ลีโอส่งสายตาทิ่มแทงเข้าใส่ลีน่าที่เอียงคอคิด
“ถ้าคร่าวๆ ก็น่าจะสักสัปดาห์นึง ไปจนถึง…”
“…จนถึง?”
“…ปีนึง?”
“ก็คร่าวเกินไปเฟ้ย!”
ลีโอตะโกนใส่ลีน่าที่ยักไหล่เหมือนจะพูดว่า”ก็มันช่วยไม่ได้อ่ะ”
“ถ้าจะพูดจริงๆแล้ว นี่เป็นความผิดของคุณไม่ใช่หรือคะ?”
พอได้ยินอย่างนั้น ลีโอก็สงบลงหน่อยนึง แต่ก็ยังขจัดความรู้สึกแย่ๆออกไปไม่ได้
‘อุตส่าห์พยายามจะช่วยเหลือผู้อื่นนานๆทีแท้ๆ ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย”
“เวรเอ๊ย…อย่ามาล้อกันเล่นนะ มาสร้างปัญหาให้คนอื่นแบบนี้…ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่ว่าอะไรสินะถ้าชั้นจะแก้ผ้าออกไปเดินโทงๆกลางถนนน่ะ”
“หา!? ทำแบบนั้นไม่ได้นะคะ! แล้ววิธีพูดนั่นมันอะไรกันน่ะ นี่คุณมาจากบ้านเด็กกำพร้าฮันน่าจริงๆรึเปล่าคะเนี่ย?”
สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าฮันน่านั้นค่อนข้างจะมีชื่อเสียงที่ดีในเมืองหลวงพอสมควร เด็กจากที่นั่นทั้งมีมารยาทและความสามารถ สามารถออกหาเลี้ยงตัวเองได้
“กับคนอย่างเธอน่ะ ไม่สุภาพด้วยหรอกเฟ้ย ใช่แล้ว ไหนๆก็ถ้าจะแก้ผ้าแล้ว ก็เต้นคู่ไปด้วยเลยแล้วกัน เดี๋ยวจะได้เห็นสเต็ปเท้าไฟของชั้น”
“หยุดนะ!”
ลีน่าแทบจะเป็นลม มือของเธอสั่นใหญ่ ในตอนนั้นเอง เธอก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างในกระเป๋าเสื้อ เธอยืนขึ้นและเอามันออกมาให้ลีโอ
“เหรียญทองคาร์ลไฮส์ ไรมุนด์”
นี่คือชื่ออย่างเป็นทางการของเหรียญทองนี้ ซึ่งมีมูลค่าพอสมควร ในระดับที่สามัญชนต้องทำงานเป็นปีๆถึงจะหาเกินได้มากขนาดนั้น คงมีลีโอนี่แหละที่เก็บมันเอาไว้และไม่เคยใช้งาน
“มีอะไรกับคาร์ซามะเหรอ”
ลีโอเรียกเหรียญทองนี้ด้วยความศรัทธา เขารับเหรียญทองนั้นมาแล้วเอามาคล้องคอ ในระหว่างที่มองลีโอเช็ดเหรียญทองอย่างทะนุถนอม ลีน่าก็ยื่นข้อเสนอมาให้
“ไปที่สถาบันแทนฉันทีค่ะ จะแค่วันสองวันก็ได้ พอกลับมาแล้ว จะจ่ายให้อีกเหรียญทองค่ะ”
“โอเค รับทราบแล้ว”
ลีโอหยุดต่อต้านทันที ทำเอาลีน่าเหวอไปเหมือนกัน
“จะดีเหรอคะ…?”
