My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1038 ปะทะอาวุโสใหญ่นิกายนภาโฉด
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1038 ปะทะอาวุโสใหญ่นิกายนภาโฉด
ตอนที่ 1038 ปะทะอาวุโสใหญ่นิกายนภาโฉด
“เจ้าโง่ใช้การโจมตีที่แกร่งที่สุดของแกมาที่ฉันเลยซี่” ฉิงเฟิงยืนหยัดและหัวเราะอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
เซี่ยหมิงโกรธเกรี้ยวมากเขาไม่ยอมต่อความโอหังของชายหนุ่มผู้นี้และใช้การโจมตีทางวิญญาณออกไปอีกนับสิบครั้ง พลังงานวิญญาณเหล่านี้แปลงสภาพเป็นหอกวิญญาณนับสิบสาย มันเจาะทะลุเข้าสู่ส่วนลึกในจิตของฉิงเฟิง
แต่การโจมตีเหล่านี้ก็ถูกกลืนกินหายไปโดยมังกรไฟในจิตของฉิงเฟิงทันทีที่พวกมันย่างกรายเข้ามามวลพลังงานวิญญาณเหล่านี้ส่วนใหญ่ถูกมังกรไฟดูดซับเอาไว้ และส่วนที่เหลือจะถูกหลอมรวมเข้ากับฉิงเฟิง
“ไอ้โง่เง่า! เอาอีกเซ่ มาเลยไอ้กระจอก มาดิวะ ! การโจมตีทางวิญญาณของแกโคตร
ตอนที่ 1038 ปะทะอาวุโสใหญ่นิกายนภาโฉด
“เจ้าโง่ใช้การโจมตีที่แกร่งที่สุดของแกมาที่ฉันเลยซี่” ฉิงเฟิงยืนหยัดและหัวเราะอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
เซี่ยหมิงโกรธเกรี้ยวมากเขาไม่ยอมต่อความโอหังของชายหนุ่มผู้นี้และใช้การโจมตีทางวิญญาณออกไปอีกนับสิบครั้ง พลังงานวิญญาณเหล่านี้แปลงสภาพเป็นหอกวิญญาณนับสิบสาย มันเจาะทะลุเข้าสู่ส่วนลึกในจิตของฉิงเฟิง
แต่การโจมตีเหล่านี้ก็ถูกกลืนกินหายไปโดยมังกรไฟในจิตของฉิงเฟิงทันทีที่พวกมันย่างกรายเข้ามามวลพลังงานวิญญาณเหล่านี้ส่วนใหญ่ถูกมังกรไฟดูดซับเอาไว้ และส่วนที่เหลือจะถูกหลอมรวมเข้ากับฉิงเฟิง
“ไอ้โง่เง่า! เอาอีกเซ่ มาเลยไอ้กระจอก มาดิวะ ! การโจมตีทางวิญญาณของแกโคตรกระจอกเลย เมื่อเช้าไม่ได้กินข้าวเช้ามารึไง ” ฉิงเฟิงสบถด่าทอเซี่ยหมิงอย่างหยาบคาย
เมื่อเห็นว่าฉิงเฟิงก้นด่าสาปแช่งอีกฝ่ายอย่างหยิ่งยโสฮวาเซียนจือและฉินเซียนจื่อต่างก็หันไปมองหน้ากันและพูดอะไรไม่ออก
ไม่เพียงแค่พวกเธอเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงลูกหมาสีดำอีกด้วยแม้แต่ตัวมันเองก็งุนงงกับอาการยโสโอหังของเขา
ใบหน้าของเซี่ยหมิงเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มเขารู้สึกราวกับว่าปอดของเขากำลังจะระเบิดจากความโกรธ นับตั้งแต่เขาเป็นประมุขนิกายนภาโฉดมาหลายปี เขาไม่เคยถูกผู้ใดด่าทอเช่นนี้มาก่อน หลี่ฉิงเฟิงเป็นคนแรกและคนเดียวเท่านั้น
ฟุ่บฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ …
เซี่ยหมิงยิงหอกวิญญาณออกไปมากกว่าหนึ่งร้อยสายด้วยพลังวิญญาณทั้งหมดในร่างของเขามันพุ่งเข้าหาฉิงเฟิงด้วยอำนาจมหาศาล ด้วยการโจมตีครั้งนี้เขาต้องการทำลายจิตใจของฉิงเฟิงให้กลายเป็นคนบ้าโดยสิ้นเชิง
ในครั้งแรกที่เห็นหอกวิญญาณนับร้อยที่เจาะสมองของเขาฉิงเฟิงก็ตกตะลึงมาก แต่กระนั้นมังกรไฟในจิตของเขาก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งและเปิดปากสูบการโจมตีจากหอกวิญญาณทั้งหมดลงท้องและกลายเป็นพลังวิญญาณของมันเอง
เมื่อมังกรไฟกลืนกินหอกพลังวิญญาณมหาศาลเหล่านั้นเข้าไปสีหน้าของเซี่ยหมิงก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินและกระอักเลือดคำโตออกมา
พลังงานวิญญาณเป็นหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดในร่างกายมนุษย์เมื่อได้รับบาดเจ็บ ร่างกายก็จะได้รับอันตรายเช่นกัน
เซี่ยหมิงโซเซเกือบจะล้มลงกับพื้นในขณะที่หอกดำของเขาหลุดจากมือมันคือหลักฐานว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
“อะไรกัน ประมุขนิกายนภาโฉดพ่ายแพ้ ?” “ใช่ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าเซี่ยหมิงจะพ่ายให้กับหลี่ฉิงเฟิง นี่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด !”
