My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1032 สรรพชีวิตล้วนเท่าเทียม , เขตแดนยับยั้ง
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1032 สรรพชีวิตล้วนเท่าเทียม , เขตแดนยับยั้ง
ตอนที่ 1032 สรรพชีวิตล้วนเท่าเทียม , เขตแดนยับยั้ง
ฉิงเฟิงต่อกรกับเฒ่าอสูรโลหิตอย่างดุเดือดส่วนอีกด้านหนึ่ง ราชาอสูรมีดวายุก็ปะทะกับจ้าวเทียนเจียนอย่างไม่มีทีท่าจะสิ้นสุด
การโจมตีของราชาอสูรมีดวายุเริ่มสะเปะสะปะท่าร่างของเขาเริ่มเชื่องช้าลงเนื่องจากอาการบาดเจ็บจากพลังวิญญาณที่ถูกทำร้ายโดนเฒ่าอสูรโลหิต เขาเริ่มล่าถอยจากการโจมตีของจ้าวเทียนเจียนทีละน้อย
ฉิงเฟิงเห็นท่าทางอาจารย์ของเขาเริ่มไม่สู้ดีและต้องการจะไปช่วยอย่างไรก็ตาม เขาถูกขวางไว้ด้วยฝีมือของเฒ่าอสูรโลหิตจนไม่อาจปลีกตัวไปได้ ดังนั้นความหวังเดียวในตอนนี้ก็คือต้องพึ่งเจ้าลูกหมาสีดำ
“เฮ้เจ้าหมา ไปช่วยอาจารย์ของฉันที” ฉิงเฟิงหันไปพูดกับลูกหมาสีดำ
ถึงแม้ว่ามันจะดูไม่ค่อยเต็มใจในตอนแรกแต่มันก็รีบไปช่วยราชาอสูรมีดวายุในทันที มันโบกอุ้งเท้าของมันเข้าใส่จ้าวเทียนเจียน
จ้าวเทียนเจียนเหวี่ยงกระบี่ในมือและเปลี่ยนพลังกระบี่เป็นรูปปั้นทองคำขนาดใหญ่กระทบร่างของลูกหมาสีดำโดยตรง
แม้นว่าลูกหมาสีดำตัวนี้จะทรงพลัง(ในอดีต)แต่ความแข็งแกร่งของมันลดลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมามันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวเทียนเจียนแม้แต่น้อย
ใบหน้าของฉิงเฟิงเปลี่ยนไปหลังจากที่เห็นลูกหมาสีดำบินกระเด็นจากการโจมตีของจ้าวเทียนเจียนในฐานะประมุขนิกายกระบี่สวรรค์ เขาแข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย
ในเมื่อลูกหมาสีดำก็ช่วยอะไรไม่ได้สิ่งเดียวที่ฉิงเฟิงทำได้ก็คือรีบจบการต่อสู้กับเฒ่าอสูรโลหิตโดยเร็วที่สุด เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะสามารถร่วมมือกับอาจารย์ของเขาต่อสู้กับจ้าวเทียนเจียนได้ แต่สถานการณ์ตอนนี้ก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาคิด เฒ่าอสูรโลหิตแข็งแกร่งเกินคาดคิดและเป็นไปไม่ได้ที่จะล้มเขาในเวลาอันรวดเร็ว
ตูม
!
ด้วยเสียงที่ดังก้องชายวัยกลางคนในเสื้อคลุมแดงก็ทะลุม่านป้องกันและปรากฏตัวในชั้นที่สาม
คนๆนี้เป็นชายวัยกลางคนร่างสูงเขามีใบหน้าสีแดงเลือดและรายล้อมไปด้วยกลิ่นอายอันทรงพลัง เขาเป็นที่รู้จักกันในนามประมุขนิกายอสูรโลหิต, เซวี่ยจวินหลุน
การมาถึงของเซวี่ยจวินหลุนทำให้ใบหน้าของฉิงเฟิงซีดสลดด้วยความตระหนกเพียงแค่เฒ่าอสูรโลหิตคนเดียวเขาก็ยังไม่อาจเอาชนะได้ นับประสาอะไรกับการที่มียอดฝีมือระดับนี้เพิ่มมาร่วมอีกคน
เซวี่ยจวินหลุนกล่าวกับเฒ่าอสูรโลหิตด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า“ข้าได้ยินการสื่อสารจากท่านแล้ว มิคาดคิด อุปกรณ์วิญญาณระดับราชันจะอยู่ที่นี่จริงๆ”
เนื่องจากเซวี่ยจวินหลุนเป็นประมุขนิกายอสูรโลหิตเขาสามารถสื่อสารกับเฒ่าอสูรโลหิตได้ด้วยวิธีการพิเศษของนิกาย เดิมทีเขากำลังแย่งชิงอุปกรณ์วิญญาณระดับราชันอีกชิ้นหนึ่งจากเฮยหวู่หยาแห่งนิกายดาบทมิฬ อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายได้มันไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงปลีกตัวมาที่นี่
“
กงจักรลมหมุนทองคำ
!
