My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1057 หลิวหรูหยานกับลูก
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1057 หลิวหรูหยานกับลูก
ตอนที่ 1057 หลิวหรูหยานกับลูก
“ลูกสาวของผมมีความสามารถเชิงดนตรี!เธอจะกลายเป็นดาราใหญ่เมื่อเธอโตขึ้นอย่างแน่นอน” ฉิงเฟิงกล่าวกับหลิวหรูหยานด้วยรอยยิ้ม
แอปเปิ้ลน้อยจดจำเพลงกล่องเด็กทุกเพลงที่ฉิงเฟิงร้องได้และปรบมือเข้าจังหวะได้ทั้งหมด
หลิวหรูหยานส่ายหัวแล้วพูดว่า“ชั้นไม่ต้องการให้ลูกเป็นดาราหรือนักแสดง ชั้นอยากให้เธอเป็นนักเปียโนมากกว่า”
สำหรับหลิวหรูหยานอุตสาหกรรมบันเทิงนั้นยุ่งยากวุ่นวายเกินไปการเป็นนักเปียโนเป็นทางเลือกที่ดีกว่ามาก เธอสามารถปลูกฝังอารมณ์ของลูกและรังสรรค์ผลงานชิ้นเอกออกมาได้
ขนาดทารกยังมีอายุไม่มากฉิงเฟิงกับหลิวหรูหยานก็เถียงกันเรื่องอนาคตและการศึกษาของลูกเสียแล้ว… “หรูหยานที่ริมฝีปากของคุณมีแมลงวันอยู่น่ะ” ฉิงเฟิงกล่าวโพล่งขึ้นในทันที
“ไหน ตรงไหน ?”
หลิวหรูหยานยกมือขึ้นแตะริมฝีปากสีแดงของเธอด้วยนิ้วมือเรียวยาวใบหน้าที่งดงามของเธอเต็มไปด้วยความสับสน
“มีแน่นอน! มานี่เดี๋ยวผมจะปัดมันออกให้คุณเอง” ฉิงเฟิงยิ้มและฉวยโอกาสจูบเธอ
นับตั้งแต่ที่หลิวหรูหยานคลอดลูกฉิงเฟิงก็ไม่ได้ล่วงเกินเธออีกเลย เห็นได้ชัดว่าเขาคิดถึงมัน….
เขาจูบเธอจนกระทั่งทารกเริ่มร้องไห้บ่นออกมาอีกครั้งเขาจึงปล่อยเธอแล้วกลับไปร้องเพลงกล่อมเด็กต่อไป
แอปเปิ้ลน้อยชอบเพลงกล่อมมากดังนั้นทุกครั้งที่ฉิงเฟิงร้องเพลงเธอจะแสดงออกถึงความสุขอย่างยิ่ง
หลังจากฉิงเฟิงร้องเพลงกล่อมจะลูกหลับเขาก็คุยกับหลิวหรูหยานสักพักแล้วจากไป
ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านของหลินเสวี่ยหรือในห้องพักของหลิวหรูหยานลูกหมาดำก็ตามฉิงเฟิงไปทุกที่ราวกับสัตว์เลี้ยงโดยไม่ปริปากพูดอะไรออกมา
ปฏิเสธไม่ได้ว่าลูกหมาดำตัวนี้ฉลาดมากมันรู้ว่าไม่ควรพูดภาษามนุษย์ในเมืองไม่งั้นมันคงถูกมองเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแน่นอนหรือแม้แต่ถูกจับไปทดลองในห้องแล็บ
ในขณะที่ฉิงเฟิงเดินออกจากห้องเขาโทรหาราชินีอสูรเพลิงและราชาอสูรค้างคาวม่วง แต่ไม่สามารถติดต่อทั้งคู่ได้ ฉิงเฟิงมั่นใจว่าพวกเขาต้องประสบปัญหาบางอย่างแน่นอน ดูเหมือนว่าเกาะแปซิฟิกยังเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเสือหลบมังกรซ่อน
คราวนี้ฉิงเฟิงต้องออกจากเมืองตงไห่อีกครั้งด้วยเป้าหมายหลักสองประการก่อนอื่นเขาต้องทำตามสัญญาและไปช่วยเหลือราชาอสูรฉลามคลั่ง อย่างที่สองเขาต้องกลับเกาะแปซิฟิกอีกครั้ง ฉิงเฟิงโทรหาฮวาเซียนจือและขอให้เธอติดตามเขาไปด้วย
อย่างไรก็ตามฉินเซียนจื่อถูกขอให้อยู่เมืองตงไห่เพื่อปกป้องหลินเสวี่ยและหลิวหรูยาน
