My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1068 หลี่ฉิงเฟิงผู้แข็งแกร่ง
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1068 หลี่ฉิงเฟิงผู้แข็งแกร่ง
ตอนที่ 1068 หลี่ฉิงเฟิงผู้แข็งแกร่ง
ต้องยอมรับว่าศาสตร์การปรุงยาระดับนักบุญนั้นเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งหลังจากได้ดูดซับเม็ดยาระดับจิตวิญญาณสวรรค์เข้าไปเม็ดหนึ่ง ความแข็งแกร่งของฉิงเฟิงก็เพิ่มขึ้นหนึ่งขั้นเลยทีเดียว
มันเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับผู้ฝึกตนระดับจิตวิญญาณสวรรค์ในการทะลวงผ่านในแต่ละขั้นเพราะจำต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาล
ตอนนี้ไม่เพียงแค่ฉิงเฟิงเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จแต่คนอื่นๆในกลุ่มก็ทะลวงด่านด้วยเช่นกัน ฮวาเซียนจือเลื่อนจากขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ขั้นต้นไปสู่ขั้นกลาง
เธอดูงดงามมากขึ้นหลังจากการทะลวงผ่าน,ใบหน้าอันทรงเสน่ห์ของเธอยิ่งดูงดงามยิ่งขึ้นไปอีกราวกับเธอเป็นนางฟ้าที่ก้าวออกมาจากภาพวาด
ส่วนราชาอสูรฉลามคลั่งก็ก้าวไปสู่ขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ขั้นต้นจากขอบเขตจิตโลกาขั้นสูงสุดหลังจากได้รับเม็ดยาจากฉิงเฟิงมีเพียงสองคน(ตัว)ที่ไม่มีการพัฒนาเลยก็คือลูกหมาสีดำและงูกลืนฟ้า……
สหายทั้งสองนี้ช่างเป็นเครื่องจักรสวาปามโดยแท้พวกมันกินเม็ดระดับสวรรค์ราวกับเป็นก้อนน้ำตาล แต่ระดับพลังกลับไม่มีการพัฒนาแม้แต่น้อย มีเพียงผิวพรรณที่ดูสดชื่นขึ้น. . .
ฉิงเฟิงชักนำเปลวไฟทองคำกลับเข้าไปในกายด้วยความคิดและเก็บเตาปรุงยาทองคำไว้ในแหวนมิติก่อนที่จะเดินออกไปกับคนอื่นๆ
ทันทีที่พวกเขาออกจากถ้ำก็ได้พบกับเจียนซันเหอ,จ้าวนิกายกระบี่วิญญาณ และเต๋าเจิ้นเทียนจ้าวนิกายดาบฟ้า
พวกเขาทั้งคู่เป็นผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ขั้นสูงสุดพวกเขาตามกลิ่นอายในอากาศของน้ำเต้าทองคำมาจนถึงที่นี่
ยอดฝีมือระดับจิตวิญญาณสวรรค์ทุกคนล้วนมีเทคนิคและเคล็ดวิชาเฉพาะของตนเอง
เมื่อพวกเขาเห็นน้ำเต้าทองคำในมือของฉิงเฟิงดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความปรารถนาและความโลภ
“หลี่ฉิงเฟิงจงมอบน้ำเต้าทองคำมาแต่โดยดี” เจียนซันเหอออกคำสั่งต่อฉิงเฟิงเหมือนอีกฝ่ายเป็นลูกน้องของเขา
“หลี่ฉิงเฟิงมอบของมาให้ข้า ข้าจะคุมกะลาหัวให้เจ้าเอง” เต๋าเจิ้นเทียนกล่าวอย่างยโสโอหัง ดวงตาของเขาเป็นสีแดงก่ำด้วยความโลภ
ทั้งสองคนนี้ต่างก็ต้องการน้ำเต้าทองคำจนไม่ได้เอะใจถึงกลิ่นอายที่ผิดแผกไปของฉิงเฟิงเลย
อาการเยาะเย้ยปรากฏในสายตาอันเย็นชาของฉิงเฟิงคนโง่เขลาทั้งสองคนนี้ไม่รู้เลยว่าในตอนนี้เขามาถึงจุดสุดยอดของขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์แล้ว และเนื่องจากระดับพลังที่มี เขาสามารถฆ่าพวกมันได้อย่างง่ายดายเหมือนกับบดขยี้มดตัวน้อยอันต่ำต้อยสองตัว
“ฉันจะให้โอกาสพวกแกหากยอมคุกเข่าขอขมา ฉันจะไว้ชีวิต ไม่งั้นวันนี้จะเป็นวันตายของพวกแก” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
เมื่อได้ยินคำพูดของฉิงเฟิงเจียนซันเหอและเต๋าเจิ้นเทียนต่างก็หัวเราะเยาะเย้ยราวกับว่าพวกเขาได้ยินเรื่องตลกที่น่าขันที่สุดในโลก สำหรับพวกเขาแล้วคำประกาศของฉิงเฟิงว่าจะฆ่าพวกเขานั้นเป็นเพียงแค่เรื่องไร้สาระเท่านั้น !