“หา? ก็ถ้าจ่ายอ่ะนะ เพื่อความชัวร์ ต้องทำสัญญาว่าจ้างเอาไว้ด้วยล่ะ”
ลีโอส่งสายตาเฉียบคม พร้อมบอกว่า “ถ้าหากผิดสัญญาล่ะก็ จะต้องมีดอกเบี้ยเพิ่มหนึ่งในสิบส่วนทุกๆสิบวัน”
“รู้แล้วค่ะ รู้แล้ว! จ่ายแน่ค่ะ จ่ายแน่! ถึงจะดูไม่เป็นแบบนั้น แต่ธุรกิจของเดีย เดีย เบเกอรี่น่ะทำเงินระดับนั้นได้สบาย”
“ก็คือเงินพ่อแม่สินะ”
ลีน่าถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมตอบกลับอย่างไร้เรี่ยวแรง
“…ก็ใช่นะคะ”
ก่อนที่จะพยักหน้าเล็กๆ
“แต่ก็ช่วยไม่ได้นี่คะ”
‘ก็สงสารนิดหน่อยนะที่ต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ แต่ใช้เงินพ่อแม่ง่ายๆแบบนี้…เอาเถอะ ถือเป็นค่าทำขวัญแล้วกัน’
ลีโอยิ้มรับสถานการณ์
“…เอาเป็นว่า ต้องขอบอกก่อนเลยว่าอาศัยอยู่ในบ้านเด็กกำพร้านี่มันไม่ง่ายหรอกนะ ถึงจะเป็นผู้หญิงด้านในก็เถอะ แต่ถ้าเอาแต่ทำตัวอ่อนแอล่ะก็ แม้แต่ข้าวก็จะไม่มีให้กิน เงินก็จะหาไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับคนที่ไม่ชอบผู้ชายต้องมาอยู่ในร่างผู้ชายแล้วเนี่ย…คงจะลำบากน่าดู…”
ลีน่าจ้องลีโอที่บ่นงึมงำเหมือนไม่อยากให้ได้ยินช่วงท้าย
“ตกใจเลยนะเนี่ย…จริงๆแล้วคุณนี่เป็นคนดีสินะคะเนี่ย?”
“…ไม่ใช่ซักหน่อย”
“อย่าห่วงไปค่ะ ในระหว่างที่รอคุณตื่นอยู่นี่ ฉันก็ทำการสำรวจร่างกายของคุณแบบทุกซอกทุกมุมแล้ว”
“อย่ามาสำรวจร่างกายคนอื่นตามใจชอบสิ!”
“อุฮุฮุ”
“ไม่ต้องมาขำเลยไอ้เวร!”
ลีน่าดูจะชอบร่างใหม่ของเธอพอสมควร เพราะว่าทั้งแข็งแรงและว่องไวถูกใจเธอ
“ถ้ากังวลเกี่ยวกับไขมันส่วนเกินล่ะก็ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ มันคงไม่แย่ไปกว่านี้หรอก ตั้งแต่ที่มาเป็นผู้ชายนี่ก็รู้สึกเกลียดผู้ชายน้อยลงมากเลย จนอยากจำชูสองนิ้วทำท่า พีซ พีซ เลยนะคะเนี่ย”
“ไม่ได้กังวลเรื่องนั้นซะหน่อย แล้วก็ไม่ต้องมาพีซเลย!”
ลีน่าเอามืออุดหูเมื่อเห็นลีโอส่งเสียงดังอีกแล้ว
“คิดมาตั้งแต่เมื่อกี๊แล้วนะคะ ช่วยลดเสียงลงหน่อยไม่ได้เหรอคะ? เห็นอย่างนี้ก็เถอะ ตัวฉันน่ะถูกท่านแม่สั่งสอนเรื่องมารยาทมาตั้งแต่เด็ก แทบจะไม่เคยใช้คำหยาบเลยนะคะ”
“…ทำไงได้ล่ะ ยังไงข้างในก็ยังเป็นตัวชั้นนี่นา แล้วก็อย่าพูดแบบตุ้งติ้งในร่างชั้นได้มั้ยอ่ะ มันทำให้ตัวชั้นดูเหมือนตุ๊ดยังไงชอบกล”
ยังไงซะลีโอก็เป็นแค่เด็กจากบ้านเด็กกำพร้า จะให้เลียนแบบการพูดสุภาพของลีน่าที่ถูกสั่งสอนมาเป็นอย่างดีคงทำไม่ได้ในทันทีหรอก
“นั่นสินะคะ….นั่นสินะ ตัวฉัน ไม่สิ ควรจะเป็นตัวผม หรือว่าตัวชั้น?”
