My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1062 ปะทะซื่อฮั่น
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1062 ปะทะซื่อฮั่น
ตอนที่ 1062 ปะทะซื่อฮั่น
“สมุนไพรนี้เป็นของข้าจงไสหัวไปซะ !” ชายชราแสยะยิ้มและกล่าวอย่างเย็นชา
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจเขาคิดในใจว่า
“ตาแก่นี่ช่างใหญ่โตคับฟ้านักฉันเห็นมันก่อนแท้ๆแต่กล้าเคลมว่าเป็นของตัวเอง”
เขาหรี่ตาลงและได้เห็นชายแก่ในชุดดำที่ดูอึมครึมใบหน้าซีดเซียวของเขาเปล่งประกายแห่งความตาย
ฉิงเฟิงไม่สนใจคำพูดของเขามากนักเพราะเขาจะไม่ยอมวางมือหรือยอมแพ้กับสมุนไพรทองคำ
“ข้าจะพูดอีกครั้งในฐานะผู้อาวุโสสามของนิกายศพนภา ซื่อฮั่น หากเจ้าไม่ถอยไปข้าจะฆ่าเจ้าซะ” ดวงตาของชายชราฉายแสงเย็นออกมาด้วยเจตนาสังหาร
“ไสหัวไป!” ฉิงเฟิงสบถใส่ทันที เขาไม่
ตอนที่ 1062 ปะทะซื่อฮั่น
“สมุนไพรนี้เป็นของข้าจงไสหัวไปซะ !” ชายชราแสยะยิ้มและกล่าวอย่างเย็นชา
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจเขาคิดในใจว่า
“ตาแก่นี่ช่างใหญ่โตคับฟ้านักฉันเห็นมันก่อนแท้ๆแต่กล้าเคลมว่าเป็นของตัวเอง”
เขาหรี่ตาลงและได้เห็นชายแก่ในชุดดำที่ดูอึมครึมใบหน้าซีดเซียวของเขาเปล่งประกายแห่งความตาย
ฉิงเฟิงไม่สนใจคำพูดของเขามากนักเพราะเขาจะไม่ยอมวางมือหรือยอมแพ้กับสมุนไพรทองคำ
“ข้าจะพูดอีกครั้งในฐานะผู้อาวุโสสามของนิกายศพนภา ซื่อฮั่น หากเจ้าไม่ถอยไปข้าจะฆ่าเจ้าซะ” ดวงตาของชายชราฉายแสงเย็นออกมาด้วยเจตนาสังหาร
“ไสหัวไป!” ฉิงเฟิงสบถใส่ทันที เขาไม่ยอมปล่อยสมุนไพรนี้ไปแน่ต่อให้คนพูดเป็นจ้าวนิกายก็ตาม นับประสาอะไรกับแค่สามอาวุโสสามแห่งนิกายศพนภา
ซื่อฮั่นโบกมือขวาและปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งความตายออกจากร่างของเขามันทำให้เกิดโกเล็มซากศพขนาดยักษ์ขึ้น
มันสูงประมาณสามเมตรและเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายที่รุนแรงในฐานะยอดฝีมือขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ขั้นปลาย ผู้อาวุโสทุกคนของนิกายศพนภาจะสามารถอัญเชิญโกเล็มศพออกมาเพื่อช่วยต่อสู้ได้
ทันใดนั้นเองมันก็กระโดดขึ้นจากพื้นดินไปทางฉิงเฟิงด้วยกรงเล็บแหลมคมในมือ
ตูม!!
ฉิงเฟิงกระชับกระบี่เพลิงคะนองไว้เหนือหน้าอกของเขาโกเล็มศพนั้นปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายซึ่งบีบให้ฉิงเฟิงต้องใช้วิชากระบี่เพื่อต้านรับ เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องสัมผัสมันโดยตรง “
ผสานเพลิงอัสนี
!
“
ฉิงเฟิงคำรามออกมาในขณะที่กระบี่เพลิงคะนองของเขาวาดผ่านอากาศและฟันไปที่โกเล็มศพ
เปรี๊ยะเปรี๊ยะ !
