My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1035 พลังของเพลงหมัดมังกรเพลิง
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1035 พลังของเพลงหมัดมังกรเพลิง
ตอนที่ 1035 พลังของเพลงหมัดมังกรเพลิง
เห็นได้ชัดเจนว่าฉิงเฟิงรู้ตัวเองว่าไม่อาจปัดป้องลำแสงสีขาวจากแก่นอสูรของราชาช้างเผือกได้แม้ว่าดรรชนีผู้พิชิตหรือหมัดทลายนรกานต์จะทรงพลัง แต่ความสามารถและสมรรถภาพของเขามีจำกัด อีกทั้งตอนนี้เขาก็ไม่สามารถใช้พลังทั้งหมดได้ เขารับศึกต่อเนื่องจนเกินไป
ดังนั้นเขาตัดสินใจที่จะใช้ทักษะที่รุนแรงที่สุดของเขา‘เพลงหมัดมังกรเพลิง’ ซึ่งเป็นวิชาที่ทรงพลังอย่างสุดขั้ว มันแฝงไปด้วยพลังของมังกรเพลิงซึ่งเปี่ยมไปด้วยออร่าสะกดข่มที่น่าหวาดกลัว แต่มันก็มีผลกระทบที่ตามมาหลังจากการใช้วิชานี้ เมื่อใช้ไปแล้วมันจะสูบพลังทั้งหมดในร่างของเขาจนทำให้เขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
ถึงแม้ว่ามันจะมีผลกระทบที่ตามมาแต่ฉิงเฟิงก็จำต้องใช้มันเพื่อต้านรับลำแสงสีขาวนี้ มิฉะนั้นเขาและพรรคพวกจะตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่ง
“
เพลงหมัดมังกรเพลิง
–
มังกรเหินนภา
!!”
ฉิงเฟิงรีดเค้นพลังวิญญาณและแก่นพลังทั้งมวลในร่างโคจรไปไว้ที่กำปั้นและเปลี่ยนเป็นกำปั้นสีแดงขนาดมหึมาที่แผดเผาลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงสีแดงก่ำ มันนำมาซึ่งพลังที่ราวกับจะทำลายทั้งสวรรค์และปฐพีให้พินาศได้ จากนั้นมันก็พุ่งเข้าทุบกระแทกกับลำแสงสีขาวที่ราชาช้างเผือกยิงออกมาจากแก่นอสูร
หมัดเพลิงข้างนี้เปี่ยมล้นด้วยพลังที่เหลือเชื่อไม่เพียงแค่ทำให้ลำแสงสีขาวแตกกระเจิงเท่านั้น แต่มันยังทำให้แก่นอสูรแหลกสลายและกระจายไปในอากาศอีกด้วย
เมื่อได้เห็นแก่นอสูรที่แหลกสลายราชาช้างเผือกก็หน้าซีดและกระอักเลือดออกมาแก่นอสูรคือหัวใจสำคัญของเหล่าสัตว์อสูรทั้งปวง ร่างกายของมันได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
เมื่อพลังทั่วร่างรีดใช้จนหมดสิ้นเขาก็อ่อนล้าและล้มลงกับพื้น
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถเคลื่อนไหวขยับตัวได้แต่ฉิงเฟิงก็ยังคงกล่าวกับราชาอสูรมีดวายุและฮวาเซียนจือว่า “ทุกคน มันได้รับบาดเจ็บหนักแล้ว รีบฆ่ามันเร็วเข้า”
ราชาอสูรมีดวายุฮวาเซียนจือ ฉินเซียนจื่อและคนที่เหลือมีปฏิกิริยาตอบสนองในทันที พวกเขาต่างหยิบอุปกรณ์วิญญาณขึ้นมาและโจมตีราชาช้างเผือกพร้อมกัน
เป้งเป้ง เป้ง เป้ง …
ราชาช้างเผือกได้รับบาดเจ็บอย่างมากและได้รับโจมตีเข้าสู่ร่างกายนับไม่ถ้วนมันถูกทำร้ายทุบตีจนแทบจะกลายเป็นเนื้อบด เลือดของมันสาดกระจายไปทั่วทุกแห่งและร่างอันใหญ่โตของมันก็ร่วงลงไปกับพื้น
“เฟิงน้อยเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” ราชาอสูรมีดวายุถามขึ้นในขณะที่เดินไปหาฉิงเฟิง
ฉิงเฟิงใบหน้าซีดขาวอย่างสมบูรณ์และกล่าวอย่างอ่อนระโหยโรยแรงว่า“ผมไม่เป็นไรครับท่านอาจารย์ เพียงแต่ใช้พลังจนหมดเกลี้ยง ผมต้องการพักสักหน่อย”
เมื่อได้ยินราชาอสูรมีดวายุก็ทาบฝ่ามือลงบนหลังของฉิงเฟิงทันทีและถ่ายเทพลังแท้ของเขาไปให้ลูกศิษย์
ด้วยความช่วยเหลือจากราชาอสูรมีดวายุฉิงเฟิงจึงสามารถฟื้นฟูพลังได้อย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง พลังของเขาก็กลับคืนมาอย่างสมบูรณ์
ฉิงเฟิงยืนขึ้นและปัดฝุ่นตามเสื้อผ้าของเขาออกจากนั้นก็นำทุกคนเข้าสู่ส่วนกลางดินแดนต้องห้าม
เมื่อพวกเขามาถึงส่วนกลางได้ประมาณ50 ไมล์พวกเขาก็ได้รับการต้อนรับจากสัตว์อสูรที่ทรงพลังอีกตัว คราวนี้มันเป็นไฮดร้าไฟ สัตว์อสูรขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ ไฮดร้าไฟนั้นมีขนาดใหญ่มากร่างกายของมันมีความยาวมากกว่า 70 เมตร มันปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีแดงอันแหลมคม ซึ่งมีความคมกริบอย่างหาที่ติไม่ได้
ไฮดร้าไฟฟาดหางที่แหลมคมและยาวกว่า30 เมตรไปที่ฉิงเฟิง มันตัดผ่านอากาศจนฉีกกระจายตลอดทั้งเส้นทาง
ฟุ่บ!
