My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1046 พบพ่ออีกครั้ง
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1046 พบพ่ออีกครั้ง
ตอนที่ 1046 พบพ่ออีกครั้ง
ตั้งแต่ที่ผู้พิทักษ์มิติจากไปซื่อหวู่เซี่ย, ผู้พิทักษ์แห่งนิกายศพกลืนฟ้า และกู่อิงผู้เฒ่าของนิกายกระดูกขาวต่างก็มาถึงก้นเหวและเดินตรงไปโดยไร้ซึ่งปัญหาใด ๆ
พวกเขาเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วโดยไม่มีสิ่งกีดขวางเนื่องจากพลังอันมหาศาลของพวกเขา รอยแยกมิติที่ปริแตกจึงไม่อาจทำร้ายพวกเขาได้แม้แต่เพียงนิดเดียว ในไม่ช้าพวกเขาก็เข้าใกล้กลุ่มฉิงเฟิงอย่างรวดเร็ว
ฉิงเฟิงและพรรคพวกไม่ได้สังเกตเห็นอันตรายที่ย่างกรายที่ด้านข้างหลังแม้แต่น้อยเพราะเขาตื่นเต้นที่จะได้พบพ่ออีกครั้ง
……
อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาฉิงเฟิงก็มาถึงทางแยกมิติที่นี่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความไร้เสถียรภาพ มันเต็มไปด้วยความปั่นป่วนและมีรอยแยกที่ปะทะกันในห้วงลึกของอวกาศ ฉิงเฟิงมองตรงไปและได้พบกับชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่ในช่องว่างข่ายอาคมเขาผู้นี้เป็นชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าเข้ารูปและเฉียบคม คิ้วหนาของเขาเฉียงขึ้นเล็กน้อยด้วยเสน่ห์ชายชาตรีที่ลุกโชน
ชายวัยกลางคนคนนี้ปลดปล่อยออร่าอันทรงพลังออกมาจากร่างกายของเขาพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าแต่บนศีรษะของเขามียันต์สีทองติดไว้อยู่
มันเป็นยันต์กระดาษแผ่นยาว20 เซนติเมตรที่ส่องแสงสีทองพร้อมกับสัญลักษณ์โบราณรูปลูกอ๊อดที่ดูไม่ค่อยชัดเจนจารึกไว้ ตรงกลางของยันต์เขียนตัวอักษรไว้ว่า [ผนึก] ซึ่งเป็นการสะกดข่มชายผู้นี้ไว้ด้วยข่ายอาคมอวกาศระดับราชัน
“พ่อ!” ฉิงเฟิงรู้สึกประหลาดใจและตะโกนออกมา
ชายวัยกลางคนผู้ถูกยันต์ทองคำผนึกไว้ก็คือพ่อของหลี่ฉิงเฟิง,ราชันผู้พิชิต หลี่ซานเย่นั่นเอง เมื่อได้ยินเสียงของฉิงเฟิงราชันผู้พิชิตก็หันศีรษะมา เขาดูประหลาดใจมากที่ได้เห็นลูกชาย เขากล่าวว่า “เฟิงน้อย เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร ”
“ผมมาช่วยพ่อไง”ฉิงเฟิงตอบ
ราชันผู้พิชิตพยักหน้าและพูดว่า“เจ้าต้องเอายันต์ทองคำบนหัวของพ่อออกไปก่อน จงระวังอสูรมิติในข่ายอาคมระดับราชันนี้ด้วย พวกมันล่องหนในอวกาศและเป็นอันตรายอย่างยิ่ง”
ฉิงเฟิงพยักหน้าและเดินไปข้างหน้าเตรียมที่จะเข้าไปในข่ายอาคมเพื่อช่วยพ่อของเขา