แน่นอนว่าลูกหมาสีดำและงูกลืนฟ้าย่อมติดตามไปด้วยเช่นกันไม่ว่าฉิงเฟิงจะไปแห่งหนใด มันก็ตามเขาไปด้วย มันรู้ดีว่าตราบเท่าที่มันติดตามเขา ทุกอย่างย่อมเป็นเรื่องดี
อย่างไรก็ตามงูกลืนฟ้าอยู่กับฮวาเซียนจือที่โรงแรม แต่มันก็ต้องติดตามเขาไปด้วยเพราะฉิงเฟิงเรียก
มันรู้สึกว่าไม่ควรปล่อยให้ลูกหมาดำอยู่กับฉิงเฟิงตลอดเวลาไม่งั้นอีกฝ่ายอาจจะได้รับสมบัติบางอย่างจนฟื้นคืนพลังกลับมาและทุบตีรังแกมันภายหลัง
ดังนั้นฉิงเฟิงฮวาเซียนจือ ลูกหมาสีดำและงูกลืนฟ้าจึงออกเดินทางไปยังท่าเรือและขึ้นเรือเดินทางไปยังเกาะทมิฬ ระหว่างเดินทางผู้อำนวยการหน่วยรักษาความปลอดภัยพิเศษชาวเฟิ่งอู่โทรหาฉิงเฟิงและบอกกับเขาว่ามีเกาะทองคำปรากฏอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกและมีรายงานว่าพบสมบัติล้ำค่าและสัตว์อสูรทะเลจำนวนมากในบริเวณใกล้เคียงทำให้มันกลายเป็นพื้นที่อันตราย
ฉิงเฟิงขอบคุณคำเตือนของชาวเฟิ่งอู่ในโทรศัพท์เขาเคยได้ยินเกี่ยวสัตว์ประหลาดที่อยู่ใต้มหาสมุทรแปซิฟิก พวกมันซ่อนตัวอยู่ใต้ท้องทะเลและไม่ค่อยโผล่มาที่พื้นผิว แต่ตอนนี้พวกมันกลับปรากฏตัว เป็นไปได้ว่าต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้น
เรือลำที่ฉิงเฟิงโดยสารมาเต็มไปด้วยผู้คนมากมายและคนเหล่านี้ไม่ใช่คนธรรมดา พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่ง
กล่าวให้เจาะจงคือเรือลำนี้ไม่ใช่เรือพาณิชย์ทั่วๆไป มันเป็นเรือที่จะพาผู้ฝึกตนเดินทางไปยังมหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อล่าขุมสมบัติ
“นี่เจ้าได้ยินหรือไม่ เกาะทองคำปรากฏขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีสมบัติมากมายที่นั่น”
“แน่นอนข้าก็ได้ยินมาเช่นกัน ก่อนหน้านี้เกาะทองคำเคยจมอยู่ใต้มหาสมุทรและตอนนี้มันกลับโผล่ขึ้นมา”
“เจ้าเห็นหรือไม่ สำนักนิกายเหล่านี้ล้วนส่งคนมาเพื่อต่อสู้ช่วงชิงสมบัติ ดังนั้นบนเกาะทองคำย่อมเต็มไปด้วยการนองเลือดอันรุนแรงแน่นอน”
ผู้ฝึกตนต่างก็พูดคุยกันเกี่ยวกับเกาะทองคำและข่าวเกี่ยวกับนิกายอื่นๆ
ฉิงเฟิงไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับกองกำลังของผู้ฝึกตนในหัวเซี่ยแต่ฮวาเซียนจือที่เป็นนักบุญของตำหนักร้อยบุปผาย่อมรู้อย่างชัดเจน
ฮวาเซียนจือกล่าวกับฉิงเฟิงว่า“ท่านจดจำไว้ ผู้เฒ่าที่อยู่ด้านหน้าคือจ้าวนิกายศพนภา, ซื่อหยินหยาง คนที่ยืนอยู่ข้างหลังคือจ้าวนิกายกระดูกขาว, กู่เซิง ตรงกลางคือจ้าวนิกายดาบฟ้า, เต๋าเจิ้นเทียน และคนสุดท้าย ชายวัยกลางคือจ้าวนิกายกระบี่วิญญาณ,เจียนซันเหอ
นิกายศพนภา,กระดูกขาว, ดาบฟ้าและกระบี่วิญญาณเป็นนิกายผู้ฝึกตนระดับจิตวิญญาณสวรรค์ จ้าวนิกายของพวกเขาต่างแข็งแกร่งและมีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ทั้งสิ้น