“เจ้าหนูปากดีนัก วิชากระบี่สายน้ำขุนเขา !”
เจียนซันเหอคำรามลั่นและใช้ออกด้วยวิชากระบี่ประจำตัวที่สรรสร้างภาพมายาของน้ำตกสีขาวขนาดใหญ่ขึ้น
น้ำตกนี้ไม่ใช่ของจริงมันเป็นมายาที่ถูกสร้างขึ้นจากแก่นพลังกระบี่ที่นำมาซึ่งพลังอันมหาศาล “
วิชาดาบฟ้าสะเทือน
!
“
เต๋าเจิ้นเทียนฟาดฟันดาบไปข้างหน้าอย่างฉับพลันสร้างคลื่นสะเทือนที่แผ่ออกไปทั่วบริเวณด้านนอก ทำให้เกิดรอยแตกนับไม่ถ้วนทุกที่ที่มันพุ่งผ่าน
วิชาดาบฟ้าสะเทือนสำเนียกได้ถึงแผ่นดินไหวเช่นเดียวกับการเกิดแผ่นดินไหว การโจมตีนี้อาจทำให้ภูเขาแตกเป็นเสี่ยงๆและทิ้งรอยแตกไว้ทุกที่บนพื้นดิน เพลงดาบนี้สามารถทำลายอวัยวะภายในของคู่ต่อสู้ได้
การโจมตีจากเจียนซันเหอและเต๋าเจิ้นเทียนนั้นมีจุดประสงค์เพื่อสังหารฉิงเฟิงและช่วงชิงน้ำเต้าทองคำโดยเร็วที่สุด
ฉิงเฟิงแย้มยิ้มอย่างเย็นชาแววตาเต็มไปด้วยอาการดูถูกเหยียดหยาม ในฐานะยอดฝีมือระดับจิตวิญญาณสวรรค์ขั้นสูงสุด เขาไม่หวั่นการโจมตีของทั้งสองแม้แต่น้อย
“
หมัดที่สาม
–
สวรรค์พินาศโลกาสลาย
!
“
ฉิงเฟิงใช้ออกด้วยเพลงหมัดทลายนรกานต์หมัดที่สามพุ่งเข้าชนกับกระบี่ยาวของเจียนซันเหออย่างรุนแรงและทำลายมันในทันที
อำนาจทำลายของหมัดทลายนรกานต์ที่ประจุไปด้วยพลังในขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ของฉิงเฟิงนั้นยังไม่สิ้นสุดมันทำลายวิชากระบี่ของอีกฝ่ายและบดขยี้หัวใจของเจียนซันเหอ
ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเจียนซันเหอนั้นไม่อาจเทียบได้กับฉิงเฟิงแม้แต่น้อยเขาตกตายในเวลาต่อมาด้วยการโจมตีเพียงหมัดเดียว
ช่วงเวลาที่ฉิงเฟิงปลิดชีพเจียนซันเหอการโจมตีจากดาบของเต๋าเจิ้นเทียนก็มาถึงตัวเขา
เขาอ้าปากและถ่มน้ำลายที่เปี่ยมไปด้วยพลังงานสีทองไปที่ดาบยาวสีดำของอีกฝ่าย
พลังงานทองคำมีพลังมากจนสามารถตัดร่างของเต๋าเจิ้นเทียนเป็นสองส่วนจนแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกทึ่งกับพลังที่ได้มาใหม่ก่อนหน้านี้เขาต้องใช้การโจมตีอย่างน้อยสามกระบวนท่าถึงจะล้มคู่ต่อสู้ในระดับพลังเท่ากันได้ แต่ตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นจนคู่ต่อสู้ไม่อาจรับได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว !
