My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1040 ทลายผนึกที่สาม กระบี่วิญญาณระดับสวรรค์ขั้นสูงสุด !
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1040 ทลายผนึกที่สาม กระบี่วิญญาณระดับสวรรค์ขั้นสูงสุด !
ตอนที่ 1040 ทลายผนึกที่สาม กระบี่วิญญาณระดับสวรรค์ขั้นสูงสุด !
การต่อสู้ระหว่างเฮยหวู่หยาและพานซันนั้นรุนแรงมากพลังงานที่เพิ่มขึ้นจากการต่อสู้แผ่ขยายออกไปด้านนอกและทำลายต้นพีชวิญญาณสวรรค์จนทำให้ลูกพีชกระเด็นไปไกล
มันกระเด็นไปยังจุดที่ลูกหมาสีดำยืนอยู่…
เมื่อรู้ถึงคุณค่าของลูกพีชลูกหมาสีดำก็รู้สึกเบิกบานใจ มันกระโดดขึ้นไปในอากาศและกลืนลูกพีชวิญญาณสวรรค์เพื่อดูดซับพลังงานอย่างรวดเร็ว
แต่สิ่งที่แปลก็คือท้องของลูกหมาสีดำนั้นเป็นเหมือนหลุมไร้ก้นเพราะแม้กระทั่งกินลูกพีซวิญญาณสวรรค์ที่ทรงพลังเข้าไป ระดับพลังของมันก็ไม่เลื่อนไปสู่ขอบเขตที่สูงกว่า
หากผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตโลกาได้กินลูกพีชสวรรค์เข้าไปคนผู้นั้นจะสามารถทะลวงด่านเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ แต่ลูกหมาสีดำเป็นเหมือนหลุมลึกไร้ก้น เนื่องจากร่างกายของมันใหญ่ขึ้นเพียงเล็กน้อยหลังจากกินแก่นอสูร และบัดนี้ก็เพิ่งกินลูกพีชสวรรค์
“เจ้านี่มันจอมตะกละจริงๆ”ฮวาเซียนจือขดริมฝีปากของเธอและกล่าวกับลูกหมาสีดำ
มันสะบัดหางไปมาและกล่าวว่า“ไม่ใช่ข้าล่ะ พวกมนุษย์ผู้หญิงอย่างเจ้าต่างหากที่เป็นจอมตะกละ”
เมื่อได้ยินคำพูดของมันฮวาเซียนจือก็รู้สึกไม่พอใจ เธอกำหมัดสีชมพูเตรียมจะสั่งสอนมัน ทันใดนั้นก็มีเสียงของเฮยหวู่หยาดังขึ้น
“เจ้าลูกหมาบัดซบแกกล้ากินลูกพีชสวรรค์ ข้าจะถลอกหนังเจ้าทั้งเป็น !”
ใบหน้าของเฮยหวู่หยาซีดเซียวลงด้วยจิตสังหารทั่วดวงตา
พานซันก็มองลูกหมาสีดำด้วยจิตสังหารเช่นกัน
ลูกหมาสีดำฉลาดมากมันวิ่งไปข้างหลังฉิงเฟิงและชี้ไปที่เขาพร้อมกับพูดว่า “อะไรวะ จะฆ่าข้า ผ่านลูกพี่ใหญ่ของข้าไปก่อนโว้ย”
จากคำพูดของลูกหมาสีดำฉิงเฟิงแทบจะอาเจียนเป็นเลือด เขารู้ในทันทีว่ามันกำลังหาเรื่องให้เขาเป็นแพะรับบาปอีกแล้ว…
เฮยหวู่หยาและพานซันจ้องมองไปที่ฉิงเฟิงด้วยตาแววเย็นชาถ้าไม่ใช่เพราะพีชวิญญาณสวรรค์พวกเขาคงจะฆ่าฉิงเฟิงตั้งนานแล้ว และตอนนี้คำพูดของลูกหมาสีดำก็ทำให้พวกเขามีความชอบธรรมในการลงมือ
เฮยหวู่หยาชักดาบฟ้าพินาศออกมาและฟันไปข้างหน้าอย่างฉับพลันกลายเป็นพลังดาบที่ยาวร่วมห้าสิบเมตร
ฉิงเฟิงชักกระบี่เพลิงคะนองออกมาด้วยใบหน้าถมึงทึงและใช้เพลิงภูเขาไฟระเหยเข้าต้านรับมันก่อตัวเป็นเงาร่างของภูเขาไฟสีขาวและปะทะเข้ากับพลังดาบของเฮยหวู่หยา ครืด! ครืด ! ครืด ! ครืด !
