My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1069 สังหารจ้าวนิกายศพนภา
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1069 สังหารจ้าวนิกายศพนภา
ตอนที่ 1069 สังหารจ้าวนิกายศพนภา
ถึงแม้ว่าฉิงเฟิงจะมีความแข็งแกร่งในด้านการต่อสู้ที่เหนือกว่าซื่อหยินหยางแต่การโจมตีทางจิตวิญญาณของเขาก็ไม่ได้ทรงพลังเท่า
เคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของซื่อหยินหยางก็คือพลังแห่งจิตวิญญาณและพลังของมันนั้นน่าสะพรึงกลัวยิ่ง
พลังงานวิญญาณสีดำที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากซื่อหยินหยางกำลังเริ่มกัดกร่อนพลังทางจิตวิญญาณของฉิงเฟิงแต่ในขณะเดียวกัน ยันต์คุ้มภัยจากการโจมตีทางจิตวิญญาณของฉิงเฟิงก็ทำงาน นั่นก็คือเศษเสี้ยวจิตวิญญาณมังกรอัคคีที่หลงเหลืออยู่ในร่างของฉิงเฟิงนั่นเอง มันค่อยๆกลืนกินพลังวิญญาณสีดำและเปลี่ยนเป็นของตัวเอง
ด้วยความช่วยเหลือของจิตวิญญาณมังกรอัคคีพลังวิญญาณของฉิงเฟิงก็ปลอดภัยอย่างสมบูรณ์ “เฮอะการโจมตีทางจิตวิญญาณของแกอ่อนแอเกินไป” ฉิงเฟิงส่ายหัวและกล่าวด้วยรอยยิ้มเบาบาง
น้ำเสียงของเขาเจือปนไปด้วยการดูถูกซื่อหยินหยาง
สีหน้าของซื่อหยินหยางเปลี่ยนไปและแววตาอันหนาวเหน็บก็ส่องประกายในดวงตาของเขา
ต้องรู้ว่าการโจมตีทางจิตวิญญาณของซื่อหยินหยางนั้นทรงพลังอย่างยิ่งและมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถต้านทานการโจมตีของเขาได้แม้แต่ในหมู่ผู้ฝึกตนสายวิญญาณในขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ก็ยังยากจะต้านทาน เขาสงสัยมากว่าเพราะเหตุใดชายหนุ่มผู้นี้ถึงสามารถสกัดกั้นการโจมตีของเขาได้
ซื่อหยินหยางปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้เขาสั่นกระดิ่งแล้วปล่อยคลื่นวิญญาณอีกหลายสายให้วิ่งเข้ามาในจิตของฉิงเฟิง
แล้วก็ย่อมแน่นอนว่าคลื่นพลังงานวิญญาณเหล่านี้ล้วนถูกกลืนกินแทบจะทันทีโดยเสี้ยววิญญาณของมังกรอัคคี
เมื่อได้เห็นว่าพลังโจมตีทางจิตวิญญาณนั้นไร้ประโยชน์ต่ออีกฝ่ายซื่อหยินหยางจึงเก็บกระดิ่งสีดำกลับไปทันทีพร้อมทั้งยกมือขวาขึ้นและก่อให้เกิดโกเล็มซากศพขนาดใหญ่ขึ้นจากการผสานพลังงานอันชั่วร้าย
ฉิงเฟิงไร้ซึ่งความหวาดกลัวเขาชักกระบี่เพลิงคะนองออกมาและฟาดฟันตัดศีรษะของโกเล็มซากศพออกเป็นสองส่วน
“ไอ้เด็กบัดซบเจ้าทำลายหุ่นเชิดของข้าได้ยังไง” ซื่อหยินหยางกล่าวด้วยความโกรธแค้น
ในนิกายศพนภาการโจมตีด้วยการผสานพลังชั่วร้ายก่อตัวเป็นโกเล็มซากศพนั้นเป็นการโจมตีหลักของจ้าวนิกายและอาวุโสใหญ่ เนื่องจากหุ่นเชิดแข็งแกร่งกว่าอุปกรณ์วิญญาณ อย่างไรก็ตามเมื่อหุ่นเชิดถูกฆ่า ผู้ใช้จะสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปถึงครึ่งหนึ่ง ฉิงเฟิงชี้กระบี่ของเขาไปที่ซื่อหยินหยางและกล่าวด้วยเสียงเย็นชาว่า“ไม่จำเป็นต้องเสียใจกับสมุนของแกหรอกเพราะแกจะตามมันไปในไม่ช้า”
จากนั้นเขาก็รีบพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวกับลูกธนูและหยุดอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายในพริบตา
ฉิงเฟิงแทงกระบี่ของเขาไปที่ซื่อหยินหยางอีกฝ่ายรีบผสานม่านแสงป้องกันภายใต้พลังงานชั่วร้ายเพื่อป้องกันการโจมตีจากกระบี่
แต่การโจมตีของฉิงเฟิงนั้นรวดเร็วและทรงพลังเกินกว่าที่เขาจะสกัดกั้นได้กระบี่เจาะทะลุเกราะป้องกันแสงและมาถึงร่างของซื่อหยินหยาง
“กะ..เกราะป้องกัน !”