ลีน่าพยายามที่จะปรับตัวให้เข้ากับการพูดแบบหยาบกร้าน ดูเหมือนจะไปได้ดีเกินคาด ตัวลีโอเองก็ค่อนข้างจะเชี่ยวชาญในด้านภาษาอยู่ไม่น้อย เห็นลีน่าปรับตัวได้ง่ายๆแบบนี้ก็ออกจะน่าหงุดหงิดนิดหน่อย
“นี่ลีโอ ไม่สิ ลีน่า ช่วยพูดตามปกติให้ฟังทีสิ”
ลีโอพยายามที่จะทำตามลีน่าบ้าง
“กรุณาหยุดเล่นเสียทีได้ไหมคะ? ฉันไม่สามารถตั้งสมาธิได้แบบนี้”
“น่าขยะแขยงว่ะ”
ลีน่าเหมือนจะคิดอะไรได้บ้างอย่าง เธอจับมือของร่างตนเองขึ้นมา และนำไปทาบไว้บนคอของลีโอ ก่อนที่จะร่ายเวทย์
“ผนึกความหยาบกร้าน!”
พอเธอพูดจบ คอของลีโอก็ร้อนผ่าวราวกับกระดกน้ำเดือดลงไปทั้งอย่างนั้น
“ทำ…….!”
พยายามที่จะร้องอุทานออกมา แต่เพราะอะไรไม่รู้ ปากของเขากลับไม่ยอมเปิดออก
“…..!?……!?”
เขาเกือบจะตะโกนออกมาว่า “ทำบ้าอะไรน่ะ อีห่านี่!” แต่กลับไม่มีอะไรออกมา เขาหันหัวไปหาลีน่าที่ยิ้มกริ่มอย่างภูมิใจ
“กิริยาที่ไม่เหมาะสมกับความเป็นกุลสตรี รวมถึงการใช้คำหยาบโลน ถูกปิดผนึกเป็นที่เรียบร้อย ไม่ต้องขอบคุณก็ได้นะ”
“ทำไม…!”
ทุกครั้งที่เขาพยายามจะตะโกนด่าออกไป ลำคอของเขาก็รู้สึกร้อนผ่าว
“ถึงจะไม่ทำเช่นนี้ แค่ตัวชั้นไม่พูดอะไรออกมาก็น่าจะเพียงพอแล้วไม่ใช่หรือคะ?”
เขาพยายามรีดความสุภาพออกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้พร้อมจ้องไปที่ลีน่าด้วยความอาฆาตแค้น
‘หยามกันนี่หว่า!’
สำหรับคนชั้นล่างอย่างลีโอแล้ว การที่โดนบังคับให้พูดจาอย่างสุภาพแบบขุนนางนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่น่าขยะแขยงอย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับลูกผู้ชายแล้ว การจะให้พูดแบบนี้น่ะ รอไว้ตอนวันแต่งงานของลูกสาวตอนกล่าวอวยพรเท่านั้นล่ะ
“นายนี่ไม่ฉลาดเลยนะ”
ลีน่าพูดยั่วลีโอที่ไม่สามารถด่ากลับได้ เห็นเธอสามารถปรับตัวให้เข้ากับร่างกายใหม่ได้ง่ายๆแบบนี้ ทำให้ลีโอรู้สึกหงุดหงิดขึ้นไปอีก
“เอาจริงๆถึงนายจะพูดพยาบก็คงไม่น่าเป็นปัญหานักหรอก แต่ก็มีโอกาสที่คนพวกนั้นจะไม่เชื่อว่านายคือชั้น แต่ที่สำคัญก็คือ ด้วยความงดงามระดับที่เหมือนภูติแห่งแสงสว่างของร่างนั้นน่ะ การพูดหยาบโลนของนายมันไม่เข้ากับบรรรยากาศเลย”
“บรร!ยา!กาศ!”
