My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1044 ขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ขั้นต้น
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1044 ขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ขั้นต้น
ตอนที่ 1044 ขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ขั้นต้น
ร่างของฉิงเฟิงถูกย่างสดด้วยไฟนรกเขาส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ทั่วร่างรู้สึกราวกับว่ากำลังถูกฉีกขาดออกจากกัน ผิวหนังของเขาบางส่วนระเบิดออกและได้กลิ่นเหม็นไหม้กระจายออกไป
เขากำลังถูกย่างสดแบบเป็นๆแต่เป็นเคราะห์ดีที่ร่างกายของเขาบ่มเพาะจนมีความแข็งแกร่งอย่างมาก แม้ว่าเขาจะไม่ตาย แต่ก็เจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมาก
ภายใต้ความเจ็บปวดอย่างสุดแสนฉิงเฟิงรีบโคจรเคล็ดวิชาบ่มเพาะกายาแดนชำระขั้นที่สามอย่างรวดเร็วและดูดซับพลังภายในเปลวไฟของราชางูนรกทมิฬ เขาอาศัยไฟอันร้อนแรงนี้เพื่อใช้ในการชำระล้างอวัยวะภายใน
ผิวหนัง,กล้ามเนื้อ, กระดูก, หัวใจ, ปอด, กระเพาะอาหาร, ตับและไตของฉิงเฟิงล้วนได้
ตอนที่ 1044 ขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ขั้นต้น
ร่างของฉิงเฟิงถูกย่างสดด้วยไฟนรกเขาส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ทั่วร่างรู้สึกราวกับว่ากำลังถูกฉีกขาดออกจากกัน ผิวหนังของเขาบางส่วนระเบิดออกและได้กลิ่นเหม็นไหม้กระจายออกไป
เขากำลังถูกย่างสดแบบเป็นๆแต่เป็นเคราะห์ดีที่ร่างกายของเขาบ่มเพาะจนมีความแข็งแกร่งอย่างมาก แม้ว่าเขาจะไม่ตาย แต่ก็เจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมาก
ภายใต้ความเจ็บปวดอย่างสุดแสนฉิงเฟิงรีบโคจรเคล็ดวิชาบ่มเพาะกายาแดนชำระขั้นที่สามอย่างรวดเร็วและดูดซับพลังภายในเปลวไฟของราชางูนรกทมิฬ เขาอาศัยไฟอันร้อนแรงนี้เพื่อใช้ในการชำระล้างอวัยวะภายใน
ผิวหนัง,กล้ามเนื้อ, กระดูก, หัวใจ, ปอด, กระเพาะอาหาร, ตับและไตของฉิงเฟิงล้วนได้รับการชำระล้างด้วยไฟ สิ่งสกปรกต่างๆถูกขจัดออกไปสิ้น อวัยวะส่วนต่างๆของร่างกายของเขาหนาแน่นและมั่นคงยิ่งขึ้น
“ราชางูนรกฉันไม่สงสัยเลยว่าทำไมผู้หญิงของแกถึงสวมเขา แกมันอ่อนแอเช่นนี้นี่เอง ไฟของแกก็อ่อนด๊อยไร้ค่า แกมันพวกไร้สมรรถภาพ”
ฉิงเฟิงกล่าวอย่างเย็นชาขณะที่เขาจ้องมองด้วยความขยะแขยง
“เจ้ามนุษย์ข้าจะเผาเจ้าให้ตายให้ได้ ! เจ้าต้องตาย !” ราชางูนรกทมิฬกล่าวด้วยใบหน้าที่มืดมนและคำรามอย่างโกรธแค้น
ทันใดนั้นเองมันก็เปิดปากแล้วพ่นแก่นอสูรสีดำออกมา
แก่นอสูรของมันมีขนาดค่อนข้างใหญ่อย่างน้อยก็สองเท่าของแก่นอสูรปรกติซึ่งจะมีขนาดเท่าไข่ แต่แก่นอสูรก้อนนี้มีขนาดเท่ากำปั้น อีกทั้งยังมีเปลวไฟสีดำขลับแผ่กระจายไปทั่วพื้นผิวทำให้เกิดออร่าที่น่ากลัว ครืนนนนน~
ราชางูนรกทมิฬควบคุมแก่นอสูรและยิงแสงสีดำออกมาอุณหภูมิของเปลวไฟสูงถึงสี่พันองศาเซลเซียสซึ่งสูงกว่าเปลวไฟสีดำที่พ่นออกมาก่อนหน้านี้ถึงหนึ่งพันองศา !
