My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1039 สายเลือดกะโหลก
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1039 สายเลือดกะโหลก
ตอนที่ 1039 สายเลือดกะโหลก
เมื่อเห็นมือที่ถูกตัดอาวุโสนิกายนภาโฉดก็เปิดปากเพื่อจะส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆเล็ดรอดออกมาแม้แต่น้อยเพราะกระบี่ของฉิงเฟิงแทงที่ลำคอของเขาจนเกิดหลุมใหญ่
ฉูด…
เลือดจำนวนมากพุ่งออกมาจากรูโหว่ที่คอของอาวุโส
เขากุมคอเอาไว้และร่วงลงกับพื้นพร้อมทั้งบิดไปบิดมาจนขาดใจตาย
ผู้อาวุโสของนิกายนภาโฉดได้ตายลงในที่สุด
ผู้คนรอบข้างอ้าปากค้างต่อภาพที่เห็นดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
อาวุโสใหญ่ที่มีชื่อเสียงมานานของนิกายนภาโฉดถูกสังหารด้วยน้ำมือหลี่ฉิงเฟิงอย่างรวดรับเช่นนี้ได้อย่างไร ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของหลี่ฉิงเฟิงนั้นแข็งแกร่งเกินไปแล้ว !
“คุณหนูฉินความแข็งแกร่งของพี่ใหญ่หลี่เพิ่มขึ้นอีกแล้ว ตอนนี้แม้แต่ข้าคงไม่ใช่คู่มือของเขาอีกต่อไป” ฮวาเซียนจือกล่าวด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์
ฉินเซียนจื่อพยักหน้าและกล่าวว่า“พี่ใหญ่ฉิงเฟิงเป็นอัจฉริยะ ข้าก็ไม่ใช่คู่มือเขา”
ต้องรู้ว่าทั้งฮวาเซียนจือและฉินเซียนจื่อไม่ใช่คนธรรมดาเพราะพวกเธอมีพลังลึกลับที่ผนึกอยู่ในร่าง แต่กระนั้นพวกเธอก็ยังยอมรับว่าฉิงเฟิงแข็งแกร่งกว่าพวกเธอ
“เซี่ยหมิงมือดีของแกลงนรกไปแล้ว ต่อไปก็ตาแกล่ะ” ฉิงเฟิงเดินไปที่เซี่ยหมิงด้วยจิตสังหารที่แผ่ซ่านออกมาทั่วร่างกายของเขา
การแสดงออกของเซี่ยหมิงเปลี่ยนไปเขารู้สึกหวาดกลัวกับความจริงที่ว่าลูกน้องคนสำคัญของเขาถูกหลี่ฉิงเฟิงสังหารไปแล้ว
เขารู้สึกว่าต้องหงายไพ่ทั้งหมดแล้วในเวลานี้เพราะชายหนุ่มเบื้องหน้าแข็งแกร่งทั้งพลังกาย พลังวิญญาณและวิชากระบี่
“พลังสายเลือดหัวกะโหลก!”
เซี่ยหมิงท่องบทสวดและเปิดใช้งานสายเลือดกะโหลกในร่างของเขามันเป็นสายเลือดที่ทรงพลังที่สืบทอดมาจากเทพกะโหลกบรรพกาล
ตามตำนานกล่าวไว้ว่าเทพกะโหลกคือกะโหลกขาวที่ดูดซับกลิ่นอายความชั่วร้ายในธรรมชาติและพัฒนาเป็นวิญญาณที่แข็งแกร่งด้วยจิตวิญญาณของตัวเอง
หลังจากเปิดใช้งานสายเลือดกะโหลก,เซี่ยหมิงก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยความชั่วร้ายที่แข็งแกร่งและระดับพลังของเขาก็พุ่งสู่ขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ที่ทรงพลังยิ่งกว่าฉิงเฟิง
เขายกมือขวาขึ้นและพลังงานความชั่วร้ายในร่างกายของเขาก็เปลี่ยนเป็นฝ่ามือใหญ่ยักษ์ยาวถึง 80 เมตร จากนั้นฝ่ามือขนาดใหญ่นี้ก็กระแทกเข้าหาฉิงเฟิงอย่างดุเดือด
เมื่อได้รับรู้ถึงพลังชั่วร้ายที่เปล่งออกมาจากสายเลือดกะโหลกสีหน้าของฉิงเฟิงก็กลายเป็นมืดมน
ในเวลานี้เซี่ยหมิงทรงพลังมากแม้แต่กลิ่นอายรอบตัวก็น่าหวาดผวายิ่ง
ฉิงเฟิงรู้ว่าเขาไม่สามารถต่อสู้กับอีกฝ่ายได้ด้วยความแข็งแกร่งทางกายภาพอีกต่อไปตั้งแต่ที่เซี่ยหมิงเปิดใช้งานสายเลือดกะโหลก พลังของเขาก็ไปถึงระดับครึ่งก้าวจิตวิญญาณสวรรค์
“
สายเลือดผู้กลืนกิน
!”