นี่คือมากที่สุดเท่าที่ลีโอจะตบมุกกลับได้แล้ว
“ตั้งแต่แรกแล้ว คุณเป็นคนที่ลากตัวชั้นเข้ามาเกี่ยวด้วยไม่ใช่เรอ-ะไอ-เว- ทำไมถึงทำอย่างนี้กับชั้นได้ลงคอ…!”
ลีโอพยายามอย่างหนักที่จะไม่ระเบิดออกมาก
เวทมนตร์ของลีน่าจะปิดกั้นการพูดคำไม่สุภาพเท่านั้น ทำให้ประโยคที่พูดออกมาออกจะเพี้ยนๆ
“นั่นสินะ ตัวชั้นเองก็ต้องรับผิดชอบด้วยเหมือนกัน ท่าอย่างนั้นก็—ผนึกความสุภาพ!”
ลีน่าดึงมือของลีโอมาวางไว้บนคอและร่ายมนต์ แสงเปล่งออกมาให้เห็นเล็กน้อย
“เท่านี้ชั้นก็จะไม่สามารถพูดแบบสุภาพได้แล้ว เออ อีกอย่างนึง เมื่อกี๊คือเราใช้พลังเวทย์เฮือกสุดท้เายในร่างนั้นจนหมดแล้วนะ”
‘อย่าเอามาใช้กับเรื่องพรรค์นี้สิเฟ้ย!!!’
เขาตะโกนอยู่ภายใน แต่โชคร้ายที่ไม่มีอะไรออกมา
‘ไม่สิ พลังเวทย์มันอยู่ในร่างกายนี้นี่นา เพราะงั้นตัวชั้นเองก็น่าจะใช้เวทย์แก้มันได้’
ลีโอเอามือกุมคอและร่าย”ปลดปล่อย ปลดปล่อย ปลดปล่อย”ในใจหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีสัญญาณว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
“ก็บอกแล้วไงว่าพลังเวทย์หมดน่ะ แล้วก็ขอบอกไว้ก่อนนะ ว่าจินตนาการน่ะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้เวทมนตร์ พลังเวทย์น่ะก็เป็นเหมือนน้ำมัน ในขณะที่จินตนาการเป็นเหมือนไม้ขีด ถ้าไม่จุดไฟอย่างถูกวิธี ก็จะไม่สามารถจุดไฟได้…ถ้าจินตนาการในหัวนายไม่แข็งแรงพอล่ะก็ การจะปลดเวทย์นั้นออกด้วยตัวเองน่ะทำไม่ได้หรอก”
ถึงจะไม่รู้มาก แต่ก็พอจะเข้าใจได้ แต่ว่า…
‘เข้าใจล่ะ ถ้าแบบนี้ก็น่าจะได้…’
ดูเหมือนว่าการที่ลีน่าสามารถใช้บังคับให้ร่างกายของตัวเองใช้เวทมนตร์ได้ ก็เป็นเพราะว่าเธอมีคำร่ายที่เจาะจงอยู่ หากพูดคำร่ายนั้นก้จะสามารถทำให้ร่างกายนี้ใช้งานเวทมนตร์ได้เอง
‘เอาแต่ใจทั้งจิตทั้งร่างเลยวุ้ย!’