เมื่อได้เห็นเปลวไฟสีดำที่พุ่งเข้ามาใบหน้าของฉิงเฟิงก็ไม่เปลี่ยนไป ความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
“เอาเซ่! เจ้างูไร้ค่า พ่นไฟแรงๆกว่านี้อีกซี่ !!!” ฉิงเฟิงคำรามเสียงดังลั่นและกล่าวอย่างหยิ่งยะโส
ลำแสงของแก่นอสูรนั้นรวดเร็วยิ่งเพียงพริบตามันก็มาถึงตัวฉิงเฟิง
เปรี้ยงเปรี๊ยะๆๆ !
เสียงเปรี๊ยะๆดังลอดออกมาจากร่างกายของฉิงเฟิงโครงกระดูก กล้ามเนื้อและผิวหนังของเขาเริ่มร้อนจากความร้อนที่ถูกแผดเผา คราวนี้บาดแผลของเขายิ่งลึก กระดูกบางส่วนของร่างกายเริ่มแตกหัก ฉิงเฟิงรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงไปทั่วร่างกายแต่เขาก็เริ่มใช้กายาแดนชำระดูดซับเปลวไฟและเปลี่ยนมันให้เป็นพลังงานของเขาเอง เขาผลักพลังงานเหล่านั้นให้ไปรวมกันที่จุดตันเถียน
หลังจากดูดซับพลังงานของเปลวไฟสีดำแก่นวิญญาณของเขาก็กลายสภาพ มันเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีดำ
แก่นวิญญาณสีดำเป็นสัญลักษณ์ของการทะลวงด่านเข้าไปในขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์บนแก่นวิญญาณจะเกิดรอยบุบขึ้น มันเป็นอีกสัญญาณหนึ่งของการทะลวงด่าน เมื่อรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งมหาศาลที่เพิ่มพูนขึ้นภายในร่างกาย สีหน้าของฉิงเฟิงก็เต็มไปด้วยความสุข
ตอนนี้เขามีพลังในระดับจิตวิญญาณสวรรค์ขั้นต้นและเปี่ยมไปด้วยกำลังมหาศาลตอนนี้หมัดทลายนรกานต์ของเขาก็แข็งแกร่งพอที่จะทำความเสียหายได้มากกว่าเดิมแล้ว
ไม่เพียงเท่านั้นสืบเนื่องจากพลังที่เพิ่มขึ้นนี้ ฉิงเฟิงยังสามารถควบคุมเจดีย์สีเขียวได้ดียิ่งขึ้น รัศมีของมันเพิ่มขึ้นจากห้าสิบเมตรเป็นหนึ่งร้อยเมตรซึ่งครอบคลุมความยาวทั้งตัวของราชางูนรกทมิฬแล้ว
“เจ้างูดำตัวน้อยมานี่ มาให้ฉันทุบตีได้แล้ว” ฉิงเฟิงกล่าวในขณะที่ชี้ไปที่ราชางูนรกทมิฬ
ใบหน้าของมันมืดครึ้มลงความเย็นยะเยือกส่องผ่านดวงตาของมัน มันเป็นถึงราชาแห่งงู แต่วันนี้กลับถูกมนุษย์ตัวจ้อยอย่างหลี่ฉิงเฟิงดูถูกเหยียดหยาม มันตัวสั่นเทิ้มไปด้วยความโกรธ
ราชางูนรกทมิฬรู้ว่าไฟของมันนั้นไร้ประโยชน์กับฉิงเฟิงดังนั้นมันจึงพุ่งเข้าหาและเปิดปากยักษ์เพื่อหมายจะกินเขาทั้งเป็น
“
สรรพชีวิตทั้งมวลล้วนเท่าเทียม… เขตแดนยับยั้ง
! “
ฉิงเฟิงหยิบเจดีย์สีเขียวออกมาและเกิดเป็นลำแสงสีเขียวครอบคลุมทั่วทั้งตัวเขาเองและราชางูนรกทมิฬ
ภายใต้แสงสว่างของเจดีย์สีเขียวระดับพลังของราชางูนรกทมิฬลดลงฮวบฮาบและในที่สุดก็หยุดลงในขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ขั้นต้นเท่าเทียมกับฉิงเฟิง
ตั้งแต่ที่ฉิงเฟิงทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ขั้นต้นเขาก็สามารถทำให้เจดีย์สีเขียวมีรัศมีครอบคลุมหนึ่งร้อยเมตรได้แล้ว
