My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1031 การสัประยุทธ์อันดุเดือดที่ชั้น 3
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1031 การสัประยุทธ์อันดุเดือดที่ชั้น 3
ตอนที่ 1031 การสัประยุทธ์อันดุเดือดที่ชั้น 3
จุดที่ฉิงเฟิงยืนอยู่นั้นคือชั้นที่สามภายในเจดีย์สีเขียวซึ่งเป็นพื้นที่ลึกลับที่มีพลังงานอันทรงพลัง
เปรี้ยง,เปรี้ยง, เปรี้ยง, เปรี้ยง …
เสียงการต่อสู้ดังมาจากด้านหน้านั่นก็คือจ้าวเทียนเจียน,เฒ่าอสูรโลหิตและราชาอสูรมีดวายุที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดเพื่อกระบี่ราชันวิญญาณ
กระบี่ราชันวิญญาณมีสีเขียวกว้างสองนิ้วครึ่งยาวสามฟุตครึ่งมันกว้างกว่ากระบี่ธรรมดาเล็กน้อย ด้วยการแกะสลักรูปไม้ไผ่สีเขียวบนตัวกระบี่ มันจึงปล่อยรัศมีสีเขียวที่มีพลังอันแข็งแกร่งออกมา
“เจ้าเฒ่าร่วมมือกับข้าเพื่อสังหารราชาอสูรมีดวายุก่อน แล้วพวกเราค่อยว่ากันสองคน” จ้าวเทียนเจียนกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ จ้าวเทียนเจียนและเฒ่าอสูรโลหิตควรจะเป็นอริกันดังเช่นธรรมะและอธรรมย่อมไม่อาจอยู่ร่วมกัน แต่เนื่องจากราชาอสูรมีดวายุไม่เพียงแค่ช่วงชิงผลเลือดอสูรไปเท่านั้น แต่ยังตามมาแย่งชิงอุปกรณ์วิญญาณระดับราชันอีกด้วย ตอนนี้เขาจึงกลายเป็นศัตรูคนสำคัญของทั้งจ้าวเทียนเจียนและเฒ่าอสูรโลหิต
แม้ว่าเฒ่าอสูรโลหิตจะไม่ชอบหน้าจ้าวเทียนเจียนแต่เขาก็เกลียดราชาอสูรมีดวายุมากกว่า ดังนั้นเขาจึงต้องพยักหน้าและตัดสินใจร่วมมือกับอีกฝ่าย
“
กระบี่ที่หนึ่ง
–
อินทรีทองคำ
!”
จ้าวเทียนเจียนส่งเสียงคำรามโบกกระบี่ในมือออกไปและเปลี่ยนมันให้กลายเป็นอินทรีทองคำขนาดใหญ่ อินทรีทองคำตัวนี้มีความยาวมากกว่าหกสิบเมตรมันเปล่งประกายสดใสและมีชีวิตเหมือนจริงด้วยขนสีทองที่ปกคลุมไปทั่วร่างกาย มันคือการเปลี่ยนสภาพของพลังงานกระบี่
เห็นได้ชัดว่าวิชากระบี่ของจ้าวเทียนมีพลังพิเศษที่ไม่ธรรมดาและสัตว์อสูรที่เปลี่ยนมาจากพลังงานกระบี่นั้นก็ทรงพลังมาก
อินทรีทองคำยาวหกสิบเมตรกินพื้นที่ขนาดใหญ่ครอบคลุมเกือบครึ่งหนึ่งของท้องฟ้าทำให้เกิดพลังงานอันรุนแรงที่โจมตีไปยังราชาอสูรมีดวายุ
ที่อีกด้านหนึ่งเฒ่าอสูรโลหิตก็เหยียดมือออก คว้าธงอสูรโลหิตออกมาจากเสื้อของเขา
ธงอสูรโลหิตเป็นสมบัติที่สามารถเปลี่ยนขนาดของมันเองได้โดยอัตโนมัติและหลังจากพี่เฒ่าอสูรโลหิตเริ่มร่ายคาถาธงที่มีขนาดเท่ากับฝ่ามือก็ขยายขนาดขึ้นจนสูงเท่ากับมนุษย์และปล่อยพลังงานสีแดงที่มีพลังแข็งแกร่งออกมา “
ธงอสูรดูดวิญญาณ
!
“
เฒ่าอสูรโลหิตเหวี่ยงธงออกไปก่อตัวเป็นพลังโจมตีวิญญาณเล็งไปที่ราชาอสูรมีดวายุ
“
ฝ่ามือมีดวายุ
!”
ราชาอสูรมีดวายุคำรามลั่นมือขวาของเขาเปลี่ยนเป็นดาบวายุขนาดยักษ์ที่มีความยาวร่วมหกสิบเมตรชนกับอินทรีทองคำจากพลังกระบี่ของจ้าวเทียนเจียนจนเกิดเสียงที่ดังสนั่น พลังอันยิ่งใหญ่สองสายจางหายไป
หวือ!
