My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1041 สยบพานซัน
ตอนที่ 1041 สยบพานซัน
ใบหน้าของฉิงเฟิงบึ้งตึงเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงการโจมตีของเฮยหวู่หยาที่พุ่งเข้าหาเขาจากด้านหลัง
“
ผสานเพลิงอัสนี
!”
ฉิงเฟิงตอบโต้ในทันทีโดยใช้กระบวนท่าแรกของวิชากระบี่เพลิงอัสนีเพราะมันเป็นกระบวนท่าเดียวที่เขาบรรลุ
กระบี่ของเขาแตกออกเป็นเปลวเพลิงสีแดงที่โหมกระหน่ำไปด้วยประกายสายฟ้าที่กระพริบรอบๆมันปะทะเข้าหาดาบฟ้าพินาศของเฮยหวู่หยาด้วยเสียงอันดัง ในครานี้ไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบ
แม้ว่าฉิงเฟิงจะสามารถสกัดกั้นการโจมตีจากคู่ต่อสู้ของเขาได้แต่ราชาอสูรมีดวายุ, ฮวาเซียนจือและฉินเซียนจื่อก็ยังออกไปช่วยเขาอยู่ดี
อย่างไรก็ตามทันทีที่พวกเขาเคลื่อนไหวก็ถูกเหล่าอาวุโสของนิกายดาบทมิฬและนิกายศิลาขวางทางเอาไว้และเกิดการต่อสู้ระหว่างพวกเขาขึ้นทันที
ในขณะนี้ลูกหมาสีดำก็ยกอุ้งเท้าของมันชี้ไปที่เฮยหวู่หยาและพูดอย่างหยิ่งผยองว่า “เฮ้ สหายเก่า ลูกพีชวิญญาณสวรรค์ที่เจ้าต้องการ อยู่ในท้องของลูกพี่หมาผู้นี้แล้ว ถ้ากล้าก็เข้ามาเอาสิวะ !”
ใบหน้าของเฮยหวู่หยามืดมนลงด้วยคำพูดยั่วยุของลูกหมาสีดำเขาโกรธเกรี้ยวมากที่เจ้าลูกหมาตัวนี้กล้าเรียกตัวเองว่าลูกพี่หมาต่อหน้าเขา
“พานซันเจ้าช่วยรับมือกับหลี่ฉิงเฟิงสักหนึ่งนาที ข้าจะจัดการกับเจ้าลูกหมาบัดซบนี่แล้วจะไปช่วยเจ้าทีหลัง” เฮยหวู่หยาแสยะยิ้มและรีบพุ่งเข้าหาลูกหมาสีดำ
ด้วยแผนการนี้เฮยหวู่หยาคาดว่าพานซันย่อมสามารถรับมือฉิงเฟิงได้หนึ่งนาที แต่เขาคิดผิดเสียแล้ว…
พานซันทุบหินขนาดใหญ่ของเขาอีกครั้งไปที่ฉิงเฟิงด้วยเจตนาฆ่าในสายตาของเขาฉิงเฟิงจึงตัดสินใจฆ่าอีกฝ่ายด้วยดรรชนีที่สองของดรรชนีผู้พิชิต
“
ดรรชนีที่สองบดขยี้หทัย
!
“
ฉิงเฟิงควบรวมพลังแท้ของเขาไว้ที่นิ้วกลางขวาและยิงลำแสงสีฟ้าไปที่หัวใจของพานซันด้วยพลังที่เกรี้ยวกราด
ด้วยความเร็วเทียบเท่ากับแสงดรรชนีผู้พิชิตทะลุผ่านหัวใจของพานซันด้วยเสียงดังตูม หัวใจของอีกฝ่ายแหลกสลายเป็นเสี่ยงๆด้วยพลังอันมหาศาล
พานซันจ้องไปที่ฉิงเฟิงด้วยแววตาที่หวาดกลัวก่อนจะล้มลงกับพื้นและตายในที่สุดเห็นได้ชัดว่าวิชาดรรชนีผู้พิชิตนั้นทรงพลังมากจนช่วยให้ฉิงเฟิงสามารถสู้ข้ามขอบเขตพลังและสังหารพานซันได้อย่างไม่ทันตั้งตัว
“อะไรกัน! ประมุขพานซันตายแล้ว !”
“ละ…หลี่ฉิงเฟิงทรงพลังจริงๆ เขาฆ่าประมุขนิกายศิลาได้ !”
