My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1006 เรียกข้าว่าลูกพี่หมา !
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1006 เรียกข้าว่าลูกพี่หมา !
ตอนที่ 1006 เรียกข้าว่าลูกพี่หมา !
อะไรนะ
แกจะให้ฉันไสหัวไป
การแสดงออกของฉิงเฟิงกลายเป็นเย็นชาและไม่พอใจอย่างมากผู้ฝึกตนของนิกายเหล่านี้ล้วนแต่เย่อหยิ่งจองหอง พวกเขาวางก้ามอวดเบ่งเกินไป
อย่างไรก็ตามสีหน้าของฉิงเฟิงเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้ยินการกล่าวถึงสัตว์วิญญาณ
หือ
สัตว์วิญญาณ
ประกายแห่งความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของฉิงเฟิงตอนแรกเขาไม่ชอบลูกหมาสีดำตัวนี้เลย แต่ตอนนี้เขาเริ่มชอบมันขึ้นมาแล้ว มันเป็นสัตว์วิญญาณ !
สัตว์วิญญาณนั้นหายากกว่าสัตว์อสูรอย่างมาก
“เดี๋ยวนะพวกนายมันวิ่งเข้ามาในอ้อมแขนของฉันดังนั้นมันก็ต้องเป็นของฉัน ทำไมฉันต้องมอบมันให้กับพวกนายด้วยเล่า ” ฉิงเฟิงกล่าวในขณะที่เขากอดลูกสุนัขสีดำไว้แน่น เขาไม่มีความคิดที่จะปล่อยสุนัขตัวนี้ไป ผู้ฝึกตนทุกคนต่างก็ชอบสัตว์วิญญาณ แม้แต่ฉิงเฟิงก็ไม่เว้น
ดวงตาของเฮยเทียนหมิงส่องแสงเย็นยะเยือกออกมาเมื่อเขาได้ยินคำพูดของฉิงเฟิงเขาควงดาบยาวและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ถ้าขืนเจ้ายังดื้อดึง ข้าจะฆ่าเจ้า”
ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยและกล่าวอย่างเย่อหยิ่งว่า“อยากตายก็เข้ามาซี่”
การแสดงออกของเฮยเทียนหมิงมืดครึ้มลงเขาฟาดดาบตรงไปยังฉิงเฟิง ดาบยาวสีดำปรากฏขึ้นเบื้องหน้าฉิงเฟิงในพริบตา
ในชั่วพริบตาฉิงเฟิงก็ยกนิ้วขึ้นคีบจับดาบไว้ได้ด้วยสองนิ้ว
ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อได้เห็นว่าฉิงเฟิงสามารถรับดาบได้ด้วยมือเปล่า! แน่นอนว่าเฮยเทียนหมิงนั้นตกใจที่สุดเขาไม่เคยคาดคิดว่าชายหนุ่มคนนี้จะหยุดดาบของเขาได้ด้วยมือเปล่า นอกจากนี้ดาบยาวของเขาก็เป็นถึงอาวุธวิญญาณ
ฉิงเฟิงออกแรงบีบและหักดาบออกเป็นชิ้นๆทันทีจากนั้นเขาก็เหวี่ยงหมัดขวาชกเข้าใส่หัวใจของเฮยเทียนหมิงจนแหลกเป็นชิ้นๆ
เฮยเทียนหมิงถูกสังหารด้วยหมัดเดียว!