“พลังวิญญาณของชายหนุ่มคนนี้ทรงพลังนักถึงสามารถเอาชนะเซี่ยหมิงได้”
ผู้คนรอบข้างต่างตกตะลึงด้วยความตกใจเมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าของพวกเขา
ก่อนการต่อสู้ทุกคนต่างชื่นชมยินดีต่อเซี่ยหมิงและคิดว่าเขาจะต้องชนะอย่างง่ายดาย แต่จินตนาการของพวกเขากับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงกลับตรงกันข้าม พวกเขาไม่คิดว่าเซี่ยหมิงจะเป็นฝ่ายแพ้
แม้แต่เฮยหวู่หยาและพานซันต่างก็ประหลาดใจกับสิ่งที่พวกเขาเห็น
พวกเขาคุ้นเคยกับพลังวิญญาณอันทรงพลังของเซี่ยหมิงเป็นอย่างดีแม้แต่พวกเขายังไม่สามารถเอาชนะเซี่ยหมิงได้ในด้านพลังวิญญาณ แต่เซี่ยหมิงกลับพ่ายแพ้หลี่ฉิงเฟิง พลังวิญญาณในร่างของชายหนุ่มผู้นี้แปลกประหลาดเกินไป แต่แน่นอนว่าหากให้พูดอย่างชัดเจนฉิงเฟิงไม่ใช่ผู้ที่เอาชนะเซี่ยหมิงแต่เป็นเสี้ยววิญญาณของมังกรไฟในส่วนลึกของจิตมากกว่าที่กลืนกินการโจมตีทางวิญญาณทั้งหมดของเซี่ยหมิง
“ท่านประมุขเป็นอะไรหรือไม่ขอรับ !” ผู้อาวุโสของนิกายนภาโฉดรีบวิ่งไปหาเซี่ยหมิง
เซี่ยหมิงส่ายหัวและกล่าวว่า“ข้าไม่เป็นไร.. หลี่ฉิงเฟิงมีพลังวิญญาณที่แปลกประหลาดจริงๆเขาสามารถกลืนกินการโจมตีทางวิญญาณทั้งหมดของข้าได้ เจ้าจงโจมตีมันด้วยพลังทางกายภาพซะ”
อาวุโสพยักหน้าในขณะที่หันหน้าไปหาฉิงเฟิงเขาคือชายชราที่มีอายุราวๆ 70 ปี และมีผมหงอกขาว ร่างกายของเขาเปล่งพลังอันรุนแรงออกมาทั่วร่าง เขาเป็นผู้ฝึกตนที่มีพลังในขอบเขตจิตโลกาขั้นสูงสุด
“หลี่ฉิงเฟิงถึงแม้ว่าเจ้าจะมีพลังวิญญาณที่แปลกประหลาด แต่อย่างไรเสีย ความแข็งแกร่งของร่างกายเจ้าก็อยู่ระดับจิตโลกาขั้นกลาง ข้าจะฆ่าเจ้าซะ” ผู้อาวุโสกล่าวอย่างเย็นชา ใบหน้าของเขามืดครึ้ม
ฉิงเฟิงบุ้ยปากและกล่าวอย่างหยิ่งยโสว่า“อยากตายก็เข้ามา อย่าพล่ามให้เสียเวลา”
เขาคิดในใจว่าอาวุโสผู้นี้ช่างไร้เดียงสาจริงๆที่คิดจะมาปะทะกับเขาด้วยพลังทางกายภาพ
เมื่อได้ยินคำพูดของฉิงเฟิงดวงตาของอาวุโสก็เปล่งประกายด้วยความเย็นชา เขาอดใจรอไม่ไหวที่จะฆ่าเด็กบัดซบผู้นี้
อาวุโสดึงกระบี่ยาวสีดำออกมาทั่วทั้งตัวกระบี่เป็นสีดำและสลักไว้ด้วยลวดลายโครงกระดูกที่ด้านบน ชื่อของมันคือกระบี่ทมิฬเหี้ยม มันเป็นอาวุธวิญญาณระดับโลกาขั้นสูงสุดที่ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ
“
โครงกระดูกทมิฬเหี้ยม
!
“ ผู้อาวุโสส่งผ่านพลังทั้งหมดเข้าสู่ตัวกระบี่เกิดเป็นมายาโครงกระดูกสีดำที่ฟาดฟันเข้าหาฉิงเฟิง
โครงกระดูกสีดำพวกนี้มีพลังงานอันน่าเหลือเชื่อมันมีขนาดใหญ่ถึง 50 เมตรและมาถึงตรงหน้าฉิงเฟิงแทบจะทันที
“
เพลิงภูเขาไฟระเหย
!