ตอนนี้เหลือเพียงประมุขนิกายดาบทมิฬเฮยหวู่หยาเพียงคนเดียวแล้ว
ผู้คนรอบข้างต่างพูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวาพวกเขาประหลาดใจกับพลังอันยิ่งใหญ่ของชายหนุ่มผู้นี้มาก
ส่วนอีกด้านหนึ่งเฮยหวู่หยาก็วิ่งไล่ตามลูกหมาสีดำเมื่อเขาเห็นการตายของพานซัน เขาก็หวาดกลัวขึ้นเพราะตนเองกับพานซันที่ตายไปนั้นต่างก็มีพลังเท่าเทียมกัน ในเมื่อแท้จริงแล้วหลี่ฉิงเฟิงสามารถสังหารพานซันได้ เขาก็เริ่มสงสัยแล้วว่าชะตากรรมของเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป
“เฮยหวู่หยาถึงตาแกแล้ว มารับความตายซะ !” ด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา ฉิงเฟิงพุ่งเข้าหาเฮยหวู่หยาทันที
เขาเร็วมากจนมาถึงเบื้องหน้าเฮยหวู่หยาในชั่วพริบตาทำให้อีกฝ่ายไม่มีทางเลือกนอกจากต้องสู้
“
เพลงดาบฟ้าพินาศ
!”
เฮยหวู่หยาตะโกนเสียงต่ำเขายกดาบขึ้นและฟาดฟันทำลายไปทั่วท้องฟ้าและโจมตีเข้าหาฉิงเฟิงอย่างโหดเหี้ยม
ในฐานะที่เป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับสวรรค์ขั้นต่ำดาบฟ้าพินาศปล่อยออร่าที่ทรงพลังซึ่งตัดผ่าจนเกิดรอยร้าวขนาดใหญ่ในอากาศ
“
ผสานเพลิงอัสนี
!”
ฉิงเฟิงใช้วิชากระบี่เพลิงอัสนีกระบวนท่าแรกซึ่งประจุไปด้วยพลังของเปลวเพลิงและสายฟ้าควบรวมกัน
ทั้งไฟและสายฟ้าเป็นหนึ่งในการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดในธรรมชาติและพลังของการรวมกันนั้นก่อให้เกิดพลานุภาพที่เกิดคาดเดา
เปลวไฟและสายฟ้าพุ่งเข้าชนออร่าดาบและสลายมันหมดสิ้น
ด้วยเสียงครวญครางหลังจากการปะทะเฮยหวู่หยาถูกบีบให้ต้องถอยหลังไปก้าวหนึ่ง มือขวาที่กุมดาบของเขาเอาไว้กำลังสั่นเล็กน้อย วิชากระบี่เพลิงอัสนีของหลี่ฉิงเฟิงนั้นทรงพลังเกินไป
ฉิงเฟิงไม่หยุดและยังคงโจมตีต่อไปเขาฟันกระบี่เข้าหาเฮยหวู่หยาอีกหลายสิบครั้ง บีบให้อีกฝ่ายต้องถอยร่นจนถึงขอบหน้าผาในพริบตา
“
เจตน์ดาบฟ้าพินาศ
!” เฮยหวู่หยาเหวี่ยงดาบของเขาไปข้างหน้าอย่างฉับพลันและปล่อยเจตน์ดาบออกมาจนทำให้พื้นที่รอบตัวพวกเขาถูกกลืนหายไปในรัศมี30 เมตร มวลมิติทั้งหมดถูกแช่แข็งอยู่ในความมืดมิด
ทุกอย่างที่อยู่ภายในนั้นล้วนได้รับผลกระทบแม้กระทั่งจิตวิญญาณของฉิงเฟิงเองก็ตาม
ภายใต้อิทธิพลของเจตน์ดาบพลังงานทางวิญญาณของฉิงเฟิงก็เชื่องช้าลง แต่ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้เอง มังกรเพลิงที่อยู่ลึกลงไปในจิตใจของเขาก็พ่นเปลวไฟอันร้อนระอุที่แผดเผาเจตน์ดาบที่เข้าสู่ห้วงจิตของฉิงเฟิง จากนั้นมันฟื้นฟูจิตสำนึกของฉิงเฟิงขึ้นมาใหม่
“เจตน์กระบี่แห่งไฟ!” ฉิงเฟิงเกือบตกตายอย่างไม่รู้ตัว เขาคืนสติกลับมาและรู้ว่าไม่อาจประมาทคู่ต่อสู้ได้อีกต่อไป เขาปลดปล่อยเจตน์กระบี่ไฟออกมาเพื่อสกัดกั้นเจตน์ดาบที่ทรงพลัง
ภายในพื้นที่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง30เมตร
ใบหน้าของเฮยหวู่หยาเปลี่ยนเป็นสีซีดเมื่อเจตน์ดาบของเขาถูกไฟเผาเขาไม่คิดว่าชายหนุ่มผู้นี้จะเข้าถึงและใช้สามารถใช้เจตน์กระบี่ออกมาได้
ไม่ว่าจะเป็นวิชากระบวนท่าหรือเจตน์ศาสตราเฮยหวู่หยาไม่มีอะไรไปเทียบกับฉิงเฟิงได้อีก เขาได้รับบาดเจ็บและถูกชิงความได้เปรียบทั้งมวล
“
หมัดที่สาม– สวรรค์พินาศ โลกาสลาย
!
