My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1070 มุ่งหน้าสู่เกาะแปซิฟิคอีกครั้ง
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1070 มุ่งหน้าสู่เกาะแปซิฟิคอีกครั้ง
ตอนที่ 1070 มุ่งหน้าสู่เกาะแปซิฟิคอีกครั้ง
“หลี่ฉิงเฟิงเป็นไปได้หรือไม่ที่จะปล่อยผู้คนไป, เจ้าควรจะไว้ชีวิตข้า จำเป็นต้องโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้เชียวหรือ ”
เซินกู่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาในขณะที่มองไปยังอีกฝ่ายที่กำลังปิดกั้นเส้นทางหลบหนีของเขาอยู่
เมื่อได้ยินคำพูดของเซินกู่ฉิงเฟิงก็อดยิ้มไม่ได้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขากลายเป็นคนที่โหดเหี้ยมไร้ความปราณี เห็นได้ชัดว่าเป็นเซินกู่ที่ปองร้ายต่อเขาก่อนแท้ๆ หากเขาอยู่ของเขาดีๆ ทำไมฉิงเฟิงจะต้องไล่ล่า ?
“เฮอะเซินกู่ ตอนแกคิดจะฆ่าฉัน ไม่เห็นพูดแบบนี้ล่ะ ” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยความรังเกียจ
เซินกู่รู้แน่ชัดแล้วว่าฉิงเฟิงจะไม่ไว้ชีวิตเขาแน่ๆเขาต้องสู้จนตัวตาย บทสรุปของเรื่องนี้คือมีคนเดียวเท่านั้นที่จะอยู่รอด !
“แผดเผาแก่นโลหิต!!” หลังจากตะโกนด้วยเสียงต่ำเซินกู่ก็เผาแผ่นโลหิตโดยตรงเพื่อเพิ่มพลังเป็นสองเท่าทันที
แก่นโลหิตมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อร่างกายมนุษย์และทำให้ผู้ผู้ฝึกตนไม่ค่อยจะใช้มันในการเพิ่มความแข็งแกร่งชั่วคราวเพราะเมื่อใดที่มีการใช้มัน ความเสียหายใหญ่หลวงจะเกิดขึ้นกับร่างกาย แต่ตอนนี้เซินกู่ไร้ทางเลือก เขาถูกบีบให้ต้องใช้แก่นโลหิตเพื่อเสี่ยงชีวิต
ใบหน้าของเซินกู่ไร้สีสันและผิวหนังที่ปกคลุมทั่วทั้งร่างกายของเขาก็กลายเป็นสีแดงในขณะที่ร่างของเขาพองขึ้นเป็นสองเท่าของปกติเซินกู่ทุบหมัดขวาออกไปทันทีและมันกลายเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่พุ่งใส่ร่างของฉิงเฟิงอย่างดุดัน
ฉิงเฟิงควบรวมพลังแท้และเหวี่ยงกำปั้นออกไปมันกลายเป็นกำปั้นสีดำขนาดใหญ่และปะทะเข้ากับการโจมตีของเซินกู่ เสียงระเบิดดังสนั่นและผลักร่างของอีกฝ่ายกระเด็นกระดอนไปทางด้านหลังมากกว่า 10 เมตร
ถึงแม้นว่าเซินกู่จะเผาแก่นโลหิตเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาเป็นสองเท่าแต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉิงเฟิงในยามนี้
ทันใดนั้นเองฉิงเฟิงก็พบว่ามีร่องรอยของแสงสีทองเมื่อตอนที่เขาเหวี่ยงหมัดทลายนรกานต์ออกไป
ต้องบอกว่าก่อนหน้านี้ยามที่ฉิงเฟิงใช้หมัดทลายนรกานต์มันมักจะก่อตัวเป็นกำปั้นสีดำล้วน แต่ตอนนี้สามารถมองเห็นแสงสีทองอ่อนๆได้ภายใน
วิชาหมัดทลายนรกานต์ถูกหลอมรวมกับพลังงานทองคำในร่างกายของเขาโดยไม่คาดคิดแม้ว่าการผสมผสานนี้จะเล็กน้อยมากแต่เขาก็พบการเปลี่ยนแปลง ร่องรอยแห่งความสุขปรากฏในดวงตาของเขา
ฉิงเฟิงรู้ว่าพลังงานทองคำของเขานั้นทรงพลังและไม่สามารถทำลายได้โดยง่ายส่วนเพลงหมัดทลายนรกานต์ก็สามารถสะกดข่มได้กระทั่งขุมนรก ในเมื่อตอนนี้เกิดการรวมกันของพลังทั้งสองประเภทมันจึงทำให้เกิดความแข็งแกร่งและทรงประสิทธิภาพมากขึ้น !