เมื่อเห็นพลังของราชางูนรกทมิฬลดลงดวงตาของฉิงเฟิงก็ทอประกายเย็นเฉียบ เขาไร้พ่ายในขอบเขตพลังที่เท่ากัน และตอนนี้อีกฝ่ายมีพลังเท่าเขา มันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีกต่อไป
ฉิงเฟิงพุ่งปราดออกไปราวกับจรวดและปรากฏตัวขึ้นข้างๆราชางูนรกทมิฬ เขาเหวี่ยงกำปั้นของเขาไปยังร่างอันแข็งแกร่งของมันพลังมหาศาลที่ประจุอยู่ในหมัดทำลายเกล็ดของมันทันที
ราชางูนรกทมิฬส่งเสียงกรีดร้องที่เจ็บปวดออกมาจากปากอันใหญ่โต่ของมันนี่เป็นครั้งแรกที่มันได้รับบาดเจ็บนับตั้งแต่ยึดครองพื้นที่ภายใต้หน้าผาทลายฟ้ามาอย่างยาวนาน มันเหวี่ยงหางของมันตอบโต้ไปหาฉิงเฟิงอย่างดุดัน
คราวนี้ฉิงเฟิงไม่ได้ใช้หมัดแต่เขายกเท้าขวาขึ้นและเตะสกัดจากนั้นก็กระทืบที่หางของมันจนเกล็ดปริแตกและเลือดสีดำไหลออกมา
ตำนานเล่าว่าราชางูนรกทมิฬเป็นสัตว์อสูรจากนรกและมีเลือดสีดำไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง
“มนุษย์เจ้ากล้าทำร้ายข้า ข้าจะฆ่าเจ้า !” ราชางูนรกทมิฬคำรามด้วยความโกรธแค้นและพุ่งเข้าหาฉิงเฟิงอีกครั้ง
ตูมตูม ตูม ตูม … ฉิงเฟิงรวดเร็วดั่งสายฟ้าผ่าเขากระโดดขึ้นไปที่ด้านหลังของราชางูนรกทมิฬและเหวี่ยงหมัดกระหน่ำชกเข้าที่หลังของมันอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นไม่นานร่างของมันก็เต็มไปด้วยรู
ร่างของมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆและมีเลือดสีดำพ่นออกมาจากร่างของมันดวงตาของมันเริ่มจางลงและสิ้นลมไปในที่สุด จากนั้นก็ร่วงลงสู่ใต้หน้าผา
“บอส! บอสแข็งแกร่งมากเลยครับ ! แต่มายืนโป๊แบบนี้คงไม่เหมาะหรอกนะครับรีบขึ้นมาใส่เสื้อผ้าก่อนเถอะ… “
ลู่ซวนจี๋มองไปที่ฉิงเฟิงและกล่าวพร้อมกับหัวเราะ
ฉิงเฟิงยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อได้ยินประโยคครึ่งแรกของลู่ซวนจี๋อย่างไรก็ตาม ความอับอายปรากฏบนใบหน้าของเขาในขณะที่ได้ยินคำพูดช่วงหลัง…
เสื้อผ้าทั้งหมดของเขาถูกไฟเผาจนหายไปหมดสิ้นฮวาเซียนจือและฉินเซียนจื่อต่างก็เห็นร่างเปลือยของเขาหมดสิ้น พวกเธอทั้งสองหน้าแดงก่ำและเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
“
บ้าจังทำไมหลี่ฉิงเฟิงถึงยืนโป๊แบบนั้น เขาไม่อายหรือไง
”
ฮวาเซียนจือคิดในใจหัวใจของเธอเต้นระรัว
ส่วนใบหน้าอันงดงามของฉินเซียนจื่อก็แดงก่ำราวกับลูกแอปเปิ้ลสุก
ผู้หญิงทั้งสองคนดูเขินอายอย่างมากพวกเธอไม่กล้ามองหน้าฉิงเฟิง
โชคดีที่เมื่อตอนพวกเขาเข้ามาที่นี่ลู่ซวนจี๋ได้แบกกระเป๋าที่มีของใช้ติดตัวมาด้วย ดังนั้นฉิงเฟิงจึงรับเสื้อผ้าจากลู่ซวนจี๋และใส่มันอย่างรวดเร็วด้วยความกระดาก
“เอาล่ะฉันแต่งตัวเรียบร้อยแล้วพวกคุณหันมาได้แล้ว” ฉิงเฟิงกล่าวในขณะที่เขายิ้มให้กับผู้หญิงสองคน เมื่อได้ยินคำพูดของเขาฮวาเซียนจือและฉินเซียนจื่อก็หันกลับมามองอีกครั้ง แต่ใบหน้าอันงดงามของพวกเธอก็ยังคงแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าภาพที่ติดตาพวกเธอนั้นยังไม่จางหายและส่งผลกระทบอยู่….