“ฮึฮึ ฮึ, เจ้าหนู หยุดฝันที่จะช่วยพ่อของเจ้าเถอะ” ทันใดนั้นเองน้ำเสียงอันเย็นชาก็ดังขึ้น
ชายวัยกลางคนในชุดดำเดินออกมาจากข้างหลังพร้อมกับซากศพอันทรงพลังข้างๆ
“แกเป็นใคร” ฉิงเฟิงถามด้วยความประหลาดใจ
เขารู้สึกหวาดหวั่นเล็กน้อยจากออร่าที่น่ากลัวที่เขารู้สึกได้จากชายคนนี้
“ข้าคือซื่อหวู่เซี่ยผู้พิทักษ์แห่งนิกายศพกลืนฟ้า ข้าคือศัตรูของพ่อเจ้า และวันนี้พ่อของเจ้าจะต้องตายที่นี่”
ซื่อหวู่เซี่ยแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นและกล่าวกับฉิงเฟิง
ในขณะเดียวกันราชันผู้พิชิตผู้ซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ในข่ายอาคมก็โพล่งออกมาด้วยความประหลาดใจว่า “ซื่อหวู่เซี่ย ข้าน่าจะฆ่าเจ้าซะตั้งแต่เมื่อ 15 ปีก่อน”
“ผู้พิชิตก็เพราะเจ้าไม่ได้ทำ ข้าถึงได้ยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าเพื่อแก้แค้นไงละ” ดวงตาของซื่อหวู่เซี่ยทอประกายด้วยจิตสังหารที่วูบผ่าน
ราชันผู้พิชิตจ้องมองซื่อหวู่เซี่ยและกล่าวกับเงาดำที่อยู่ข้างหลังว่า“กู่อิง ในเมื่อมาเยือนถึงที่แล้วจะมัวมุดหัวอยู่ทำไม แสดงตนออกมาซี่” ผู้เฒ่าในชุดดำเดินออกมาจากด้านหลังด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวเหมือนซอมบี้เขามีออร่าที่ทรงพลังยิ่งกว่าซื่อหวู่เซี่ยเสียอีก
ฉิงเฟิงรู้สึกตกใจเขาคาดไม่ถึงว่าจะถูกลอบติดตามโดยสองสุดยอดฝีมือโดยที่เขาไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย
ซื่อหวู่เซี่ยและกู่อิงเดินไปหาฉิงเฟิงด้วยท่าทางที่คุกคามน่ากลัวจุดประสงค์ของพวกเขานั้นคาดเดาได้ง่ายมาก เขาต้องการฆ่าบุตรชายของผู้พิชิตเสียก่อน
ซื่อหวู่เซี่ยหยิบกระดิ่งออกมามันมีสีดำสนิทและมีคำว่า ‘ซากศพ’ ติดอยู่
เขาสั่นกระดิ่งเบาๆเมื่อเสียงนี้ดังขึ้นดวงตาของศพที่อยู่ข้างๆเขาก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว มันกระโดดขึ้นไปในอากาศสูงถึงสามเมตรเลยทีเดียว
โกเล็มซากศพตัวนี้เป็นสิ่งมีชีวิตทรงพลังในขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ขั้นปลายกรงเล็บของมันพัดผ่านอากาศจนแหวกเป็นทางไปหาฉิงเฟิงด้วยด้วยออร่าที่เย็นเยือก “พี่ใหญ่หลี่ระวังด้วยกรงเล็บของโกเล็มซากศพตัวนี้มีปราณแห่งความตาย !”
ฮวาเซียนจือตะโกนออกมาด้วยความกังวล
ในฐานะที่เป็นนักบุญแห่งตำหนักร้อยบุปผาเมื่อผนึกชั้นแรกของดอกบัวโบราณภายในร่างของเธอถูกคลายออก มันนำมาซึ่งความรู้เกี่ยวกับโกเล็มซากศพ ฮวาเซียนจือจึงรู้ถึงพลังของมันได้ในทันที
“
หมัดที่สามสวรรค์พินาศ โลกาสลาย
!”