ลีโอได้แต่กัดฟันกรอด สาปแช่งสวรรค์ที่ทำให้เขาต้องมาเจออะไรแบบนี้ ในขณะเดียวกัน ลีน่าก็เริ่มเขียนหนังสือว่าจ้าง
“อืม ปี 1008 ตามปฏิทินไวส์ เดือนหนาว วันที่เก้า ลูกสาวของร้านเดีย เดีย เบเกอรี่ ลีน่า—ผู้ว่าจ้าง ลีโอจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าฮันน่า—ผู้ถูกจ้าง จะแลกเปลี่ยนการครอบครองร่างกาย ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว หนึ่ง…”
เอากระดาษออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ เขียนสัญญาว่าจ้างลงบนกระดาษอย่างบรรจง ลีโอสังเกตได้ว่าอุปกรณ์การเขียนของเธอล้วนเป็นของอย่างดี อย่างที่เธอบอกเลย ดูเหมือนว่า เดีย เดีย เบเกอรี่จะไม่มีปัญหาด้านการเงินสินะ
“…หยุดก่อนค่ะ….เอาเงื่อนไขที่เกี่ยวกับคาร์ซามะไว้เป็นข้อแรกเลยค่ะ”
ลีโออ่านอย่างถี่ถ้วนเพื่อให้แน่ใจว่าไปตกหล่นจุดไหนไป ค่าตอบแทนเป็นเหรียญทองนั้นเป็นเงื่อนไขสูงสุดที่ทำใ้ลีโอตกลงร่วมมือด้วย จึงควรจะเป็นจุดที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่ข้อตกลงว่าจะไม่ใช้ร่างกายของอีกฝ่ายอย่างไม่ระวังและทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส
“…ตกใจเลยนะคะเนี่ย คุณ…โอ๊ย! ให้ตายเถอะ เสียสมาธิไปนิดเดียวเอง เผลอพูดสุภาพไปซะได้ เจ็บไม่เบานะเนี่ย”
“จะบอกให้นะคะ วิชาวรรณกรรมน่ะเป็นวิชาที่สำคัญที่สุดในบ้านเด็กกำพร้าฮันน่า การอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ะทำให้เสียเปรียบ ความเสียเปรียบนำไปสู่ความยากจน ต่อกันเป็นห่วงโซ่แบบนี้ล่ะค่ะ”
ลีโอเริ่มจะชินกับการพูดแบบไม่หยาบคายแล้ว
ลีน่าเอามือลูบคาง พึมพำว่า “อย่างนี้นี่เอง” ก่อนจะหันกลับไปหาลีโอ
“การที่สลับร่างกับนายนี่ อาจจะเป็นโชคดีจริงๆก็ได้ ถ้านายได้เรียนอะไรมาจากสถาบันล่ะก็ พอกลับคืนร่างเดิมแล้ว จะเอาไปใช้ต่อยอดทำอะไรก็ตามสบายเลยนะ…ถ้าเป็นนายล่ะก็ จะต้องหลุดจากห่วงโซ่ที่คุณฮันน่าบอกเอาไว้ได้แน่”
“ลีน่า…”
ลีโอมองตาของเธอกลับไป ก่อนที่จะชี้ลงบนหนังสือสัญญา
“ถ้าอย่างนั้น เพื่อที่จะทำให้สามารถหลุดพ้นจากห่วงโซ่ได้ง่ายขึ้น ช่วยเปลี่ยนรางวัลให้เป็นสองเหรียญทองได้ไหมคะ”
“นายนี่เจ้าเล่ห์กว่าที่ชั้นคิดนะเนี่ย”
หลังจากที่คิดอยู่สักพัก ลีน่าก็หยิบปากกาขึ้นมา และเปลี่ยนจำนวนเหรียญทองให้กลายเป็นสอง
“ลีน่า…?”