ฉิงเฟิงถอยหลังถึงสี่ก้าวแม้แต่กระบี่ในมือของเขาก็สั่นเล็กน้อย ออร่าดาบของเฮยหวู่หยานั้นทรงพลังมากจนเอาชนะเพลิงภูเขาไฟระเหยของเขาได้
“
เจ้าหนูในตอนนี้เจ้าบรรลุถึงจิตโลกาขั้นสูงสุด เจ้ามีพลังพอที่จะทลายผนึกที่สามของกระบี่เพลิงคะนองแล้ว”
เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีจักรพรรดิราตรีก็ส่งข้อความถึงฉิงเฟิง
ฉิงเฟิงนึกขึ้นได้ในทันทีและพยักหน้าด้วยความตื่นเต้นเขากัดนิ้วและหยดเลือดลงบนกระบี่เพลิงคะนองในขณะที่ท่องท่วงทำนองแห่งจิตวิญญาณเพื่อทลายผนึกที่สาม
ตูม
!
ด้วยเสียงระเบิดดังกระหึ่มกระบี่เพลิงคะนองปลดปล่อยลำแสงพลังงานเปลวไฟที่สูงร่วมร้อยเมตรขึ้นสู่ท้องฟ้า มันเป็นสัญญาณของการปลดผนึกที่สาม
มันได้รับการยกระดับเป็นอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์ขั้นสูงสุดแล้วในตอนนี้
และด้วยการทลายผนึกที่สามลำแสงสีแดงสายหนึ่งก็พุ่งเข้าสู่ห้วงจิตของฉิงเฟิง และกลายเป็นชุดวิชาบ่มเพาะพลังระดับสวรรค์ – [เคล็ดวิชากระบี่เพลิงอัสนี]
จากชื่อของมัน,วิชากระบี่เพลิงอัสนีเป็นการรวมกันระหว่างธาตุสองธาตุ ซึ่งก็คือไฟและสายฟ้า ในฐานะหนึ่งในธาตุทั้งห้า ไฟเป็นหนึ่งในพลังพื้นฐานของธรรมชาติ ในขณะที่สายฟ้านั้นรวมเอาธาตุไว้มากหลายเช่น พายุ สายลม ฝน ฟ้าร้องและฟ้าผ่า
ฉิงเฟิงเป็นผู้ที่เรียนรู้อย่างรวดเร็วหลังจากก่อนหน้านี้เขาได้เรียนรู้วิชากระบี่เพลิงคะนองในการทลายผนึกแรก, วิชากระบี่เพลิงภูเขาไฟจากการทลายผนึกที่สอง และตอนนี้ก็เช่นกัน เขาเข้าถึงเคล็ดความทั้งหมดของวิชากระบี่เพลิงอัสนีได้อย่างรวดเร็ว
ในขณะที่เขากำลังฝึกฝนมุกอัสนีในร่างกายของเขาก็เต้นรัว เขาหยิบมุกอัสนีออกมาและฝังตัวเองไปกับออร่าของพายุสายฟ้า และเข้าใจถึงเคล็ดวิชากระบี่เพลิงอัสนีได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานฉิงเฟิงก็เชี่ยวชาญในวิชากระบี่เพลิงอัสนี แม้แต่กระบี่เพลิงคะนองก็เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปเช่นกัน มันกลายเป็นเปลวเพลิงสีแดงและมีสายฟ้ากระพริบผ่านทั่วตัวกระบี่
วิชากระบี่เพลิงอัสนีมีทั้งหมดสี่กระบวนท่าผสานเพลิงอัสนี, ภูติมายาเพลิงอัสนี, เพลิงอัสนีแปรลักษณ์ และกระบวนท่าสุดท้าย เพลิงอัสนีจักรวาล
ในขณะที่ฉิงเฟิงกำลังเข้าถึงเคล็ดวิชาเฮยหวู่หยาก็ฉวยโอกาสโจมตีเขาด้วยดาบฟ้าพินาศอย่างเลวทราม
“ ผสานเพลิงอัสนี
!”