เส้นผมของโกเล็มศพหลุดร่วงลงมาในขณะที่ร่างของมันถูกไฟไหม้เป็นสีดำด้วยประกายจากเปลวเพลิงโกเล็มศพล้มลงกับพื้นหลังจากมีอาการกระตุกเล็กน้อยและหยุดเคลื่อนไหวไป
ทุกคนต่างประหลาดใจเมื่อเห็นว่าฉิงเฟิงสามารถจัดการกับโกเล็มศพที่มีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ขั้นปลายด้วยกระบี่เดียว
“บัดซบเจ้ากล้าฆ่าสมุนของข้างั้นหรือ !” ซื่อฮั่นตะโกนออกมาด้วยความโกรธกริ้ว “ไสหัวไปซะไม่งั้นแกจะเป็นรายต่อไป” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยความรังเกียจ
ซื่อฮั่นรู้สึกอับอายมากเมื่อถูกปฏิบัติเหมือนเป็นมดตัวเล็กๆของชายหนุ่มผู้หยิ่งยโสคนนี้แต่แน่นอนว่าเขาจะไม่จากไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ เขาโบกมือขวาออกไปและก่อตัวเป็นฝ่ามือขนาดยักษ์ ตบเข้าใส่ฉิงเฟิงด้วยพลังอันรุนแรง
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วต่อกลิ่นอายอันชั่วร้ายที่น่ารังเกียจซึ่งแทรกซึมอยู่ในเคล็ดวิชาของซื่อฮั่น
“
หนึ่งดรรชนีแยกสรรพสิ่ง
!
“
ฉิงเฟิงใช้ทักษะแรกของวิชาดรรชนีผู้พิชิตออกมาแก่นพลังแท้ถูกยิ่งออกมาจากนิ้วชี้ของเขาและผ่าร่างซื่อฮั่นเป็นสองส่วน
ซื่อฮั่นผู้โชคร้ายเดิมทีเขาคิดว่าฉิงเฟิงจะเป็นผู้อ่อนแอที่สามารถรังแกได้อย่างง่ายดาย เขาไม่รู้เลยว่าฉิงเฟิงครอบครองวิชามากหลายที่สามารถสังหารตนเองได้อย่างง่ายดาย
เหล่าศิษย์ที่ติดตามซื่อฮั่นมาต่างได้เห็นฉากนี้และตกใจกลัวจนรีบเผ่นหนีไป
เมื่อไร้คนขวางฉิงเฟิงก็เดินไปที่สมุนไพรอย่างใจเย็นเพื่อที่จะหยิบมันแต่สมุนไพรนั้นแข็งมากจนรู้สึกเหมือนกับก้อนทองในยามที่ฉิงเฟิงพยายามจะดึงมัน เขาทำการโคจรพลังในร่างมากขึ้นจนในที่สุดก็ดึงมันออกมาได้
เขานั่งไขว่ห้างลงกับพื้นและวางสมุนไพรไว้ข้างหน้าในขณะที่เริ่มดูดซับพลังงาน
เขาเปิดใช้งานกายาแดนชำระเพื่อดูดซับพลังงานของสมุนไพรทองคำอย่างแรงทำให้แสงสีทองถูกดึงออกมาและถูกดูดซับเข้าร่างของฉิงเฟิงอย่างต่อเนื่อง
สีของร่างกายเขาค่อยๆเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีทองอ่อนๆเมื่อพลังงานจากสมุนไพรเริ่มเข้าสู่ร่างกาย ทองคำเป็นหนึ่งในวัตถุที่แข็งที่สุดซึ่งไม่ผุพังหรือเป็นสนิมแม้จะผ่านไปหลายพันปีพลังงานภายในของสมุนไพรสีทองเป็นส่วนประกอบสำคัญของทองคำซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบพื้นฐานของธาตุทั้งห้า เห็นได้ชัดว่าทองคำเป็นวัตถุที่แข็งที่สุดในบรรดาธาตุทั้งห้า ส่วนที่เหลืออีกสี่ธาตุคือไม้ น้ำ ไฟ และดิน
ฉิงเฟิงรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่พบว่าสมุนไพรสีทองมีประโยชน์สำหรับการฝึกกายาแดนชำระขั้นที่สี่ร่างของเขากลายเป็นสีทองจางๆหลังจากดูดซับเอาพลังงานทั้งหมดจากสมุนไพรทองคำ