ฉิงเฟิงเหวี่ยงหมัดทลายนรกานต์ออกไป3 ครั้งติดต่อกันตรงไปที่เซินกู่ส่งผลให้ร่างของอีกฝ่ายกระเด็นออกไปออกไปหลายสิบเมตร ใบหน้าของเขาขาวซีดและพ่นเลือดออกมาเต็มปาก
ฉิงเฟิงค่อยๆคลำหาวิธีการรวมพลังทั้งสองสายเข้าด้วยกันจนทำให้เกิดแสงสีทองริบหรี่เผยให้เห็นในกำปั้นของเขามากขึ้น
เมื่อรู้สึกเข้าที่ฉิงเฟิงก็ทุบกำปั้นข้างขวาของเขาอย่างแรงอีกครั้ง มันตกกระทบร่างของเซินกู่โดยตรง ครั้งนี้ทำให้ร่างของเซินกู่เกิดหลุมและเลือดพุ่งออกมา
ฉิงเฟิงครองความได้เปรียบในการต่อสู้และทุบทำลายอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง
กำปั้นชุดหลังนี้มีพละกำลังมากขึ้นกว่าเดิมมันทุบหน้าอกและทะลวงถึงหัวใจของเซินกู่โดยตรง “เจ้า….เจ้ามันโหดเหี้ยมไร้ความปราณีเกินไปแล้ว…” เซินกู่กล่าวกับฉิงเฟิงอย่างยากลำบากด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความชิงชัง ร่างของเขาล้มลงกับพื้นอย่างแรง เขาจบชีวิตก่อนร่างกระทบพื้นและไร้ซึ่งลมหายใจอีกต่อไป
จนถึงวันนี้ซื่อหยินหยางและเซินกู่ล้วนถูกสังหารโดยน้ำมือของฉิงเฟิง จ้าวนิกายระดับสวรรค์อันทรงพลังทั้งหมดที่เข้ามาในเกาะทองคำนั้นตกตายหมดสิ้นแล้ว
ฉิงเฟิงเบนหน้าไปอีกทางและจากไปโดยไม่เหลียวแลร่างไร้วิญญาณของเซินกู่บนพื้น
แม้ว่าเซินกู่จะเป็นผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ขั้นสูงสุดแต่เคล็ดวิชาและสิ่งของที่เขาพกติดตัวล้วนแต่เป็นของนอกรีตชั่วร้ายทั้งนั้น ฉิงเฟิงไม่อาจและไม่คิดที่จะหยิบฉวยไปใช้งาน
จากนั้นฉิงเฟิงก็พาทุกคนออกจากเกาะทองคำและกลับไปที่เรือเขาบอกให้กัปตันมุ่งหน้าต่อไปยังเกาะแปซิฟิก เพื่อเตรียมช่วยเหลือราชาอสูรค้างคาวม่วงและราชินีอสูรเพลิงที่ขาดการติดต่อ
……….