“
คราวนี้ฉิงเฟิงใช้หมัดแทนกระบี่และซัดเฮยหวู่หยาจนตกหน้าผา
เฮยหวู่หยาที่ร่วงลงสู่หน้าผาคืนสมดุลร่างกายและใช้เท้าเหยียบหินก้อนหนึ่งเป็นฐานและพยายามเหินร่างกลับขึ้นมาใหม่ แต่ทันใดนั้นเองพลังแห่งความชั่วร้ายสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นจากด้านล่างของหน้าผา
พลังดึงดูดอันชั่วร้ายนั้นแข็งแกร่งมากจนร่างกายของเฮยหวู่ยาถูกฉีกเป็นชิ้นๆก่อนที่จะหายไปในอากาศ
“
ช่างเป็นกลิ่นอายชั่วร้ายที่น่าสะพรึงนัก…ตัวข้างใต้หน้าผานี่คืออะไรกัน”
สีหน้าของฉิงเฟิงเปลี่ยนไปเขารีบถอยหลังกลับทันที
ผาทลายฟ้าสมควรแล้วที่ได้รับชื่อเสียงว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่อันตรายที่สุดในแดนต้องห้ามคุนหลุนกลิ่นอายของความชั่วร้ายนั้นรุนแรงมากจนสามารถสังหารเฮยหวู่หยาที่เป็นผู้ฝึกตนระดับจิตวิญญาณสวรรค์ได้ในพริบตา
แม้แต่ราชาอสูรมีดวายุฮวาเซียนจือ ฉินเซียนจื่อและคนอื่นๆต่างก็หวาดกลัวต่อการปรากฏตัวของกลิ่นอายชั่วร้ายที่พวกเขาเพิ่งได้สัมผัส มาถึงตอนนี้ทั้งสองนิกายก็เหลือเพียงสาวกที่เฮยหวู่หยาและพานซันนำมาด้วยเท่านั้น
ฉิงเฟิงจ้องมองพวกเขาด้วยแววตาเย็นชาเขาบอกกับทุกคนว่าให้ฆ่าพวกมันทั้งหมดเพื่อป้องกันการตามล้างแค้นที่ไม่สิ้นสุดในอนาคต
ในที่สุดศิษย์สาวกของนิกายทั้งหมดก็ตายเรียบเหลือเพียงหลี่ฉิงเฟิง ราชาอสูรมีดวายุ ฮวาเซียนจือ ฉินเซียนจื่อ ลู่ซวนจี๋และลูกหมาสีดำเท่านั้น
“ท่านอาจารย์ใต้หน้าผานี่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของวิญญาณชั่วร้าย พวกเราจะลงไปได้อย่างไรครับ ” ฉิงเฟิงถามราชาอสูรมีดวายุด้วยอาการหน้านิ่วคิ้วขมวด
เมื่อมองลงไปที่หน้าผาราชาอสูรมีดวายุก็กล่าวว่า “การปรากฏตัวของวิญญาณชั่วร้ายนั้นทรงพลังมาก พวกเราต้องค่อยๆเกาะโขดหินและปีนลงไป พยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งใดๆ”
ตอนที่ 1042 อสูรวิญญาณที่แข็งแกร่ง
หลังจากได้ยินคำพูดของราชาอสูรมีดวายุฉิงเฟิงก็พยักหน้าและเดินไปที่หน้าผาทลายฟ้า
ถึงแม้ว่าหน้าผาจะสูงชันแต่ก็ยังมีหินที่ยื่นออกมาบางส่วนที่สามารถจับด้วยมือได้ ตัวตนชั่วร้ายต่างก็ลอยอยู่ใกล้กับจุดกึ่งกลางของหน้าผา แต่พวกมันไม่ค่อยได้สัมผัสเข้าใกล้กับหินตามขอบหน้าผา
ฉิงเฟิงและพรรคพวกไต่เลาะลงไปตามหน้าผากลุ่มก้อนวิญญาณชั่วร้ายล้อมรอบพวกเขา กรีดผ่านก้อนหินและพื้นดินรอบๆพวกเขาจนเกิดรอยแตกนับไม่ถ้วน
หน้าผาทลายฟ้าสูงชันมากและทอดยาวกว่าสามพันเมตรและเนื่องจากการปรากฏตัวของวิญญาณชั่วร้ายรอบๆ ฉิงเฟิงและคนอื่นๆจึงทำได้เพียงค่อยๆปีนป่ายอย่างช้า หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งพวกเขาก็ปีนลงมาได้เพียงห้าร้อยเมตรจากด้านบนของหน้าผาเท่านั้น