“
ฉิงเฟิงไม่กล้าเสียสมาธิเขาปลดปล่อยกระบวนท่าที่สี่ของวิชากระบี่เพลิงภูเขาไฟออกมาอย่างรวดเร็ว พลังงานกระบี่ของเขากลายสภาพเป็นมายาภูเขาไฟสีขาวและเปลวเพลิงสีขาวที่ร้อนระอุ
เปลวไฟสีขาวชนกับโครงกระดูกยักษ์และเปลี่ยนพวกมันจนกลายเป็นเถ้าถ่านเปลวเพลิงสีขาวคือหายนะต่อสิ่งชั่วร้ายเช่นโครงกระดูกสีดำเหล่านี้ เมื่อได้เห็นเห็นโครงกระดูกสีดำของเขาหายไปอาวุโสก็รีบยกกระบี่ยาวขึ้นและเสือกแทงเข้าใส่หัวใจของฉิงเฟิงด้วยความเร็วดั่งสายฟ้าฟาด
ในช่วงเวลานั้นฉิงเฟิงก็ปลดปล่อยเจตน์กระบี่เพลิงที่ล้อมรอบทั่วบริเวณนั้นไว้ด้วยเปลวไฟสีแดง มันคือโชคร้ายสำหรับอาวุโสที่เข้ามาอยู่ในรัศมีของเจตน์กระบี่เสียแล้ว
ฉิงเฟิงมองอีกฝ่ายอย่างสงบและสะบัดกระบี่ในมือออกไปข้างหน้าจนทำให้กระบี่ยาวของอาวุโสแตกเป็นสองส่วน
อาวุโสตกตะลึงเมื่อได้เห็นว่ากระบี่ของเขาหักครึ่งกระบี่เล่มนี้เป็นอาวุธวิญญาณระดับโลกาขั้นสูงสุด เหตุใดมันถึงถูกทำลายง่ายดายเช่นนี้
เจตน์กระบี่
ใช่แล้วมันต้องเป็นเจตน์กระบี่อย่างแน่นอน
อาวุโสขบคิดในใจเขาสัมผัสได้ถึงรัศมีของเปลวไฟอันทรงพลังที่โอบล้อมตัวเขา
“หลี่ฉิงเฟิงนี่เจ้าเรียนรู้เจตน์กระบี่แล้ว !”
“ถูกแต่แกอายุปูนนี้ก็ยังไม่อาจเข้าถึงมันได้ แบบนี้เรียกโง่เง่าใช่ไหม”
“เจ้าเจ้า เจ้า เจ้า … !” อาวุโสชี้นิ้วของเขาที่สั่นเทาไปที่ฉิงเฟิงด้วยความโกรธแค้น เขาโกรธมากจนไม่อาจพูดได้จบประโยค
เขาเป็นถึงผู้อาวุโสแห่งนิกายนภาโฉดและเป็นยอดฝีมือระดับจิตโลกาขั้นสูงสุดซึ่งได้รับความเคารพจากสาวกทั้งหมดของนิกาย
ในโลกของผู้ฝึกตนเขาได้รับการยกย่องอย่างสูง เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าวันนี้จะถูกด่าเป็นคนโง่เง่า เขาไม่ได้ถูกดูหมิ่นเหยียดหยามเพียงอย่างเดียว แต่เขาถูกทำให้อับอายขายหน้าต่อสาธารณะชนอีกด้วย
“ตาแก่โง่ฉันบอกแล้วว่าแกมันโง่เง่า ในเมื่อฉันเพิ่งผ่ากระบี่ของแกออกเป็นสองเสี่ยง ดังนั้นครั้งนี้ฉันจะจบชีวิตที่น่าสมเพชของแกให้ด้วย” ฉิงเฟิงกล่าวเย้ยหยันอีกครั้งด้วยแววตาเย็นชา
เขาเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรวดเร็วดั่งเสือชีต้าและมาอยู่ตรงหน้าอาวุโสใหญ่แห่งนิกายนภาโฉดในทันที
ฉิงเฟิงวาดกระบี่เพลิงคะนองเข้าใส่ผู้อาวุโสโดยที่อีกฝ่ายยกฝ่ามือที่เปลี่ยนเป็นฝ่ามือยักษ์สีเลือดขึ้นปัดป้องและพยายามที่จะต่อต้านอย่างไรก็ตาม ด้วยเจตน์กระบี่และกระบี่เพลิงคะนอง พวกมันทรงพลังเกินไปและตัดผ่าฝ่ามือยักษ์เป็นสองส่วนทันที
ฉัวะ!
หลังจากกระบี่ของฉิงเฟิงผ่านการป้องกันของฝ่ามือยักษ์มันก็แล่นผ่านไปฟันมือของอีกฝ่ายจนขาดอีกด้วย