My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1043 กายาแดนชำระขั้นที่สาม !
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1043 กายาแดนชำระขั้นที่สาม !
ตอนที่ 1043 กายาแดนชำระขั้นที่สาม !
“หลี่ฉิงเฟิงเจ้ายืนเอ๋อทำซากอะไรวะ รีบฆ่าไอ้อสูรวิญญาณบ้าตัวนี้สักที !”
ลูกหมาสีดำตะโกนบอกฉิงเฟิง
หัวของมันถูกฟาดจนฟกช้ำไปหมดแล้วและมันก็โกรธมากถึงแม้ว่ามันจะชอบโยนเผือกร้อนให้ฉิงเฟิง แต่มันก็ฉลาดพอและรู้ว่าฉิงเฟิงแข็งแกร่งจริงๆ นี่เป็นเหตุผลที่มันยอมติดตามเขามาด้วย
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วและกล่าวว่า“เจ้าลูกหมา แกก็เห็นแล้วนี่ว่าการโจมตีของฉันเอาชนะมันไม่ได้”
ลูกหมาสีดำกลอกตาของมันและพูดว่า“เจ้านี่มันเซ่อจริงๆ ราชาอสูรวิญญาณก่อตัวขึ้นมาจากพลังงานความชั่วร้าย มันกริ่นเกรงต่อสายฟ้าอย่างมาก เจ้าก็ใช้มุกอัสนีฆ่ามันสิโว้ย”
หลังจากได้ยินคำพูดของลูกหมาสีดำฉิงเฟิงก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปและเพิ่งตระหนักได้ว่าเขาลืมเกี่ยวกับมุกอัสนีไปเสียสนิท เขารีบหยิบมันออกมาและโคตรพลังแท้ไปสู่มัน
ซูม
!
สายฟ้าสีแดงถูกยิงออกมาจากมุกอัสนีท้องฟ้าระเบิดกึกก้องและผ่าลงมาใส่ร่างของราชาอสูรวิญญาณอย่างเหี้ยมโหด
ตูม!
ร่างของราชาอสูรวิญญาณถูกฟ้าผ่าและระเบิดกลายเป็นพลังงานความชั่วร้ายนับไม่ถ้วน
เมื่อได้เห็นราชาของพวกมันสลายไปด้วยสายฟ้าอสูรวิญญาณตัวอื่นๆก็หายไปทั้งหมด
เมื่อไร้ซึ่งราชาอสูรวิญญาณก็กระเจิดกระเจิงและไม่มีสิ่งใดมาขวางทางพวกเขาอีก จากนั้นพวกเขาก็ไต่ลงใต้หน้าผาต่อไป เมื่อพวกเขามาถึงที่ความลึก2,000 เมตร อันตรายก็เข้าหาพวกเขาอีกครั้ง
ในทันใดนั้นงูหลามขนาดมหึมาก็เลื้อยออกมาจากใต้หน้าผาทลายฟ้า
งูหลามตัวนี้ปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำและมีขนาดใหญ่มากมันใหญ่อย่างน้อยหนึ่งร้อยเมตรและหนาถึงยี่สิบเมตร เพียงแค่ดวงตาของมันก็มีขนาดเท่าร่างกายทั้งหมดของฉิงเฟิง มันสามารถกินเขาทั้งเป็นได้อย่างง่ายดายเพราะปากของมันกว้างถึงสามสิบเมตร
ใบหน้าของลูกหมาสีดำเปลี่ยนไปมันพูดว่า “มะ มันคือราชางูนรกทมิฬ”
หลังจากได้ยินชื่อนี้ฉิงเฟิงและทุกคนก็ใบหน้าเปลี่ยนไป พวกเขาเคยได้ยินเรื่องราวของราชางูนรกทมิฬมาก่อน มีการกล่าวกันว่า ราชางูนรกทมิฬเป็นสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่มีต้นกำเนิดมาจากเบื้องลึกของขุมนรก มันเป็นที่น่างุนงงว่าทำไมสัตว์อสูรร้ายตัวนี้ถึงอาศัยอยู่ใต้ผาทลายฟ้าได้ ราชางูนรกทมิฬกล่าวเสียงเย็นชาว่า“พวกหนอนแมลงบัดซบที่หาเรื่องตาย พวกเจ้ากล้าล่วงล้ำเข้ามาถึงใต้ผาทลายฟ้าได้อย่างไร พวกเจ้าไม่รู้สินะว่าที่นี่คือเขตหวงห้ามของเทือกเขาคุนหลุน ?”