จากนั้นฉิงเฟิงก็ค้นร่างไร้วิญญาณของเจียนซันเหอและเต๋าเจิ้นเทียนจนพบหินวิญญาณและเม็ดยา
หินวิญญาณและเม็ดยาของจ้าวนิกายทั้งสองคนนี้ล้วนเป็นสมบัติชั้นสูงที่มีพลังแท้เป็นจำนวนมาก “พลังต่อสู้ของท่านแข็งแกร่งขึ้นอีกขั้นแล้ว”ดวงตาที่งดงามของฮวาเซียนจือเต็มไปด้วยความชื่นชม
เธออยู่กับฉิงเฟิงมานานและได้เห็นการเติบโตและการต่อสู้ของเขากับตัวตนที่สูงกว่าจากนิกายอื่นๆอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
ฉิงเฟิงเพียงยิ้มจางๆและไม่ได้พูดอะไรเขาเดินทางต่อไปพร้อมกับทุกคน
เขาวางแผนที่จะออกจากเกาะทองคำไปยังเกาะแปซิฟิกเป็นจุดหมายต่อไป
“หยุด! มอบน้ำเต้าทองคำมาแต่โดยดี” ฉิงเฟิงเดินไปได้ไม่ไกลนักก็มีชายชราในชุดดำขวางเขาเอาไว้
ชายชราผู้นี้ผอมเพรียวเขาเป็นจ้าวนิกายศพนภา, ซื่อหยินหยางนั่นเอง
ที่ยืนอยู่ข้างๆเขาเป็นชายชราอีกคนที่มีใบหน้าขาวซีดเหมือนแวมไพร์เขาคือเซินกู่ ผู้นำแห่งนิกายกระดูกขาว พวกเขาติดตามกลิ่นอายของน้ำเต้าทองคำมาจนถึงจุดที่พวกฉิงเฟิงยืนอยู่
ฉิงเฟิงไม่ตอบคำและมองดูพวกเขาด้วยรอยยิ้มที่ขบขันหากทั้งคู่มาทันตอนที่เขาฆ่าเจียนซันเหอและเต๋าเจิ้นเทียน พวกเขาคงไม่พูดจาเช่นนี้
ฮวาเซียนจือและราชาอสูรฉลามคลั่งต่างก็มองจ้าวนิกายทั้งสองด้วยรอยยิ้มที่ขบขันเช่นกันพวกเขาล้วนคิดว่าคนเหล่านี้กำลังขอความตายด้วยการขวางทางฉิงเฟิง
“ฉันขอเตือนพวกแกถ้าไม่อยากตายก็ไสหัวไปไกลๆ” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยสายตาเย็นชา
ซื่อหยินหยางและเซินกู่หันไปแลกเปลี่ยนสายตากันและแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยันพวกเขาคิดว่าชายหนุ่มผู้นี้ประเมินตนเองสูงเกินไป
ต้องรู้ว่าซื่อหยินหยางและเซินกู่ต่างก็เป็นชนชั้นสูงในขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ขั้นสูงสุดทั้งสองเป็นที่รู้จักกันดีในโลกแห่งผู้ฝึกตนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายธรรมะหรืออธรรมก็ตาม พวกเขาไม่คาดคิดว่าวันนี้จะมีชายหนุ่มผู้หนึ่งมาพูดจาโอหังข่มขู่พวกเขา
“กระดิ่งหยินหยาง”ซื่อหยินหยางหยิบกระดิ่งสีดำออกมาและเขย่ามัน
เสียงกระดิ่งดังขึ้นที่หูของพวกเขาทุกคนโดยรอบและก่อให้เกิดคลื่นวิญญาณสีดำที่วิ่งเข้ามาในจิตของฉิงเฟิง
ฉิงเฟิงตอบโต้ด้วยการโคจรพลังวิญญาณของเขาและก่อตัวเป็นเกลียวคลื่นวิญญาณคู่เข้าปะทะกับคลื่นวิญญาณสีดำด้วยเสียงที่ดังมาก
แต่คลื่นวิญญาณสีดำของซื่อหยินหยางกลับสามารถบุกทะลุเข้าไปในสมองของอีกฝ่ายได้มันพยายามทำลายพลังวิญญาณของเขา