ผู้คนรอบข้างต่างก็ตกตะลึงเมื่อได้เห็นการตายของเฮยเทียนหมิงบางคนแสดงสีหน้าที่หวาดกลัวออกมา ชายหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งเกินไป
พานฮงคือผู้ที่ช็อคที่สุดพลังของเขานั้นใกล้เคียงกับเฮยเทียนหมิง ทั้งสองคนนั้นมีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงขั้นสูงสุด ถ้าหากเฮยเทียนหมิงยังต้องตายด้วยหมัดเดียวของชายหนุ่มผู้นี้ เกรงว่าตัวเขาเองก็คงไม่รอดเช่นกัน
“ข้าคือพานฮงข้าเป็นสาวกของนิกายผู้ฝึกตนระดับโลกา ถ้าหากเจ้าไม่อยากเป็นศัตรูกับนิกายของข้าก็จงมอบสุนัขตัวนั้นมาซะดีๆ” พานฮงกล่าวข่มขู่ฉิงเฟิง
เขารู้ตัวว่าตนเองไม่ใช่คู่มือของฉิงเฟิงดังนั้นจึงต้องนำชื่อเสียงของนิกายมาข่มขู่เขา
“พานฮง ไม่เห็นรู้จัก เอาล่ะฉันจะให้เวลานายสามวิ ไสหัวไปไกลๆซะ”
ฉิงเฟิงกล่าวกับพานฮงอย่างเย็นชา
การแสดงออกของพานฮงเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้ยินคำพูดของฉิงเฟิงดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ เขาเป็นถึงสาวกอัจฉริยะของนิกาย การที่ฉิงเฟิงเฉดหัวเขานั้นทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก
อย่างไรก็ตามพานฮงทำได้เพียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความแค้นเมื่อเขานึกถึงพลังของฉิงเฟิง เขาพาลูกน้องออกไปจากที่นี่ทันทีเพราะเขายังไม่อยากตาย
หลังจากพานฮงและคนอื่นๆจากไปเฮยเต๋าจงและคนอื่นๆของนิกายกระบี่สวรรค์ก็หอบร่างไร้วิญญาณของเฮยเทียนหมิงออกไป ในตอนนี้เหลือเพียงพวกฉิงเฟิงเท่านั้น
“เจ้ามนุษย์ปล่อยลูกพี่หมาผู้นี้ได้แล้ว !”
ลูกสุนัขสีดำพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งใขณะที่เงยหัวขึ้นไปมองฉิงเฟิง
ฉิงเฟิงและคนอื่นๆต่างก็ตกตะลึงลูกสุนัขสีดำตัวนี้พูดคำหยาบคายได้ด้วย อีกทั้งมันยังเรียกตัวเองว่า ‘ลูกพี่หมา’
“บะ…บอส ! ไอ้ลูกหมาตัวนี้มันพูดได้ มันด่าบอสอ่ะครับ” ลู่ซวนจี๋กล่าวขณะที่เขาชี้ไปที่ลูกสุนัขสีดำ
ฉิงเฟิงยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า“ฉันจะทุบตีแก ถ้าขืนแกยังเรียกตัวเองว่าลูกพี่หมาอีกครั้ง”
“เหอะสหายน้อย ลูกพี่หมาผู้นี้พิชิตโลกแห่งการบ่มเพาะพลังมาตั้งแต่เจ้ายังไม่เกิด ไม่ใช่แค่เจ้าเท่านั้นนะ แม้กระทั่งพ่อกับปู่ของเจ้าก็ยังไม่เกิดด้วยซ้ำ ! ข้ามีคุณสมบัติเหมาะสมแล้วที่จะเป็นลูกพี่หมาของเจ้า” ลูกหมาดำกล่าวพร้อมกับเต๊ะท่า เพี๊ยะ!!
ฉิงเฟิงยกมือขึ้นและตบหัวลูกสุนัขทันที
ประกายแห่งความโกรธปรากฏขึ้นในดวงตาของลูกสุนัขสีดำมันคำรามว่า “เจ้า ! เจ้ากล้าดียังไงถึงมาตบหัวลูกพี่หมาผู้นี้ อยากตายรึไงวะ ”
สีหน้าของฉิงเฟิงเย็นชาลงเมื่อเขาได้ยินคำพูดของมันเขาคิดในใจว่า “
ไอ้หมาตัวนี้สงสัยอยากโดนอัดเต๊ะจุ๋ยชิบเป๋ง”
เพี๊ยะเพี๊ยะ เพี๊ยะ !