ฉิงเฟิงกล่าวว่า“ฉันมาที่นี่เพื่อช่วยพ่อ เขาอยู่ใต้หน้าผาแห่งนี้”
ราชางูนรกทมิฬส่ายหัวและพูดว่า“ข้าเป็นสัตว์อสูรผู้พิทักษ์ผาแห่งนี้ ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามลงไป”
หลังจากได้ฟังคำพูดของราชางูนรกทมิฬแล้วการแสดงออกของฉิงเฟิงก็เปลี่ยนไป เขารู้แล้วว่าการต่อสู้นั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน
ราชางูนรกทมิฬอ้าปากและพ่นไฟสีดำออกมาจำนวนมากอุณหภูมิของไฟสูงถึงสามพันองศาเซลเซียสในขณะที่พุ่งเข้าหาฉิงเฟิง
ฉิงเฟิงรู้สึกประหลาดใจและใช้ท่าร่างก้าวมังกรหลบฉากไปอีกด้านหนึ่งทันทีเปลวไฟสีดำพลาดเป้าและกระทบกับกำแพงหน้าผาจนมันกลายเป็นสีดำ “เจ้ามนุษย์เจ้าหลบการโจมตีของข้าไม่ได้ตลอดไปหรอก !” ราชางูนรกทมิฬกล่าวเย้ยหยันและมองฉิงเฟิงด้วยความรังเกียจ
ใบหน้าของฉิงเฟิงมืดครึ้มและหดหู่เล็กน้อยราชางูนรกทมิฬเป็นสัตว์อสูรร้ายในตำนานจากขุมนรก และความแข็งแกร่งของมันก็เหนือล้ำเกินความเชื่อของเขา
อุณหภูมิของเปลวไฟสีดำนั้นสูงมากราวกับว่ามันเป็นเปลวไฟจากขุมนรกลึกมันร้อนพอที่จะละลายหน้าผาที่ทำจากหินอุกกาบาต ส่งผลให้ฉิงเฟิงต้องเสียวสันหลัง
ต้องรู้ก่อนว่าผาทลายฟ้าประกอบด้วยแร่อุกกาบาตที่แข็งแกร่งมากและแม้แต่การโจมตีของฉิงเฟิงก็ยังไม่สามารถเจาะทะลุผนังหน้าผาได้ด้วยซ้ำไม่น่าแปลกใจเลยที่ราชางูนรกทมิฬได้รับชื่อเสียงว่าเป็นสัตว์ร้ายจากขุมนรก
“ท่านอาจารย์เราจะเอาชนะราชางูนรกทมิฬได้อย่างไรครับ ”
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วและถามราชาอสูรมีดวายุ หลังจากขบคิดสักพักราชาอสูรมีดวายุก็กล่าวว่า“ใช้อุปกรณ์วิญญาณระดับราชันของเจ้า, เจดีย์สีเขียว แต่เจ้าต้องระวังให้ดี ถึงแม้ว่าเจดีย์สีเขียวจะจำกัดระดับพลังของอีกฝ่ายให้เท่ากับเจ้าได้ แต่ราชางูก็ยาวร่วมร้อยเมตร เจ้าไม่อาจจำกัดพลังของมันได้ทุกส่วน”
ฉิงเฟิงยิ้มอย่างขมขื่นเขารู้ว่าตนเองมีพลังในขอบเขตจิตโลกาขั้นสูงสุดเท่านั้นและไม่สามารถใช้พลังของเจดีย์สีเขียวได้อย่างเต็มที่ รัศมีการทำงานของมันมีขนาดเล็กเกินไป
ตูม… ตูม … ตูมม … ตูม …
คราวนี้ราชางูนรกทมิฬยิงลูกบอลไฟสีดำออกมามากกว่าสิบลูกโดยแต่ละลูกต่างมีก็พลังอันน่าสะพรึงกลัว
เป็นเรื่องแปลกที่ราชางูนรกทมิฬมุ่งเน้นแต่โจมตีฉิงเฟิงเท่านั้นโดยไม่สนใจคนอื่นๆ
ฉิงเฟิงเคลื่อนไหวเร็วมากและหลบไปด้านข้างอย่างไรก็ตาม พลังงานชั่วร้ายที่ล่องลอยอยู่ในอากาศและขอบหน้าผาก็อยู่ใกล้เขา มันทำให้เขามีพื้นที่จำกัด
