My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1037 สามประมุขพร้อมหน้า !
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1037 สามประมุขพร้อมหน้า !
ตอนที่ 1037 สามประมุขพร้อมหน้า !
ราชันกระบี่เนี่ยอู๋ซวงยิ้มแผ่วเบาและกล่าวว่า“ฉิงเฟิง ข้ามาที่นี่ผ่านถ้ำลึกลับ”
ฉิงเฟิงเขกหัวตนเองเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เนี่ยอู๋ซวงเคยบอกเขาเกี่ยวกับถ้ำมิติที่ลึกลับแห่งหนึ่งในแดนต้องห้ามที่เชื่อมต่อกับโลกภายนอกได้เขาลืมเสียสนิทและไม่คิดว่าเนี่ยอู๋ซวงจะพบมันจริงๆ
“ท่านลุงเนี่ยท่านทะลวงผ่านถึงขอบเขตจิตโลกาแล้ว ”
ฉิงเฟิงรู้สึกประหลาดใจเมื่อเขาสัมผัสได้ว่าเนี่ยอู๋ซวงมีพลังในระดับจิตโลกาเช่นเดียวกับเขา
ครั้งล่าสุดที่พบกันเนี่ยอู๋ซวงเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ในระดับแกรนด์มาสเตอร์เท่านั้น ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของราชันกระบี่ผู้นี้ทำให้ฉิงเฟิงตกตะลึง
“ฉิงเฟิงที่นี่เต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่ามากมาย ข้าทะลวงด่านจิตโลกาได้อย่างรวดเร็วก็เพราะกินผลวิญญาณโลกา” เนี่ยอู๋ซวงกล่าวกลั้วหัวเราะ เขาโชคดีมากที่ได้พบผลไม้ชนิดนี้ มันเป็นสมบัติที่หายากอย่างไม่น่าเชื่อ
ฉิงเฟิงรู้สึกยินดีเมื่อได้ยินคำบอกเล่าของเนี่ยอู๋ซวงชายผู้นี้เป็นสหายเก่าแก่ของพ่อเขา การที่เขาก้าวหน้าก็ถือเป็นขุมกำลังสำคัญที่ช่วยให้เขาทรงพลังยิ่งขึ้น
“ฮ่าๆๆที่นี่มีต้นพีชวิญญาณสวรรค์จริงๆหรือนี่ “
ทันใดนั้นเองก็เสียงหัวเราะดังลั่นมันดังมาจากระยะไกล ชายผู้หนึ่งกุมกระบี่ยาวบินมาที่กลุ่มคน
ชายวัยกลางคนสวมชุดดำเปล่งกลิ่นอายอันทรงพลังมหาศาลเขาคือเฮยหวู่หยา ประมุขนิกายดาบทมิฬนั่นเอง
“เฮยหวู่หยาเจ้าเพิ่งได้ดาบทลายฟ้ามาที่สุสานกึ่งราชันวิญญาณ ข้าว่าลูกพีชวิญญาณสวรรค์ควรจะเป็นของข้ามากกว่า” ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นก้องฟ้าและปฐพี
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่แบกศิลายักษ์บินไปยังพื้นที่ดังกล่าว
ศิลายักษ์หนักกว่า30,000 กิโลกรัม แต่ชายวัยกลางคนกลับถือมันโดยไม่มีร่องรอยของความหนักอันใดแม้แต่น้อย ชายผู้นี้คือพานซัน ประมุขนิกายศิลา
“พานซันเจ้าก็เพิ่งได้ผลไม้วิญญาณสวรรค์ไปยังไม่พอใจอีกหรือ ของสิ่งนี้ควรเป็นของข้ามากกว่า” ทันใดนั้นเองก็มีเสียงแปลกๆดังขึ้นจากระยะไกล
มันคือชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งใบหน้าของเขาชวนมอง ดวงตาของเขาเรียวยาว ทั่วร่างเปล่งประกายพลังงานแปลกๆออกมา เขาคือเซี่ยหมิง
เมื่อไม่นานมานี้ทั้งเฮยหวู่หยาพานซันและเซี่ยหมิงได้พบกับสุสานกึ่งราชันวิญญาณ พวกเขาทั้งสามจึงรีบเข้าไปหาสมบัติ แต่สุดท้ายแล้วก็มีเพียงเฮยหวู่หยาและพานซันเท่านั้นที่ได้สมบัติมา เซี่ยหมิงเป็นเพียงผู้เดียวที่คว้าน้ำเหลว