ฉิงเฟิงแสดงออกอย่างเคร่งขรึมเมื่อเขารู้สึกได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่จากยอดฝีมือทุกคนสี่คนนี้ล้วนแกร่งกว่าเขา แต่ฉิงเฟิงก็ไม่ถึงขั้นหวาดกลัวจนต้องหลบเลี่ยงเพราะเขานั้นก็มีไพ่ตายมากมาย
“เจ้าเป็นใครกัน ห้ามเข้า” ฉิงเฟิงถูกขวางโดยรุ่นเยาว์ผมสั้นทันทีที่เขาเดินเข้าไปในห้องโถง
รุ่นเยาว์ผมสั้นผู้นี้เป็นศิษย์ของนิกายกระบี่วิญญาณเขาพกพากระบี่ยาวและจ้องไปที่ฉิงเฟิงอย่างเฉยเมย
ห้องโถงนี้เป็นห้องที่สวยที่สุดบนเรือและมีเพียงนิกายที่ทรงอำนาจที่สุดเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้มาพักผ่อนที่นี่ ศิษย์นิกายกระบี่วิญญาณขมวดคิ้วอย่างชัดเจนเมื่อเขาเห็นเครื่องแต่งกายของฉิงเฟิงและฟันธงว่าเขาไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าไปในห้องโถง
ก่อนที่ฉิงเฟิงจะพูดอะไรออกไปลูกหมาสีดำก็เชิดหัวและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “หลบไปข้างๆให้ไวและปล่อยให้ลูกพี่หมาเข้าไปซะดีๆ”
ลูกหมาสีดำต้องอยู่เงียบๆเรียบๆร้อยๆในเมืองเพราะมันต้องเผชิญหน้ากับมนุษย์ธรรมดาทั่วไปแต่บนเรือที่เต็มไปด้วยผู้ฝึกตนมันจึงแสดงบุคลิกดั้งเดิมได้ตามธรรมชาติ
ใบหน้าของศิษย์ผมสั้นนิกายกระบี่วิญญาณเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจเมื่อได้เห็นกับตาว่าลูกหมาสีดำตัวนี้พูดได้มันเป็นสุนัขสายพันธุ์ผีสางอันใดถึงสามารถพูดภาษามนุษย์ได้ !
ในฐานะที่เป็นศิษย์สาวกชั้นยอดของนิกายกระบี่วิญญาณเขาได้เห็นสัตว์อสูรและสัตว์วิญญาณมาแล้วมากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นสุนัขที่สามารถพูดได้ แถมมันยังเรียกตัวเองว่า ‘ลูกพี่หมา’ ! มันเป็นเพียงสัตว์ เหตุใดถึงได้ทำตัวหยิ่งยโสโอหังต่อหน้าศิษย์ชั้นยอดของนิกายกระบี่วิญญาณ !
“ไอ้หมาน้อยหากแกเรียกตนเองว่าลูกพี่หมาอีกครั้ง ข้าจะฆ่าแกทิ้งซะ”
ลูกศิษย์ผมสั้นกล่าวอย่างเย็นชาในขณะที่เขาดึงกระบี่ยาวออกมา
ลูกหมาสีดำยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า“แล้วไงวะ ! ข้านี่ละลูกพี่ใหญ่ของแก ! หากแกกล้าก็ลงมือเลยเซ่ ! แล้วมาดูกันว่าข้าจะฟาดแกให้ตายด้วยฝ่ามือเดียวยังไง”
ใบหน้าของศิษย์ผมสั้นกลายเป็นสีแดงก่ำเขาเป็นศิษย์นิกายกระบี่วิญญาณและได้รับความเคารพในทุกที่ที่เขาไป แต่ตอนนี้ วันนี้ เขากลับถูกลูกหมาตัวหนึ่งสบถด่าทอ
“ไอ้หมาสารเลวข้าจะฆ่าแก !” ศิษย์ผมสั้นเหวี่ยงกระบี่เข้าใส่ลูกหมาสีดำอย่างเกรี้ยวกราด ศิษย์ผมสั้นผู้นี้อาจจะเย่อหยิ่งจองหองแต่เขาก็ครอบครองพลังอันแข็งแกร่งอย่างแท้จริงในฐานะผู้ฝึกตนขอบเขตจิตโลกาขั้นปลาย ด้วยการกวัดแกว่งกระบี่เพียงครั้งเดียวก็ปรากฏวังวนวนขนาดใหญ่ก็ฉีกขาดอากาศรอบๆพวกเขา