เปลวไฟส่วนใหญ่พลาดเป้าและไปกระทบกับกำแพงหินด้านหลังแต่มีเปลวไฟอยู่สองลูกที่โดนแขนของเขาและทำให้แขนเสื้อของเขาลุกไหม้จนแขนไหม้เกรียมเป็นสีดำ
ฉิงเฟิงใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดเขารู้สึกราวกับว่าแขนของเขาถูกฉีกขาดออกจากกัน ไหล่ของเขาถูกเผาจนเป็นสีแดงก่ำและมีกลิ่นไหม้จากแขนของเขา
แม้นว่าจะรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่หัวไหล่ของเขาจากการถูกเผาแต่พลังของเคล็ดกายาแดนชำระก็ถูกเปิดใช้งานด้วยตนเอง ปรากฏแสงสีเขียวจางๆที่ไหล่ของเขาและมันก็เริ่มรักษาตนเอง
เมื่อรู้สึกเสียวซ่าที่ผิวของเขาดวงตาของฉิงเฟิงกลับเจิดจ้าไปด้วยความสุข
เหตุผลก็คือเขานึกขึ้นได้ถึงขั้นตอนต่อไปในการบ่มเพาะกายาแดนชำระนั่นเอง เคล็ดบ่มเพาะที่ผิดมนุษย์มนานี้ในขั้นแรกต้องใช้สายฟ้าผ่าร่างเพื่อชำระกายา ส่วนระดับที่สองต้องใข้ลาวาเพื่ออบอุ่นกายา ส่วนระดับที่สามต้องใช้ไฟสามพันองศาในการแผดเผาร่างกายให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ฉิงเฟิงต้องการบ่มเพาะกายาขั้นที่สามอยู่ตลอดเวลาแต่เขาไม่เคยพบโอกาสในการบ่มเพาะจนกระทั่งมาถึงตอนนี้ ซึ่งเปลวไฟสีดำที่ราชางูนรกทมิฬพ่นออกมานั้นมีอุณหภูมิสูงถึง 3000 องศาซึ่งเป็นอุณหภูมิที่สมบูรณ์แบบสำหรับการฝึกฝนกายาแดนชำระขั้นที่สาม !
ราชางูนรกทมิฬถวายพานในสิ่งที่ฉิงเฟิงต้องการทันทีที่เขาโคจรพลังตามเคล็ดความขั้นที่สามของกายาแดนชำระ ราชางูนรกทมิฬก็ปรากฏกายขึ้น
ฉิงเฟิงหัวเราะลั่นด้วยแผนการในใจเขาชี้ไปที่ราชางูนรกทมิฬและกล่าวว่า “เฮ้ย แกเป็นตัวผู้ตัวเมีย ”
มันตกตะลึงและสับสนกับคำถามของฉิงเฟิงแต่ก็ยังตอบว่า“ข้าคือตัวผู้”
ฉิงเฟิงหัวเราะอย่างขบขันและพูดว่า“ฉันเห็นแสงสีเขียวเล็ดลอดออกมาจากหัวของแกราวกับว่าแกสวมหมวกสีเขียว ! แกโดนเมียสวมเขาใช่มั้ย ” (สำนวนจีน ถูกสวมหมวกเขียวคือโดนสวมเขา)
เมื่อได้ยินที่ฉิงเฟิงพูดราชางูนรกทมิฬก็แทบกระอักเลือด เขาเคยถูกก้นด่าสาปแช่งแต่ก็ไม่เคยถึงขั้นถูกด่าทอเหยียบย่ำศักดิ์ศรีเช่นนี้มาก่อน
“มนุษย์บัดซบ! ถึงแม้ว่าข้าเป็นงู แต่ข้าก็มีศักดิ์ศรี ! ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ !!” ราชางูนรกทมิฬตะโกนออกมาด้วยความโกรธกริ้ว
ตูมตูม ตูม ตูม …
ราชางูนรกทมิฬพ่นลำธารเปลวไฟสีดำอันร้อนแรงถึงสามพันองศาออกมาใส่ร่างกายของฉิงเฟิง
คราวนี้ฉิงเฟิงไม่หลบเลี่ยงแม้แต่น้อยแต่เขากลับเหินร่างพุ่งเข้าหาเปลวไฟอย่างบ้าคลั่งราวกับคิดจะฆ่าตัวตายเปลวไฟอันร้อนแรงแผดเผาเสื้อผ้าและร่างกายของเขาจนเป็นสีดำเหมือนถ่าน