ที่ด้านหลังของประมุขนิกายทั้งสามต่างก็ตามมาด้วยศิษย์สาวกที่ยอดเยี่ยมที่สุดพวกเขาทั้งหมดต่างก็มารวมตัวกันที่หน้าผาทลายฟ้า
วันนี้ผาทลายฟ้าแห่งนี้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นเมื่อมีคนมารวมตัวกันร่วมสองร้อยคน
ทั้งเฮยหวู่หยาและพานซันเหลือบมองเซี่ยหมิงอย่างเย้ยหยันพวกเขาทั้งสองได้หล่อหลอมสมบัติที่เพิ่งได้รับมาสำเร็จจนมีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ขั้นต้นเรียบร้อยแล้ว เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่กริ่นเกรงเซี่ยหมิง
“ท่านประมุขชายผู้นั้นคือหลี่ฉิงเฟิง มันคือผู้สังหารศิษย์เซี่ยตงขอรับ”
หนึ่งในสาวกของนิกายนภาโฉดเอ่ยขึ้นเขาจดจำฉิงเฟิงได้เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นฉิงเฟิงสังหารเซี่ยตงกับตา ดังนั้นเขาจึงแจ้งเซี่ยหมิงทันทีที่เห็น เมื่อได้ยินเช่นนี้ใบหน้าของเซี่ยหมิงก็เปลี่ยนไปและเต็มไปด้วยความโกรธ ทั่วทั้งร่างกายของเขาปลดปล่อยกลิ่นอายที่หนาวเย็นออกมาในขณะที่จ้องมองฉิงเฟิงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร
เซี่ยตงไม่เพียงแค่เป็นศิษย์อันดับหนึ่งของนิกายนภาโฉดเท่านั้นแต่เขายังเป็นบุตรชายของประมุขนิกาย, เซี่ยหมิงอีกด้วย เขาเป็นศิษย์ที่มากด้วยพรสวรรค์และแข็งแกร่งที่สุดในรุ่นเยาว์ของนิกาย ในเมื่อตอนนี้เขาถูกฉิงเฟิงสังหารไปแล้ว เป็นไปได้สูงว่าเซี่ยหมิงย่อมต้องล้างแค้นให้บุตรชายของเขา
“หลี่ฉิงเฟิงวันนี้เจ้าต้องตาย !” ประมุขนิกายนภาโฉด เซี่ยหมิงกล่าวอย่างเย็นชา ใบหน้าของเขามืดครึ้มลง
ฉิงเฟิงตอบโต้ด้วยรอยยิ้มจางๆเขากล่าวด้วยความรังเกียจว่า
“แกคิดว่าทำได้งั้นหรือ ฉันว่าแกคงไม่แข็งแกร่งพอ”
ตอนนี้ฉิงเฟิงสำเร็จเทคนิคที่สองของดรรชนีผู้พิชิตและหมัดที่สามของเพลงหมัดทลายนรกานต์แล้วเขาอาจจะกริ่นเกรงเซี่ยหมิงอยู่บ้างถ้าหากอีกฝ่ายมีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ แต่ในเมื่อชายคนนี้มีพลังเพียงขอบเขตจิตโลกาขั้นสูงสุด เขาไม่ได้เป็นภัยคุกคามเท่าใดนัก
เซี่ยหมิงเปล่งประกายเจตนาฆ่าออกมาจากดวงตาของเขาและดึงหอกยาวออกมามันเป็นหอกที่ยาวถึงสองเมตรครึ่งและมีปลายแหลมคมสีดำ มันหลอมมาจากอุกกาบาตสีดำและมีพลังมหาศาลทั้งในด้านการโจมตีและการป้องกัน
มันถูกแกะสลักไว้ด้วยลวดลายกะโหลกศีรษะดูราวกับภูตผีปีศาจ
นิกายนภาโฉดนั้นเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นนิกายนอกรีตที่แปลกประหลาดมากหลังจากมีคนตาย พวกเขาจะปรับแต่งกระดูกมนุษย์เป็นอาวุธและผนึกวิญญาณมนุษย์ไว้ภายในอาวุธเช่นกัน
“ หอกชั่วร้าย– ทะลุวิญญาณ
!
“
เซี่ยหมิงพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับหอกของเขาการโจมตีของเขาเปลี่ยนเป็นแฟนท่อมวิญญาณสีดำที่พุ่งทะลวงเข้าสู่จิตใจของฉิงเฟิง เซี่ยหมิงต้องการทำลายพลังวิญญาณของเขา
“
เกลียวคลื่นวิญญาณคู่
!”
ฉิงเฟิงนำพลังงานวิญญาณทั้งมวลของเขาส่งผ่านเป็นเกลียวคลื่นและปะทะเข้ากับพลังวิญญาณที่ยิงออกมาจากหอกชั่วร้าย
ตูม
!!