“
เซวี่ยจวินหลุนปล่อยกงจักรออกมามันคือกงจักรทองคำที่มีใบมีดคมกริบอย่างสุดขั้ว ใบมีดเหล่านี้ต่างพวยพุ่งกลิ่นอายอันน่ากลัวออกมา
~~ หวืดดดด
“อั่ก… !”
กงจักรพุ่งเข้ากระทบร่างของฉิงเฟิงโดยตรงร่างกายของเขาลอยกระเด็นไปด้านหลังและกระอักเลือดออกมาพร้อมกับร่วงลงกระแทกพื้น
ฉิงเฟิงรู้สึกได้ว่ากระดูกของเขาหักและร่างกายขยับไม่ได้แม้แต่นิ้วเดียว
เซวี่ยจวินหลุนแข็งแกร่งมากและการโจมตีเพียงกระบวนท่าเดียวของเขาก็ทำให้ฉิงเฟิงหมดความสามารถในการต่อสู้ทั้งหมดในพริบตา
เซวี่ยจวินหลุนขว้างกงจักรของเขาอีกครั้งและกระแทกเข้ากับร่างของราชาอสูรมีดวายุจนอีกฝ่ายกระเด็นร่วงลงกับพื้นสองศิษย์อาจารย์ตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ที่ไร้ความสามารถในการต่อสู้
ฉิงเฟิงพ่นเลือดออกมาเต็มปากด้วยใบหน้าสีแดงก่ำเมื่อเห็นว่าอาจารย์ของเขาได้รับบาดเจ็บเลือดของเขากระเซ็นไปโดนแหวนลึกลับที่เขาเก็บได้หน้าเจดีย์ก่อนที่จะเข้ามา และหลังจากที่มันดูดซับเลือดของเขาเข้าไปมันก็ส่องแสงสีดำขึ้น “
ข้าคือราชาวิญญาณของเจดีย์มรกตแห่งนี้
,
เจ้านายของสุสานจิตราชันนี่คือแหวนมิติของข้า สิ่งที่ข้าอยากจะบอกเจ้าก็คืออุปกรณ์วิญญาณระดับราชันนั้นมิใช่กระบี่ แต่คือเจดีย์มรกต”
“
เจ้าสามารถจำกัดพลังบ่มเพาะของผู้ฝึกตนเหล่านั้นที่เข้ามาภายในเจดีย์มรกตได้ตราบเท่าที่พวกมันมีพลังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าขอบเขตราชันวิญญาณความแข็งแกร่งและพลังของพวกมันจะเท่ากับเจ้า”
เสียงหนึ่งปรากฏขึ้นในใจของฉิงเฟิงและได้มอบคาถาที่สามารถควบคุมเจดีย์แห่งนี้ให้กับฉิงเฟิงก่อนที่เสียงจะหายไป
ฉิงเฟิงท่องจำคาถาเหล่านั้นในใจของเขาได้อย่างลึกซึ้งเมื่อเขาฝึกฝนวิธีใช้คาถาเหล่านี้เขาจะสามารถควบคุมเจดีย์สีเขียวทั้งหมดได้
ฉิงเฟิงชันกายขึ้นและปาดเลือดที่เปรอะเปื้อนมุมปากออกและกล่าวว่า “เซวี่ยจวินหลุน เฒ่าอสูรโลหิต พวกแกเข้ามาเลย !”