ฉิงเฟิงใช้ก้าวมังกรและหลบเลี่ยงการโจมตีได้อย่างรวดเร็ว
หางของไฮดร้าไฟกระแทกพื้นจนทำให้เกิดรอยแตกยาวนับสิบเมตรจากรอยแตกลึกนั่น ก้อนหินและพื้นดินถูกกระแทกขึ้นสู่อากาศ
“
หมัดที่สาม– สวรรค์พินาศ โลกาสลาย
!
“
ฉิงเฟิงเหวี่ยงหมัดทลายนรกานต์สวนออกไปหมัดของเขาฉีกผ่านชั้นบรรยากาศและพื้นดินจนเป็นทางยาว มายาหมัดสีดำขนาดมหึมาพุ่งเข้าหาไฮดร้าไฟอย่างโหดเหี้ยม
ปัง
!!!~
หมัดของฉิงเฟิงกระแทกเข้าใส่ไฮดร้าอย่างจังจนเกิดเสียงดังกึกก้องแต่มันกลับไม่ปรากฏแม้แต่ริ้วรอยใดๆบนร่างกายของมัน เนื่องจากมันเป็นสัตว์อสูรในขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ เนื้อหนังของมันก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ถูกสยบด้วยหมัดทลายนรกานต์แต่พลังหมัดที่ปะทุก็ทำให้มันบิดตัวด้วยความเจ็บปวด
“เจ้ามนุษย์บัดซบ! ข้าจักเผาเจ้าทั้งเป็น !”
ซูม!
ไฮดร้าไฟพ่นลูกบอลสีแดงขนาดใหญ่ที่บรรจุไว้ด้วยพลังงานจำนวนมาก มวลไฟก้อนนี้มีกำลังทวีคูณมากกว่าด้วยอุณหภูมิที่สูงถึงกว่า 1,800 องศาเซลเซียส มันส่องสว่างไปทั่วชั้นบรรยากาศยามมันพุ่งเข้าหาฉิงเฟิง
“
เพลิงภูเขาไฟระเหย
!
“
ฉิงเฟิงรวบรวมพลังแท้ธาตุไฟทั้งมวลไว้ในร่างกายของเขาและส่งผ่านไปยังกระบี่เพลิงคะนองเปลี่ยนมันให้กลายเป็นภูเขาไฟสีขาวขนาดมหึมา
มายาภูเขาไฟสีขาวจากวิชากระบี่ของฉิงเฟิงนั้นบรรจุไปด้วยเปลวเพลิงสีขาวที่มีอุณหภูมิถึง1500 องศาเซลเซียส เมื่อมวลไฟทั้งสองปะทะกัน มันก็เกิดเสียงอึกทึกขึ้น
มันสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าเปลวเพลิงสีขาวกระจายออกอย่างสมบูรณ์ภายใต้เปลวเพลิงสีแดงของไฮดร้าเพลิงภูเขาไฟระเหยของฉิงเฟิงนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่อาจต่อกรกับเปลวเพลิงของอีกฝ่ายได้
ฉิงเฟิงถอยร่นไปหลายก้าวเพื่อหลีกเลี่ยงจากพลังของเปลวเพลิงสีแดงที่ยังตกค้างอยู่ดวงตาของเขาทอประกายเย็นชา
“
เจ้าหนูไฮดร้าไฟตัวนี้แข็งแกร่งมาก ระดับของเจ้ายังไม่อาจต่อกรกับมันได้หรอก อีกทั้งวันนี้เจ้าก็ใช้หมัดมังกรเพลิงไปแล้วจึงไม่อาจใช้ได้อีก แต่… เจ้ายังมีไพ่ตายอยู่อีกใบ จงกระตุ้นพลังสายเลือดมังกรในร่างของเจ้าเพื่อสะกดข่มมันซะ”
เสียงของจักรพรรดิราตรีดังขึ้นในใจของฉิงเฟิง
ฉิงเฟิงพยักหน้ารับเขารู้ดีว่าโลหิตมังกรในร่างของเขาเป็นโลหิตจากสายเลือดของสัตว์เทวะบรรพกาล มันมีความสามารถในการสะกดข่มเหนือสัตว์อสูรประเภทนี้
ครืนนนน! ฉิงเฟิงกระตุ้นโลหิตมังกรภายในร่างร่างกายของเขาเดือดพล่านและเสียงตูมที่ดังกึกก้องก็ถูกปลดปล่อยออกมา ลมหายใจของมังกรเทวะแผ่ซ่านออกมาจากมือของเขา นี่คือพลังที่ยังคงอยู่ของโลหิตมังกรบรรพกาล