ลีโอถึงกับตกตะลึง เขาไม่นึกว่าที่พูดไปเล่นๆแบบนั้นจะได้ผล
“ถ้านายกลับมาได้อย่างปลอดภัยล่ะก็ ชั้นขอสาบานว่าจะตอบแทนนายด้วยเงินสองเหรียญทอง และนั่นจะมาจากเงินเก็บของชั้นเอง”
ริมฝีปากของลีน่ายกขึ้นอย่างภาคภูมิ นั่นเป็นสีหน้าแบบเดียวกับลีโอก่อนที่จะสลับร่าง
“ถึงแม้ชั้นจะทิ้งพลังเวทย์ไว้ในร่างเก่า ชั้นก็ยังมั่นใจในมันสมองของตัวเองอยู่พอสมควรนะ กะอีแค่เหรียญทองเหรียญสองเหรียญน่ะไม่คนามือชั้นหรอก”
ลีโอรู้สึกตื่นเต้นและตื้นตันเป็นอย่างมาก ตอนนี้คือถ้าลีน่าสั่งมา ก็ถึงไหนถึงกัน
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ปรึกษาเงื่อนไขและข้อตกลงอย่างถี่ถ้วน และปิดท้ายด้วยการเซ็นสัญญา
“—ฟิ้ว มันเวลาพอดีสินะ”
“อ๊ะ ถึงตอนกลางคืนแล้วหรือคะ ต้องไปปิดร้านหรือเปล่า?”
แสงที่ส่องผ่านหลังคาเปลี่ยนจากแสงอาทิตย์ไปเป็นแสงจันทร์แทน ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะอยู่ที่นี่มานานพอสมควรแล้ว
ถ้าเขาไม่รีบกลับไปตอนนี้ จะพลาดอาหารเย็นเอาได้ ในตอนที่คิดอยู่ว่าจะบอกเรื่องร่างกายนี้ยังไงดี ลีน่าก็ทำเพียงส่ายหัวเบาๆ
“ก็บอกไปตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าเวลาไม่ค่อยจะมีน่ะ”
“เอ๊ะ…?”
ไม่รู้ทำไม ภาพของลีน่าในร่างลีโอที่ยิ้มแป้นหลับค่อยๆเบลอขึ้นเรื่อยๆ
“อะ…อะไร?”
ลีน่าบิดตัวอย่างขี้เกียจและเดินมาหาลีโอที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราว
“พิธีกรรมอัญเชิญผู้ที่มีสายเลือดมังกรจะถูกจัดขึ้นในวันที่ 10 ของเดือนหนาวในทุกๆปี ซึ่งเป็นวันก่อนเปิดภาคเรียนของสถาบัน และเป็นเวลาที่พระจันทร์จะเต็มดวง”
“เธอ…วันที่ 10 เดือนหนาว หรือว่า…?!”
เขาจำวันที่อยู่บนหนังสือสัญญาได้ดี วันที่ 9 เดือนหนาว
“วันนี้พระจันทร์กลมสวยดีนะ ว่ามั้ย?”
ลีน่าหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
“แก–“
และแล้วร่างของเด็กสาวก็หายไป ทิ้งไว้เพียงคำด่าที่พูดไม่ได้และไม่จบ
“…ด้วยร่างกายของลีน่าและความกล้าของลีโอ…ถึงจะยังโลภอยู่ก็เถอะนะ”
ลีน่ายืนอยู่ตัวคนเดียวข้างๆเครื่องโม่แป้ง
“เป็นเด็กสาวที่น่าสนใจจริงๆ พวกเขาคงไม่ยอมปล่อยให้เธอไปแน่เลยค่ะ–โอ๊ย!”
โดนความร้อนจากเวทมนตร์ของตัวเองเล่นงานเข้าให้
ลีน่าส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนที่จะเก็บอุปกรณ์ของตัวเองกลับไป
‘ช้าขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย ทีนี้ก็แค่อธิบายสถานการณืให้ท่านพ่อและท่านแม่ที่ไหลตามน้ำได้ง่ายฟัง’
ดวงจันทร์เต็มดวงลอยอยู่บนฟากฟ้า
ลีน่ารอคอยที่จะได้สัมผัสกับชีวิตใหม่นี้อย่างใจจดใจจ่อ