“หลี่ฉิงเฟิงไอ้เด็กเมื่อวานซืน อย่าอวดเบ่งไปนัก เจ้าไม่อาจรับการโจมตีเพียงครั้งเดียวของข้าได้ ตอนนี้กลับร่ำร้องให้พวกเขาทั้งสองลงมือ เจ้าโง่เง่านัก !” เซวี่ยจวินหลุนแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น
เซวี่ยจวินหลุนได้ผลไม้วิญญาณมาในเทือกเขาคุนหลุนหลังจากกินเข้าไปพลังของเขาก็เพิ่มมากขึ้นจนถึงขอบเขตจิตโลกาขั้นสูงสุดและเกือบจะแตะถึงขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์
แต่ถึงแม้ว่าคู่ต่อสู้จะแข็งแกร่งเพียงใดฉิงเฟิงก็ไม่สนใจอีกต่อไปหลังจากที่เขาได้เรียนรู้วิธีควบคุมเจดีย์สีเขียว
“ สรรพชีวิตล้วนเท่าเทียม
,
เขตแดนยับยั้ง
!
“
ฉิงเฟิงปล่อยคาถาด้วยความคิดของเขารัศมีสีเขียวลึกลับเริ่มส่องแสงภายในเจดีย์และปกคลุมไปทั่วทุกคน
ภายในรัศมีสีเขียวใบหน้าของเซวี่ยจวินหลุนและเฒ่าอสูรโลหิตกลายเป็นตื่นตระหนก พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่ถูกจำกัดไว้ของพวกเขาที่ลดลงสู่ขอบเขตจิตโลกาขั้นกลาง
“
หมัดแรก
–
พิภพสะเทือน
!” ฉิงเฟิงคำรามและปล่อยหมัดแรกของเพลงหมัดทลายนรกานต์ออกไปมันเล็งเป้าไปที่เฒ่าอสูรโลหิตโดยตรง
เฒ่าอสูรโลหิตสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งจากหมัดของฉิงเฟิงจึงปล่อยหมัดอสูรโลหิตของเขาออกมาต้านรับทั้งสองหมัดกระแทกกันอย่างหนักหน่วง
แกร่ก!!
ด้วยเสียงแตกที่น่าสยดสยองแขนของเฒ่าอสูรโลหิตก็ระเบิดออกจนทุกคนสามารถมองเห็นเนื้อเหวอะหวะและกระดูกภายในได้
“
อ้ากกกกก
!”
เขาร่ำร้องด้วยความเจ็บปวดและไม่สามารถยอมรับความจริงได้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขายังสูสีกันอยู่เลยแต่ตอนนี้เกมเปลี่ยนไปแล้ว
“ หมัดที่สอง
–
บดภูผาทลายปฐพี
!
“
ฉิงเฟิงปล่อยหมัดที่สองออกมาตามน้ำทันทีหมัดของเขาเปลี่ยนเป็นมายาของขุนเขาที่บรรจุไปด้วยด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวและทุบกระทแกลงบนร่างของเฒ่าอสูรโลหิตโดยตรง
ตูม
!
เฒ่าอสูรโลหิตถูกทุบจนแหลกเป็นชิ้นๆและร่างระเบิดจนกลายเป็นฝนโลหิตจากหมัดที่สองของฉิงเฟิง
หากคู่ต่อสู้มีพลังในระดับเดียวกันฉิงเฟิงไร้เทียมทานและไม่เคยพ่ายให้แก่ผู้ใดมาก่อนแม้จะบาดเจ็บก็ตาม เฒ่าอสูรโลหิตไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาหลังจากเจดีย์เขียวส่องแสงและถูกเขตแดนยับยั้งจำกัดพลังเอาไว้
ใบหน้าของเซวี่ยจวินหลุนเปลี่ยนเป็นซีดเซียวเมื่อเขาเห็นร่างของเฒ่าอสูรโลหิตระเบิดจากหมัดของหลี่ฉิงเฟิงเขาขว้างกงจักรทองคำออกไปทันที
“
หมัดที่สาม
–
สวรรค์พินาศโลกาสลาย
!!
“
ฉิงเฟิงโคจรพลังและเหวี่ยงหมัดที่สามออกไปต่อเนื่องกำปั้นสีดำฉีกท้องฟ้าออกเป็นชิ้นๆและทุบกระแทกเข้าใส่กงจักรจนร่วงลงกับพื้น
หลังจากสกัดกั้นกงจักรเหล่านั้นฉิงเฟิงก็เหวี่ยงหมัดที่สามออกไปอีกครั้งและกระทบร่างของเซวี่ยจวินหลุนอย่างรุนแรงจนแตกสลายเป็นละอองเลือดและหายไปในอากาศ ต้องบอกว่าพลังของเจดีย์สีเขียวนั้นมีประสิทธิภาพมากต่อให้แข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่อาจต่อกรกับฉิงเฟิงได้ถ้าหากถูกจำกัดพลังให้อยู่ในระดับเท่ากัน