ภายใต้การสะกดข่มของลมหายใจมังกรเทวะไฮดร้าไฟก็ฟุบร่างของมันลงกับพื้นด้วยความหวาดกลัว
แม้ว่ามันจะเป็นสัตว์อสูรในขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ขั้นต้นแต่มันก็ยังหวาดกลัวต่อลมหายใจของมังกรเทวะเป็นธรรมดา มันเป็นความหวาดกลัวจากก้นบึ้งของสายเลือดและจิตวิญญาณ
เมื่อได้เห็นไฮดร้าไฟฟุบลงกับพื้นฉิงเฟิงก็พาทุกคนออกจากอาณาเขตของมันโดยไม่ต้องลงมือใดๆอีก
……………
ราตรีมาเยือนอย่างช้าๆดวงอาทิตย์ตกดินและจันทราเผยขึ้นบนท้องฟ้า ทั่วทั้งแดนต้องห้ามคุนหลุนตกสู่ความมืดมิดอย่างสมบูรณ์มันเป็นช่วงเวลาดั่งสวรรค์ของเหล่าสัตว์อสูร เห็นได้ชัดจากเสียงโหยหวนและเสียงคำรามที่มาจากทุกทิศทุกทาง
“เฟิงน้อยพวกเรายังอยู่ห่างจากจุดที่พ่อของเจ้าถูกพันธนาการอีกร่วมร้อยไมล์ ตอนนี้ก็มืดแล้ว คงเดินทางต่อไม่สะดวก พวกเราพักกันก่อนเถอะ”
ราชาอสูรมีดวายุกล่าวในขณะที่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืน
“ได้ครับท่านอาจารย์พวกเราหาที่พักกันก่อนคืนนี้” ฉิงเฟิงพยักหน้า
เขาตระหนักได้ถึงอันตรายที่ซุ่มซ่อนอยู่ทั่วแดนต้องห้ามและมันก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นในเวลากลางคืน
……….
ยามราตรีดวงดาวนับล้านๆดวงลอยอยู่เหนือท้องฟ้าและมันก็ส่องแสงสุกสกาวเป็นประกายระยิบระยับ
หากเป็นในเมืองมันเป็นไปไม่ได้ที่จะได้เห็นดวงดาวอย่างชัดเจนเช่นนี้เนื่องจากมลภาวะของเมืองบดบังแสงสว่างของดวงดาว
ฉิงเฟิงนั่งขัดสมาธิและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเขามองไปที่ดาราผู้พิชิตอันลึกลับดวงนั้น มันส่องแสงสว่างและทอประกายมากที่สุดในบรรดาดาวนับล้านดวงบนท้องฟ้าทางทิศเหนือ เปล่งแสงสีขาวที่ทรงพลังราวกับว่ามันเป็นผู้พิชิตทุกสรรพสิ่งอย่างแท้จริง
ท้องฟ้าแบ่งออกเป็นห้าส่วนทิศเหนือ ใต้ ออก ตก และศูนย์กลาง มีดวงดาวนับพันล้านดวงในทุกทิศที่ส่องสว่างไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน
แสงสีเงินจากดวงดาวที่เปล่งออกมาจากดาราผู้พิชิตกำลังอาบไล้ร่างกายของฉิงเฟิงและถูกเขาดูดซับเข้าสู่ร่างกายทีละน้อย
แสงที่เปล่งออกมาจากดาราผู้พิชิตนั้นแตกต่างจากแสงอื่นๆเพราะมันไม่ได้เป็นแก่นพลังแต่มันเป็นพลังงานอีกชนิดหนึ่งที่ทรงพลังยิ่งกว่า
ฉิงเฟิงชูมือขึ้นบนท้องฟ้าและเริ่มท่องบทสวดแปลกๆออกมาเขาเปิดใช้งานเคล็ดวิชาที่พ่อของเขาเคยทิ้งไว้ให้และเริ่มดูดซับพลังจากดวงดาราอย่างไม่ลดละ