ฉิงเฟิงคำรามลั่นและใช้หมัดที่สามของหมัดทลายนรกานต์ออกมากำปั้นสีดำขนาดยักษ์ก่อตัวขึ้นด้วยพลังที่ปราบปรามขุมนรก มันชนกับกรงเล็บของโกเล็มซากศพจนทำให้มันต้องผงะถอยไปเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าซากศพตัวนี้จะมีระดับบ่มเพาะสูงกว่าฉิงเฟิงแต่ร่างกายของเขาเพิ่งจะได้รับการขัดเกลาจากไฟนรกของราชางูนรกทมิฬมา เขาสำเร็จกายาชั้นที่สามของเคล็ดบ่มเพาะกายาแดนชำระซึ่งทำให้เขาอยู่ยงคงกระพันภายในขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์
“พี่ใหญ่หลี่แข็งแกร่งมากคาดไม่ถึงเลยว่าเขาสามารถต่อกรกับซากศพโกเล็มตัวนั้นได้” ความกังวลของฮวาเซียนจือหายไปสิ้นและแทนที่ด้วยความสุขที่กระพริบผ่านดวงตาอันงดงามของเธอ
เธอรู้ว่าฉิงเฟิงย่อมไม่เป็นอันตรายในตอนที่พุ่งเข้ารับเปลวไฟอันร้อนระอุถึง3,000 องศาจากราชางูนรกทมิฬ
เมื่อได้เห็นว่าศพของเขาพ่ายแพ้ซื่อหวู่เซี่ยก็ตกตะลึงไม่น้อย เขารู้ถึงพลังของมันดีว่ามันทรงพลังเพียงใดและไม่คิดว่ามันจะพ่ายแพ้ด้วยหมัดเดียวของหลี่ฉิงเฟิง นอกจากนี้เขายังตกตะลึงกับเคล็ดบ่มเพาะกายาอันทรงพลังที่ชายหนุ่มผู้นี้ฝึกฝนอีกด้วย
เซี่ยหวู่เซี่ยสั่นกระดิ่งอีกครั้งภายใต้เสียงของกระดิ่ง ดวงตาของศพก็กลายเป็นแวววาวพลังงานในร่างกายของมันมากขึ้น โกเล็มซากศพพุ่งเข้าหาฉิงเฟิงอีกครั้ง
ในครั้งนี้ฉิงเฟิงไม่ได้ใช้หมัดทลายนรกานต์แต่เขาชักกระบี่เพลิงคะนองออกมาแทนเขารู้ว่ากระบี่เล่มนี้เป็นดาวโชคร้ายของความชั่วร้าย
“
ผสานเพลิงอัสนี
!”
ฉิงเฟิงเปล่งเสียงดังก้องด้วยกระบี่เพลิงคะนองในมือของเขาพลังงานกระบี่ควบแน่นเป็นเปลวเพลิงและสายฟ้ากระพริบผ่าน มันฟาดฟันเข้าใส่โกเล็มซากศพด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว
วิชากระบี่เพลิงอัสนีเป็นทักษะระดับสวรรค์ที่ทรงพลังมันบรรจุไว้พลังแห่งธาตุไฟและสายฟ้า มันเผาร่างของโกเล็มซากศพจากนั้นตามมาด้วยเสียงเปรี๊ยะจากฟ้าผ่าจนเกิดกลิ่นเหม็นไหม้ โกเล็มตัวนี้ขัดเกลามาจากศพด้วยพลังงานทั้งหมดที่ได้มาจากเลือดและเนื้อสดๆของคนที่ตายไปแล้วหลังจากมันถูกไฟเผาและสายฟ้าฟาดมันก็กลิ้งไปมาบนพื้นและส่งเสียงร่ำร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน
เสียงกรีดร้องดังกึกก้องและสะท้อนออกมาจากใต้หน้าผาทลายฟ้าทำให้ทุกคนที่ได้ยินมันต่างก็ต้องตกใจ
ในไม่ช้าร่างของโกเล็มซากศพก็ถูกไฟเผาอย่างสมบูรณ์จนไม่เหลือซาก
“เจ้าเด็กสารเลวเจ้ากล้าอย่างไรถึงได้ฆ่าศพของข้า !” ซื่อหวู่เซี่ยรู้สึกโกรธกริ้วและคำรามด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
เขาใช้ความพยายามอย่างมากในการปรับแต่งโกเล็มซากศพตัวนี้ด้วยเวลานานกว่าสิบปีจนในที่สุดเขาก็สามารถขัดเกลามันจนมาถึงขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ขั้นปลายได้ แต่ใครจะไปรู้ว่าสุดท้ายแล้วมันจะถูกฉิงเฟิงสังหารด้วยกระบี่เดียว
ซื่อหวู่เซี่ยตระหนักว่าชายหนุ่มผู้นี้มีพลังเพียงแค่ขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ขั้นต้นเท่านั้นแล้วทำไมวิชากระบี่กับเพลงหมัดของเขาถึงได้ทรงพลังขนาดนี้
“
ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น…ลูกชายของราชันผู้พิชิตทรงพลังและมีความสามารถที่โดดเด่น วันนี้ข้าต้องสังหารมันให้ได้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต
”
ซื่อหวู่เซี่ยคิดในใจดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยแสงเย็นยะเยือกและจิตสังหาร