ซื่อหยินหยางเปิดใช้งานเกราะป้องกันของเขาในช่วงเวลาสุดท้าย
มันเป็นเกราะป้องกันระดับสวรรค์ที่เปี่ยมไปด้วยพลังอันยิ่งใหญ่และสามารถต้านทานการโจมตีจากอุปกรณ์วิญญาณระดับสวรรค์ได้
กระบี่ของฉิงเฟิงไม่สามารถเจาะทะลวงเกราะป้องชั้นสุดท้ายซึ่งแข็งราวกับหินอุกกาบาตที่เป็นปราการปกคลุมร่างของซื่อหยินหยาง
“เจ้าหนูถ้าเจ้าไม่ได้ครอบครองอุปกรณ์วิญญาณระดับจักรพรรดิ เจ้าไม่มีวันเจาะทะลุเกราะป้องกันของข้าได้หรอก !”
ซื่อหยินหยางแสยะยิ้มดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ
ในฐานะจ้าวนิกายศพนภาซื่อหยินหยางมีวิธีโจมตีและศาสตร์ในการป้องกันมากมายและเกราะป้องกันนี้ก็เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ป้องกันของเขา
สีหน้าของฉิงเฟิงพลันเปลี่ยนไปเมื่อเขาเห็นว่ากระบี่ของตนไม่สามารถเจาะเกราะป้องกันของอีกฝ่ายได้ เขาขบคิดในใจในชั่วเวลาเสี้ยววินาทีและเก็บกระบี่เพลิงคะนองกลับคืนจากนั้นก็โคจรพลังงานทองคำในร่างกาย เขาเปิดปากและยิงพลังทองคำไปที่เกราะป้องกันของซื่อหยินหยางทันที
ด้วยความเร็วดั่งลำแสงพลังงานทองคำตัดผ่าเกราะป้องกันออกเป็นสองส่วนด้วยแรงอันมหาศาล
ไม่เพียงแค่เกราะเท่านั้นแม้กระทั่งร่างของซื่อหยินหยางที่อยู่หลังเกราะป้องก็ยังถูกเจาะเป็นสองส่วนด้วยพลังงานทองคำ
ต้องยอมรับว่าพลังงานทองคำมีพลังมากจนแทบไม่มีอะไรจะทนทานได้มันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ฉิงเฟิงใช้มันได้เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
ดวงตาของผู้คนรอบข้างล้วนแต่ฉายแววตกตะลึง
พวกเขาไม่เห็นอะไรเลยนอกจากลำแสงสีทองที่พุ่งบินออกจากปากของหลี่ฉิงเฟิงที่ตัดผ่าซื่อหยินหยางออกเป็นสองส่วน การแสดงออกของเซินกู่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเมื่อได้เห็นการตายของซื่อหยินหยางในฐานะคนที่มีพลังในระดับเดียวกัน เขาไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปกับตนเอง…
ฟุ่บ!