คลื่นพลังวิญญาณทั้งสองสายชนกันก่อให้เกิดพายุลูกใหญ่ภายในส่วนลึกของจิตใจทั้งคู่พลังงานวิญญาณของพวกเขารุนแรงเหมือนทะเลที่บ้าคลั่งและก่อให้เกิดคลื่นสูงกว่าสิบเมตร
ถึงแม้ว่าสมองของคนเราจะมีขนาดเล็กแต่โลกวิญญาณภายในจิตก็ไร้ที่สิ้นสุด มันราวกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
“หลี่ฉิงเฟิงนี่เจ้ารู้เคล็ดวิชาลับพวกนี้ด้วย ” เซี่ยหมิงรู้สึกประหลาดใจมาก
เคล็ดวิชาลับทางจิตวิญญาณฝึกฝนยากมากเนื่องจากมันต้องอาศัยความสามารถและพรสวรรค์ระดับสูงในการเข้าถึงนอกจากนี้ยังต้องมีพลังวิญญาณในร่างที่สูงส่งพอ ผู้ฝึกสำเร็จมีเพียงหนึ่งในล้านเท่านั้น
“หลี่ฉิงเฟิงอย่าได้ใจไปนัก ข้าจะใช้วิชาที่ทรงพลังกว่านี้จัดการกับเจ้า”
เซี่ยหมิงหัวเราะอย่างเยือกเย็นและเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีขั้นสุดท้ายของเขา
“ หอกชั่วร้าย
–
สองวิญญาณแปรเปลี่ยน
!”
เซี่ยหมิงใช้พลังงานของเขาส่งผ่านไปยังหอกในมือเปลี่ยนมันเป็นหอกคลื่นวิญญาณยักษ์สองสาย การโจมตีครั้งนี้เหนือกว่าครั้งที่แล้วอย่างเทียบกันไม่ติด มันพุ่งเข้าหาส่วนลึกภายในจิตใจของฉิงเฟิง
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังของหอกวิญญาณทั้งสองสายฉิงเฟิงไม่กล้าเสียสมาธิ เขาเปิดใช้งานวิชาเกลียวคลื่นวิญญาณคู่ทันที
ฉัวะ
!
วิญญาณคู่ที่อยู่ในหอกวิญญาณของเซี่ยหมิงนั้นทรงพลังเกินไปมันตัดผ่านเกลียวคลื่นวิญญาณคู่ทันทีและทะลุทะลวงเข้าสู่ส่วนลึกภายในจิตวิญญาณของฉิงเฟิง
เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างลึกล้ำภายในจิตเขาตระหนักได้ว่าเซี่ยหมิงผู้นี้สมแล้วที่เป็นประมุขนิกายนภาโฉด การโจมตีทางวิญญาณของเขานั้นทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ ฉิงเฟิงไม่สามารถป้องกันการโจมตีเหล่านี้ได้ เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงในสมอง
เมื่อเห็นว่าฉิงเฟิงได้รับบาดเจ็บฮวาเซียนจือ ฉินเซียนจื่อต่างก็เป็นกังวล อย่างไรก็ตาม พวกเธอไม่คุ้นชินกับการโจมตีทางวิญญาณ ดังนั้นพวกเธอจึงไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้
โฮก
!
ทันใดนั้นเองมังกรไฟในส่วนลึกของจิตใจฉิงเฟิงก็คำรามออกมาอย่างกระทันหันแม้นว่ามันจะเป็นเพียงเสี้ยววิญญาณที่หลงเหลืออยู่ แต่มันก็ยังมีพลังวิญญาณจำนวนมาก
มังกรไฟเปิดปากกว้างและกลืนหอกวิญญาณทั้งสองทันทีและเปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณของมันเอง
เซี่ยหมิงที่ได้เห็นว่าฉิงเฟิงออกอาการเจ็บปวดเล็กน้อยแล้วหยุดไปก็ตกตะลึงถึงขีดสุดเขารู้ดีว่าฉิงเฟิงไม่ได้มีพลังวิญญาณแข็งแกร่งเท่าเขา แล้วทำไมการโจมตีของเขาจู่ๆถึงได้ไร้ผล
สิ่งที่เซี่ยหมิงไม่รู้ก็คือถึงแม้ว่าพลังงานวิญญาณของฉิงเฟิงจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับเขา แต่ในส่วนลึกของจิตวิญญาณมีมังกรไฟดำรองอยู่ มันคือมังกรเทวะบรรพกาล ตัวตนที่ทรงอำนาจอย่างสุดขั้ว