ฉิงเฟิงยกมือขวาขึ้นและตบหัวลูกสุนัขสีดำอย่างต่อเนื่องนับสิบๆครั้งเป็นเวลานานจนกระทั่งมันหัวโนและปูดบวมเท่าเหรียญ
“โอ้ยเจ้าลูกชาย ! ลูกพี่หมาหัวโนไปหมดแล้ว เพราะเจ้าคนเดียว !” ลูกสุนัขสีดำด่าทอฉิงเฟิง
อดพูดไม่ได้ว่าลูกหมาตัวนี้ช่างปากคอเราะร้ายและกวนประสาทอย่างมากมันไม่เพียงเรียกตัวเองว่าลูกพี่หมาแต่ยังเรียกฉิงเฟิงว่าลูกชายอีกด้วย
ไม่เพียงแค่ฉิงเฟิงเท่านั้นที่หงุดหงิดกับมันแม้แต่ฉินเซียนจื่อและคนอื่นๆก็ขมวดคิ้ว ปกติแล้วสัตว์วิญญาณมักจะน่ารักและอ่อนโยน แต่ทำไมเจ้าหมาตัวนี้ถึงต่างออกไป มันราวกับผู้หญิงบ้าคนหนึ่ง
“เจ้าหมาดูเหมือนว่าทุบตีแกคงไม่พอ งั้นฉันจะลอกหนังของแกออกและจับไปย่างเป็นบาร์บีคิวกิน” ฉิงเฟิงกล่าวอย่างเยือกเย็น
หลังจากพูดจบฉิงเฟิงก็ใช้นิ้วมือถอนขนที่ขาของมันออกมาเล็กน้อยทำให้มันร้องครางด้วยความเจ็บปวด
ลูกสุนัขสีดำดิ้นรนรุนแรงและพยายามหลบหนีอย่างไรก็ตามฉิงเฟิงจับมันไว้แน่นจนมันไม่สามารถหนีไปไหนได้
“เจ้าลูกชายปล่อยลูกพี่หมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้นข้าจะกินเจ้าเมื่อพลังของข้ากลับคืนมา !” ลูกสุนัขสีดำกล่าวอย่างหยิ่งยโส ฉิงเฟิงหงุดหงิดมากกับทัศนคติที่หยิ่งผยองของลูกสุนัขตัวนี้แต่เขาก็ยังต้องการข้อมูลบางอย่างจากมัน ในเมื่อพลังของมันลดลงและอ่อนแอมาก ดังนั้นตอนนี้เป็นเวลาเหมาะสมที่จะเค้นข้อมูล
ฉิงเฟิงถอนขนของมันอีกกระจุกจนเลือดติดขนมาด้วยมันร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดจนทำให้ผู้ที่ได้ยินรู้สึกเศร้าสงสารไปด้วย
“อย่าดึงขนข้าปล่อยข้าไป !” ลูกหมาสีดำร่ำร้องด้วยความเจ็บปวด
ฉิงเฟิงถามด้วยรอยยิ้มเย็นชาว่า“แกจะยอมหรือยัง ยังอยากจะเป็นลูกพี่หมาอยู่อีกมั้ย ?”
ลูกสุนัขสีดำส่ายหัวและกล่าวว่า“ข้าไม่เป็นลูกพี่หมาก็ได้ ข้าจะเป็นน้องหมา”
หะ น้องหมา ?
ฉิงเฟิงและคนอื่นๆต่างก็อึ้งจนพูดไม่ออกเมื่อกี้มันยังวางท่าโอหังไม่แยแสต่อโลกหล้าอยู่เลย ทำไมจู่ๆถึงยอมเรียกตัวเองเป็นน้องหมา ทัศนคติของมันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร ?
ซึ่งที่จริงแล้วมันก็ไม่ได้อยากจะยอมแพ้แต่ร่างกายของมันอ่อนแอมากหลังจากพลังลดลง เพียงถูกถอนขนแค่เส้นเดียวมันก็เจ็บแทบตายแล้ว
ที่สำคัญกว่านั้นคือมันถูกถอนขนจนเลือดออกเลือดของมันมีพลังและถ้ามันเสียเลือดมากขึ้นพลังของมันก็จะลดลงไปอีก ในที่สุดมันก็ไม่อาจต่อต้านฉิงเฟิงและทำได้เพียงยอมแพ้เท่านั้น
ถึงแม้ว่าลูกสุนัขสีดำตัวนี้จะบอกว่ายอมแพ้และเรียกตัวเองว่าน้องหมาแต่ในใจของมันก็ยังไม่ค่อยยอมรับ มันลอบสาบานในใจว่าเมื่อใดก็ตามที่พลังของมันกลับคืน มันจะทุบตีฉิงเฟิงจนต้องร้องขอชีวิต !