ฉิงเฟิงกล่าวเสียงต่ำและเหวี่ยงกระบี่ของเขาออกมาทันทีประกายแสงสีแดงของเปลวเพลิงและสายฟ้าหลอมผสานเข้าด้วยกัน
ตูม
!!
ดาบฟ้าพินาศและกระบี่เพลิงอัสนีชนกันจนเกิดเสียงดังสนั่นเหมือนแผ่นดินไหวแม้กระทั่งบรรยากาศทั่วทั้งดินแดนก็ดูเหมือนจะสั่นไหว
“หลี่ฉิงเฟิงเจ้ารับดาบฟ้าพินาศของข้าได้งั้นหรือ !” เฮยหวู่หยากล่าวด้วยความประหลาดใจ
เมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งจะบีบให้ฉิงเฟิงต้องถอยหลังไปถึงสี่ก้าวด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าจู่ๆชายหนุ่มก็สามารถรับมือเขาได้อย่างสูสี การพัฒนาในชั่วพริบตาของเขาช่างน่าตกใจมาก ฉิงเฟิงไม่ตอบคำและรู้สึกพึงพอใจอย่างมากกับพลังอันยิ่งใหญ่ของวิชากระบี่เพลิงอัสนีที่ช่วยให้เขาสามารถบล็อกการโจมตีอันรุนแรงของเฮยหวู่หยาได้
เฮยหวู่หยาขมวดคิ้วเป็นปมและฟาดฟันดาบฟ้าพินาศไปยังฉิงเฟิงอีกครั้งแต่อีกฝ่ายก็สามารถต้านรับการโจมตีนั้นไว้ได้อย่างง่ายดายโดยใช้วิชากระบี่เพลิงอัสนี
ถึงแม้ว่าเฮยหวู่หยาจะมีขอบเขตบ่มเพาะที่สูงกว่าฉิงเฟิงขั้นหนึ่งแต่เขาก็ไม่สามารถกลับมาชิงเป็นฝ่ายได้เปรียบเหมือนก่อนเนื่องจากวิชากระบี่ของฉิงเฟิงนั้นทรงพลังเกินไป
“พานซันร่วมมือกับข้าสังหารมันซะ จากนั้นพวกเราค่อยชำแหละร่างเจ้าลูกหมาดำนั่นและชิงลูกพีชวิญญาณสวรรค์กลับมา” เฮยหวู่หยาหันไปกล่าวกับพานซัน
พานซันพยักหน้าเห็นด้วยเขารู้ดีว่าชายหนุ่มคนนี้มีพรสวรรค์และความสามารถสูงเกินกว่าที่จะปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ พานซันเหวี่ยงศิลายักษ์ของเขาไปทางฉิงเฟิงด้วยกำลังมหาศาล
“
หมัดที่สามสวรรค์พินาศ โลกาสลาย
!”
ฉิงเฟิงใช้หมัดที่สามของเพลงหมัดทลายนรกานต์ออกไปต้านรับเงามายาของหมัดสีดำขนาดใหญ่ทุบกระแทกใส่ศิลายักษ์ของพานซันจนเกิดเป็นรอยลึก
พานซันตกตะลึงศิลาหินนี้ทำจากหินอุกกาบาต และมันก็แข็งแกร่งอย่างยิ่งจนแม้แต่อุปกรณ์วิญญาณระดับสวรรค์ขั้นต้นก็ยังไม่สามารถทำอะไรมันได้ เขาตระหนักแล้วว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพของฉิงเฟิงนั้นสูงมากจนสามารถทำให้ศิลายักษ์ที่แข็งแกร่งของเขาต้องเกิดริ้วรอยด้วยหมัดลุ่นๆ
ในช่วงเวลาที่ฉิงเฟิงหยุดการโจมตีของพานซันเฮยหวู่หยาก็ฉวยโอกาสโจมตีจากด้านหลัง ประมุขของหนึ่งนิกายใหญ่นิกายหนึ่งนั้นมีเกียรติและศักดิ์ศรี แต่เฮยหวู่หยากลับไร้ยางอายและหน้าด้านมากที่โจมตีผู้อื่นจากด้านหลัง !