ฉิงเฟิงคำรามเสียงต่ำและเปิดใช้งานสายเลือดของเขาเข้าต่อกร
ดวงตาและร่างกายของฉิงเฟิงเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดในขณะที่วังวนสีดำปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเขา กระแสน้ำวนดูเหมือนกับหลุมดำที่หมุนอย่างต่อเนื่องราวกับว่ามันพยายามดูดซับทุกสิ่งที่อยู่ภายใน
ตูม
!
กระแสวังวนสีดำปรากฏออกมาพร้อมกับฉีกกระชากบรรยากาศโดยรอบและกลืนสายเลือดกะโหลกเข้าไปทำให้พลังนั้นกลายเป็นพลังงานของมันเอง
หลังจากกลืนกินสายเลือดกะโหลกเข้าไปแล้วแก่นพลังแท้ของฉิงเฟิงก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วระดับพลังของเขายกระดับจากขอบเขตจิตโลกาขั้นกลางไปสู่ขั้นสูงสุด ซึ่งอยู่ห่างจากขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์เพียงหนึ่งก้าวเท่านั้น !
แต่การจะเข้าถึงระดับจิตวิญญาณสวรรค์นั้นการกลืนกินพลังเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอผู้ฝึกจำเป็นจะต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเส้นทางการบ่มเพาะพลัง แต่ฉิงเฟิงก็ยังรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับการยกระดับของเขาสู่จุดสุดยอดของขอบเขตจิตโลกาต้องขอบคุณสายเลือดกะโหลกที่เขากลืนกินเข้าไป
ความแข็งแกร่งของสายเลือดและแก่นชีวิตมีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิดดังนั้นเมื่อพลังของฉิงเฟิงเพิ่มขึ้นก็หมายถึงพลังที่ลดลงของเซี่ยหมิง
ฉูด
!
เซี่ยหมิงพ่นเลือดออกมาเต็มปากเต็มคำใบหน้าของเขาซีดเซียวและอ่อนแอจนเดินสะดุดล้ม
ด้วยการสูญเสียพลังสายเลือดเซี่ยหมิงสูญเสียแก่นชีวิตและระดับพลังก็ลดลงถึงครึ่งหนึ่ง
ฉัวะ
!
ฉิงเฟิงไม่ปล่อยโอกาสให้เสียไปเขาใช้ก้าวมังกรเคลื่อนไหวไปด้านข้างเซี่ยหมิงอย่างรวดเร็วและตัดศีรษะของเขาด้วยกระบี่เพลิงคะนอง
เซี่ยหมิงประมุขนิกายนภาโฉด ตายแล้ว…
ภาพที่เห็นทำให้ผู้คนรอบข้างต่างก็ตกตะลึงด้วยความไม่เชื่อ
พวกเขาไม่เชื่อสายตาตัวเองเพราะเซี่ยหมิงเป็นถึงหนึ่งในสิบยอดฝีมือที่เก่งกาจที่สุดในบรรดาผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตโลกาและตอนนี้เขาถูกสังหารด้วยน้ำมือของหลี่ฉิงเฟิงด้วยการโจมตีเพียงกระบี่เดียว !
“ละ…หลี่ฉิงเฟิงทรงพลังมาก เขาสังหารประมุขเซี่ยด้วยการโจมตีเพียงกระบี่เดียว !”