เกิดร่องรอยพลังงานสีทองขึ้นในกระดูกของเขามันนำมาซึ่งพลังมหาศาลแม้ว่าจะเป็นเพียงขนาดเท่าเม็ดถั่ว
จากนั้นฉิงเฟิงก็เดินทางต่อไปข้างหน้าพร้อมกับฮวาเซียนจือในขณะเดียวกันดวงตาของลูกหมาสีดำและงูกลืนฟ้ากลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความอิจฉา
“เฮ้ลูกพี่ใหญ่! เจ้าจะให้สมุนไพรสีทองแก่ข้าได้เมื่อไหร่หรือ ” ลูกหมาสีดำถามพร้อมกับโยกหางไปมา
สมุนไพรทองคำไม่เพียงมีประโยชน์สำหรับฉิงเฟิงเท่านั้นแต่มันยังมีประโยชน์ต่อลูกหมาสีดำด้วยเช่นกัน ดังนั้นมันจึงเอ่ยปากถามเขาด้วยความต้องการ
“คราวหน้าแล้วกันเดี๋ยวหาให้” ฉิงเฟิงตอบกลับ เขารู้ว่าสมบัติเหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์สำหรับลูกหมาสีดำในการปรับปรุงความแข็งแรงของมัน
เมื่อได้ยินคำสัญญาของฉิงเฟิงต่อลูกหมาสีดำงูกลืนฟ้าก็เลื้อยไปด้านข้างเขาและเอ่ยถามพร้อมกับหางที่กวัดแกว่งเช่นกันว่า “นี่ๆ พี่ใหญ่ แล้วของข้าอะ เมื่อไหร่ ”
คิกคิก !
ในที่สุดฮวาเซียนจือก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยร่างกายที่สั่นเทา เธอขำจนใบหน้าของเธอกลายเป็นสีแดงก่ำเหมือนไวน์แดง
“เธอขำอะไรนี่” ฉิงเฟิงขมวดคิ้วด้วยความสับสน
ฮวาเซียนจือกระซิบกับฉิงเฟิงในขณะที่เธอพยายามกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ว่า“ท่านคิดว่าข้าขำอะไรงั้นหรือ ก็ทั้งลูกหมากับงูต่างก็เรียกท่านว่าพี่ใหญ่ไปเสียแล้ว”
ฉิงเฟิงรู้สึกงงงวยและในที่สุดก็เข้าใจความหมายของเธอ การที่พวกมันเรียกเขาว่าพี่ใหญ่ก็หมายความว่าเขาเป็นหมาและเป็นงูนั่นเอง !
ผัวะ!
เขาตบหัวงูกลืนฟ้าและพูดอย่างเย็นชาว่า“ไอ้บ้า คราวหน้าอย่าเรียกฉันว่าพี่ใหญ่อีกรู้ไหม”
จากนั้นเขาก็เดินไปข้างๆลูกหมาสีดำและเตะไปทีหนึ่งพร้อมทั้งกล่าวว่า“แกก็ด้วย อย่าเรียกฉันว่าพี่ใหญ่ เดี๋ยวคนเข้าใจผิด”
ทั้งลูกหมาสีดำและงูกลืนฟ้าต่างก็มองฉิงเฟิงด้วยความเศร้าสลด
ในความเป็นจริงพวกมันเป็นถึงสิ่งมีชีวิตระดับสวรรค์ในสมัยโบราณและทุกคนควรจะเรียกพวกมันว่าพี่ใหญ่แต่บัดนี้พวกมันกลับถูกดุด่าและทุบตีเพราะเรียกมนุษย์ว่าพี่ใหญ่…….
ฉิงเฟิงเดินทางต่อไปพร้อมกับฮวาเซียนจือและราชาอสูรฉลามคลั่งพวกเขาต่างง่วนอยู่กับการค้นหาสมบัติโดยไม่มีเวลามาใส่ใจความรู้สึกของสัตว์ทั้งสองตัวนี้
เปรี้ยงเปรี้ยง เปรี้ยง …
จากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ที่ดุเดือดดังมาจากข้างหน้า
เสียงดังมาจากป่าละเมาะและการต่อสู้อันดุเดือดรุนแรงได้ทำลายต้นไม้หลายต้นจนกิ่งก้านของพวกมันกระจัดกระจายลอยไปทุกหนทุกแห่ง
มีกิ่งไม้กิ่งหนึ่งลอยมาหาฉิงเฟิงซึ่งเขาก็คว้าจับและทำลายมันได้อย่างง่ายดาย