เซินกู่กระโดดขึ้นไปในอากาศเพื่อพยายามจะหลบหนีแต่การเคลื่อนไหวและปฏิกิริยาของฉิงเฟิงนั้นรวดเร็วกว่า เขามาปรากฏตัวขวางเซินกู่แทบจะในทันที
“เซินกู่แกจะไปไหน ” ฉิงเฟิงอย่างเหน็บแนมด้วยรอยยิ้มจางๆ
เซินกู่กล่าวอย่างเย็นชาว่า“มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเจ้า !”
“แต่ฉันคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าแกอยู่ที่นี่”ฉิงเฟิงยิ้มอย่างเย็นชาด้วยเจตนาฆ่าในสายตาของเขา
เขาไม่เคยแสดงความเมตตาต่อผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นศัตรู
ฉิงเฟิงเหวี่ยงกำปั้นของเขาไปที่เซินกู่ด้วยแรงอันมหาศาลจนเกิดหลุมอากาศที่ระเบิดออก
หากกำปั้นนี้กระทบร่างอีกฝ่ายคนผู้นั้นจะต้องบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ก็ตกตายในทันที
เมื่อได้รับรู้ถึงพลังมหาศาลในกำปั้นของฉิงเฟิงการแสดงออกของเซินกู่ก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยว่าเพราะเหตุใดหลี่ฉิงเฟิงที่มีขอบเขตพลังเท่าเทียมกับเขาถึงสามารถปลดปล่อยพลังโจมตีได้มากกว่าตนถึงสองเท่า
สิ่งที่เซินกู่ไม่ทราบก็คือร่างกายของฉิงเฟิงได้เปลี่ยนเป็นสีทองอ่อนๆหลังจากได้รับการสกัดกลั่นจากพลังงานทองคำและจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีเหลืองวาววับหลังจากถูกแผดเผาด้วยเปลวไฟทองคำร่างกายของฉิงเฟิงในตอนนี้เต็มไปด้วยแรงระเบิด
เซินกู่หยิบธงกระดูกสีขาวออกมาเขาโบกมันในอากาศโดยเรียกปีศาจโครงกระดูกสีขาวออกมา
เช่นเดียวกับโกเล็มซากศพปีศาจโครงกระดูกก็เป็นหุ่นเชิดที่ทรงพลังเช่นกัน แต่ในทันทีที่ปีศาจโครงกระดูกก่อตัวขึ้นเป็นรูปเป็นร่างมันก็ถูกบดขยี้เป็นฝุ่นสีดำด้วยกำปั้นของฉิงเฟิงและหายไปในอากาศที่เบาบาง
เมื่อเห็นโครงกระดูกของเขาถูกทำลายโดยกำปั้นของฉิงเฟิงเซินกู่ก็รู้สึกกลัวจนใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด หน้าผากของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น
“เซินกู่ไปตายซะ !” ฉิงเฟิงคำรามและปล่อยหมัดชกไปที่เซินกู่ซ้ำอีกครั้ง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับวินาทีแห่งความเป็นความตายเซินกู่ก็คว้าร่างของลูกศิษย์อีกคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆมาเป็นโล่เนื้อและโยนไปรับหมัดอันดุดันของฉิงเฟิง
ตูม!!!
กำปั้นของฉิงเฟิงร่อนลงบนร่างของศิษย์ผู้นั้นอย่างหนักหน่วงและบดขยี้ร่างของอีกฝ่ายจนกลายเป็นฝนเลือด
เมื่อได้เห็นการตายของศิษย์ร่วมนิกายเหล่าศิษย์สาวกที่เหลือก็กระเจิดกระเจิงไปด้วยความกลัว เมื่อเทียบกับหลี่ฉิงเฟิงแล้ว พวกเขากลับกลัวเซินกู่มากกว่า จ้าวนิกายของพวกเขาเป็นคนที่ชั่วร้ายน่ากลัวมากที่ใช้ร่างของศิษย์ตนเองมาเป็นโล่
ถึงแม้ว่าเซินกู่จะหลบหนีอย่างรวดเร็วเพียงใดแต่ฉิงเฟิงก็เร็วกว่ามากและตามติดอีกฝ่ายได้ทันที