“ใช่…และที่สำคัญกว่านั้น ชายคนนี้มีอายุเพียงยี่สิบกว่าปีเท่านั้น เขายังมีอนาคตที่สดใสในเชิงยุทธ์รอเขาอยู่”
“ใช่เขานี่มันปีศาจโดยแท้”
ผู้คนรอบข้างต่างก็คุยกันท่ามกลางความประหลาดใจในดวงตาของพวกเขา
เฮยหวู่หยาประมุขนิกายดาบทมิฬและพานซันประมุขนิกายศิลาต่างก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันเนื่องจากพวกเขารู้ซึ้งถึงพลังของเซี่ยหมิงเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ถึงกับหวาดกลัวฉิงเฟิงจนหัวหดเพราะพวกเขาต่างก็มีพลังในระดับจิตวิญญาณสวรรค์ซึ่งเป็นระนาบพลังที่สูงกว่าถึงหนึ่งขั้นใหญ่
“พานซันในเมื่อพีชวิญญาณมีเพียงลูกเดียว ดังนั้นใครคว้าก่อนได้ก่อนก็แล้ว !”
เฮยหวู่หยากล่าวก่อนที่จะพุ่งเข้าหาลูกพีชวิญญาณ
ส่วนอีกฝ่ายถึงแม้ว่าจะแบกศิลาก้อนใหญ่ไว้กลางหลังแต่เขาก็ยังคล่องตัวและพุ่งไปที่ลูกพีชอย่างรวดเร็วในทันที เขาจ้องมองเฮยหวู่หยาอย่างเย็นชา
เฮยหวู่หยาชักดาบยาวของเขาออกมาและแทงเข้าหาพานซันทันทีอีกฝ่ายคืออุปสรรคที่เขาต้องกำจัดก่อนจึงจะได้ลูกพีชวิญญาณสวรรค์
ชื่อของดาบในมือของเฮยหวู่หยาก็คือดาบฟ้าพินาศมันเป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับสวรรค์ขั้นต่ำที่มีพลังทำลายล้างสูง
ดาบฟ้าพินาศระเบิดอากาศรอบๆออกจนเป็นรอยแตกสีดำหลายจุด
พานซันเหวี่ยงศิลายักษ์ที่กลางหลังเข้าปะทะจนเกิดระเบิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ในอากาศหลังจากกระแทกกับดาบฟ้าพินาศมันเกิดเสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ
คลื่นพลังงานยักษ์แผ่ออกไปด้านนอกมันทำลายต้นไม้บนผาทลายฟ้าจนเละ อย่างไรก็ตาม หินอุกกาบาตสีดำที่อยู่บนหน้าผาก็ยังคงอยู่เหมือนเดิมซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแร่ชนิดนี้เป็นอย่างดี
ศิลาขนาดใหญ่ของพานซันเป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับสวรรค์ขั้นต่ำที่ทำจากหินอุกกาบาตเช่นกันดังนั้น ด้วยอาวุธที่อยู่ในระดับเดียวกัน การจะเอาชนะอีกฝ่ายได้นั้นก็แทบเป็นไปไม่ได้
“พานซันเจ้าคิดจะสู้กับข้างั้นหรือ ” เฮยหวู่หยากล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา
พานซันแสยะยิ้มมุมปากและกล่าวเสียงต่ำว่า“พีชวิญญาณสวรรค์สามารถเพิ่มพลังให้กับผู้ฝึกตนขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ ข้าย่อมต้องการมันเป็นธรรมดา เจ้าไม่น่าถาม”
เมื่อหาทางออกไม่ได้ประมุขของทั้งสองนิกายก็เริ่มสู้กันต่อ การต่อสู้ดุเดือดมากจนพลังงานอันรุนแรงแผ่ออกไปรอบๆและทำให้ท้องฟ้ามืดมน
“
สองคนนี้แข็งแกร่งกว่าเซี่ยหมิงมากแทบจะคนละชั้นกันเลย…”
เมื่อได้เป็นประจักษ์พยานในการต่อสู้ระหว่างเฮยหวู่หยาและพานซันฉิงเฟิงก็ขมวดคิ้วเป็นปม และใบหน้าของเขาก็ดูเคร่งขรึม