ในจังหวะนั้นการโจมตีทางจิตวิญญาณของเฒ่าอสูรโลหิตก็ลุกล้ำเข้าไปในจิตของราชาอสูรมีดวายุโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันได้ตั้งตัว
พรวด!
ด้วยเสียงกระเอียนของเลือดราชาอสูรมีดวายุพ่นเลือดสดออกมาเต็มปาก ใบหน้าของเขาซีดเซียวและจิตวิญญาณของเขาได้รับบาดเจ็บ แม้ว่าพลังโจมตีของเขาจะแข็งแกร่งมาก แต่เขาก็ไม่สามารถเทียบได้กับเฒ่าอสูรโลหิตในด้านพลังวิญญาณ
“ท่านอาจารย์!” ฉิงเฟิงพุ่งเข้าหาราชาอสูรมีดวายุอย่างรวดเร็วและถามอาการบาดเจ็บ
ราชาอสูรมีดวายุส่ายหัวและกล่าวว่า“ข้าไม่เป็นไร … แค่พลังวิญญาณได้รับบาดเจ็บ ไอ้เฒ่านั่นเล่นทีเผลอ”
เมื่อได้ยินดังนี้ฉิงเฟิงก็กล่าวว่า “ท่านอาจารย์ ผมจะช่วยท่านรับมือกับเฒ่าอสูรโลหิตเอง”
เฒ่าอสูรโลหิตหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินคำพูดของฉิงเฟิงเขากล่าวขึ้นว่า “ฮ่าๆๆ ตลกสิ้นดีข้าอยู่ในระดับจิตโลกาขั้นปลาย ส่วนเจ้า กลับเข้าท้องแม่ไปบ่มเพาะพลังอีกสักยี่สิบปีก่อนเถอะ !”
ฉิงเฟิงเพียงมีรอยยิ้มจางๆต่อคำดูถูกของเฒ่าอสูรโลหิตเขากล่าวว่า “พร่ำไปเถอะไอ้เฒ่า ฉันฆ่าสาวกนิกายอสูรโลหิตไปหลายคนแล้ว เข้ามา มาล้างแค้นสิ”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉิงเฟิงใบหน้าของเฒ่าอสูรโลหิตก็บิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้นดวงตาแดงก่ำ เขาถือธงอสูรเดินไปทางฉิงเฟิงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
“
ธงอสูร
–
ต้านวิญญาณ
!”
เฒ่าอสูรโลหิตใช้วิชาที่อันตรายถึงตายโดยหวังจะฆ่าฉิงเฟิงอย่างรวบรัด
ธงอสูรสีแดงเลือดปล่อยการโจมตีทางจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่พุ่งตรงเข้าไปในใจของฉิงเฟิง
การโจมตีทางวิญญาณโดยเฒ่าอสูรโลหิตนั้นทรงพลังมากจนฉิงเฟิงรู้สึกว่าสมองของเขากำลังจะฉีกขาดเขารู้สึกมึนงงและแทบจะหมดสติไป
ทันใดนั้นเองเสียงมังกรคำรามก็ดังออกมาจากลูกบอลแสงสีทองในใจของฉิงเฟิง และเศษเสี้ยววิญญาณของมังกรทองก็บินออกมาจากในนั้น ซึ่งก็คือมังกรเพลิงผู้ควบคุมเปลวไฟทั้งมวล
เสี้ยววิญญาณของมังกรเพลิงเปิดปากกว้างของมันและกลืนกินพลังวิญญาณของเฒ่าอสูรโลหิตในทันทีและเปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณของตัวมันเองโดยตรง
“ไอ้เฒ่าวิชาของแกห่วยแตกมาก” เมื่ออาการเจ็บปวดหายไป ฉิงเฟิงก็ชี้นิ้วไปที่เฒ่าอสูรโลหิตและกล่าววาจาเยาะเย้ยถากถาง
เขาตั้งใจที่จะยั่วยุเฒ่าอสูรโลหิตโดยมีจุดประสงค์เพื่อให้อีกฝ่ายโจมตีด้วยพลังวิญญาณให้มากขึ้นจากนั้นก็จะปล่อยให้มังกรเพลิงในจิตของเขาดูดซับพลังวิญญาณไปอย่างต่อเนื่อง
เฒ่าอสูรโลหิตโกรธเกรี้ยวจนแทบบ้าในฐานะผู้อาวุโสของนิกายอสูรโลหิต เขาถูกเด็กเมื่อวานซืนดูถูกเหยียดหยามโดยไม่คาดคิด มันเป็นความอัปยศอดสูต่อเขาอย่างชัดเจน
เฒ่าอสูรโลหิตรีดเค้นพลังวิญญาณออกมามากขึ้นและโจมตีฉิงเฟิงด้วยพลังวิญญาณอันรุนแรงหวังจะทำลายจิตวิญญาณของฉิงเฟิงให้แหลกสลายกลายเป็นคนพิการ
ในตอนแรกฉิงเฟิงรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อยแต่ไม่นานนักเขาก็ดีขึ้นเนื่องจากพลังวิญญาณที่ล่วงล้ำเข้ามาในใจของเขาถูกมังกรเพลิงเขมือบสิ้น
แต่ในความเป็นจริงมังกรเพลิงกลืนพลังงานวิญญาณของเฒ่าอสูรโลหิตเพียงครึ่งเดียวและเหลือไว้ให้ฉิงเฟิงอีกครึ่งหนึ่ง ผลทำให้ฉิงเฟิงมีพลังมากขึ้นหลังจากดูดซับพลังวิญญาณมาบางส่วน เฒ่าอสูรโลหิตก็ไม่ได้โง่งมเขาเริ่มตระหนักได้ถึงความผิดปกติบางอย่างหลังจากโจมตีด้วยพลังวิญญาณไปนับสิบๆครั้งแต่เหมือนจะไม่มีผลต่อฉิงเฟิงแม้แต่น้อย เนื่องจากพวกมันหายไปทันทีหลังจากเข้าไปในจิตของฉิงเฟิง
ดังนั้นเขาจึงทิ้งการโจมตีทางวิญญาณและใช้กำลังกายแทน
“
หมัดอสูรโลหิต”
เฒ่าอสูรโลหิตเก็บธงอสูรกลับไปและเหวี่ยงหมัดขวาออกไปกลายเป็นหมัดสีแดงขนาดใหญ่มันเปี่ยมไปด้วยพลังอันรุนแรงของผู้ฝึกตนระดับจิตโลกาขั้นปลายที่พุ่งเข้าหาฉิงเฟิงอย่างดุดัน
“
หมัดที่สาม
–
สวรรค์พินาศโลกาสลาย !
“
ในขณะที่ฉิงเฟิงสัมผัสได้ถึงพลังหมัดอันรุนแรงของเฒ่าอสูรโลหิตเขาก็ใช้หมัดที่สามของเพลงหมัดทลายนรกานต์ออกมาโดยตรง ปรากฏมายาหมัดสีดำขนาดใหญ่ถึงห้าสิบเมตรที่ฉีกกระชากห้วงบรรยากาศออกจากกันและทุบกระแทกเข้าปะทะกับหมัดอสูรโลหิตอย่างเกรี้ยวกราด
ตูม
!!!
ด้วยเสียงที่ดังกึกก้องมายาหมัดยักษ์ทั้งสองชนกันอย่างแรงในอากาศ เมื่ออากาศทรุดตัวลง หลุมดำขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับพลังงานที่แผ่กระจายไปทั่วทำให้เกิดรอยร้าวมากมายไปทั่ว
ครืด! ครืด !
ฉิงเฟิงและเฒ่าอสูรโลหิตต่างก็ถอยคนละก้าวพลังกายภาพของทั้งคู่ต่างสูสีกันไม่มีใครกินใครลง
ฉิงเฟิงตกตะลึงในขณะที่เขาไม่คาดคิดว่าหมัดทลายนรกานต์หมัดที่สามอันทรงพลังที่สุดของเขาจะล้มเหลวในการล้มคู่ต่อสู้ชายชราผู้นี้สมแล้วที่มีอายุยืนยาวกว่าร้อยปี
ส่วนเฒ่าอสูรโลหิตก็ตกใจไม่น้อยถึงแม้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จในการเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตจิตโลกาขั้นปลายอย่างไร้คู่ต่อกรมานาน แต่วันนี้กลับเสมอกับชายหนุ่มรุ่นเหลนผู้หนึ่ง มันเป็นเรื่องที่เขาไม่อยากจะเชื่อ
เป็นที่ทราบกันดีว่าเฒ่าอสูรโลหิตไม่ใช่ผู้ฝึกตนธรรมดาเขาเป็นผู้อาวุโสของนิกายอสูรโลหิตและยังได้บ่มเพาะการขัดเกลากายามาอีกด้วย
เฒ่าอสูรโลหิตเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ฉิงเฟิงอีกครั้งก่อตัวเป็นหมัดสีดำขนาดใหญ่ที่พุ่งชนใส่คู่ต่อสู้
ตูมตูม ตูม ตูม … ทั้งสองฝ่ายต่างกระหน่ำหมัดเข้าปะทะกันอย่างต่อเนื่องจนอากาศรอบๆบิดเบี้ยวและระเบิดออกจนเกิดหลุมดำนับไม่ถ้วนแต่กระนั้นก็ยังไม่มีผู้ใดชิงความได้เปรียบจากอีกฝ่ายได้เลย