เรือโดยสารแล่นต่อไปในทะเลและมันก็ค่อยๆมีหมอกหนาทึบขึ้นมาจากมหาสมุทรการมองเห็นผ่านหมอกนี้เป็นไปอย่างยากลำบาก มันเกิดบรรยากาศที่เย็นเยียบและลึกลับขึ้น คนบนเรือโดยสารทำได้เพียงแค่เห็นหน้ากันและกันเท่านั้น พวกเขาไม่อาจมองเห็นอะไรในทะเลเลย
ในขณะนี้กัปตันก็เดินมาหาฉิงเฟิงและกระซิบว่า“นายท่าน หมอกนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา การที่เกิดหมอกหนาทึบในมหาสมุทรนั้นว่ากันว่าเป็นตัวแทนของลางร้าย”
ฉิงเฟิงพยักหน้าตอบรับเขาเข้าใจและเคยได้ยินเกี่ยวกับตำนานของหมอกในทะเล มันมันนิมิตรหมายของความสุ่มเสี่ยงในอันตรายบางอย่าง เขาเดินไปบนดาดฟ้าและแผ่จิตสัมผัสออกไปยังสภาพแวดล้อมเพื่อสำรวจโดยรอบ พลังวิญญาณของเขาตอนนี้แข็งแกร่งและทรงพลังมากใช้เวลาไม่นานเขาก็สัมผัสได้ถึงสัตว์ประหลาดที่ซุ่มซ่อนอยู่ในมหาสมุทร
สัตว์ประหลาดตัวนี้ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบดังนั้นรูปร่างของมันจึงไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนแต่ฉิงเฟิงก็รู้สึกได้ว่ามันเป็นสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งและเปล่งออร่าที่น่าเกรงขามออกมาตลอดเวลา
“ท่านรู้ไหมว่ามันเป็นสัตว์ประหลาดชนิดใด” ฮวาเซียนจือขมวดคิ้วเรียวงามและกระซิบถามฉิงเฟิง
เขาส่ายหัวและกล่าวว่า“มันเต็มไปด้วยหมอกหนาทึบ ฉันมองเห็นไม่ชัดเลย รู้แต่ว่ามันทรงพลังมาก”
ในเวลานี้สัตว์ประหลาดในหมอกหนาทึบก็เริ่มร้องเพลงขึ้นอย่างไม่คาดฝันเพลงนี้ไพเราะเสนาะหูจนทุกคนลุ่มหลงกับมัน
ทุกคนถูกดึงดูดด้วยเสียงเพลงและเดินขึ้นมาบนดาดฟ้า ปรากฏร่างของผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นเธอเดินออกมาจากหมอกหนาทึบและใกล้เข้ามายังเรือ ผู้หญิงคนนี้สวยงามมาก เธอมีใบหน้าที่เย้ายวนทรงเสน่ห์และมีผิวขาวกระจ่าง ดวงตาของเธออ่อนโยนและนุ่มนวลเหมือนสายธาร เธอเปล่งประกายที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์
เรือนร่างของเธอก็เซ็กซี่มากเธอมีหน้าอกขนาดใหญ่และกระดูกไหปลาร้าที่ใสเหมือนหยกขาวเช่นเดียวกับเอวผอมเพรียวเรียวบางเหมือนต้นหลิว เธอสวมชุดสีขาวใส การปรากฏตัวของเธอนั้นเต็มไปด้วยความงดงามและน่าชม
ร่างกายของผู้หญิงคนนั้นเปล่งแสงสีแดงออกมาการร้องเพลงที่ไพเราะจากริมฝีปากคู่งามของเธอก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนบนเรือ
ทุกคนบนดาดฟ้าต่างก็จ้องมองผู้หญิงคนนี้ด้วยสายตาที่กระจ่างใสร่างกายของพวกเขาหยุดนิ่งไร้การเคลื่อนไหวราวกับเป็นรูปปั้น
ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆแม้แต่ฉิงเฟิงก็ยังถูกดึงดูดโดยหญิงสาวคนนี้ ร่างกายของเขาแข็งทื่อและไร้การเคลื่อนไหวใดๆ
ผู้ที่ไม่ถูกเสน่ห์ของเธอดึงดูดนั้นประกอบด้วยลูกหมาสีดำและงูกลืนฟ้าเท่านั้นซึ่งในสายตาของลูกหมาสีดำ ผู้หญิงคนนี้เทียบไม่ได้กับหมาตัวเมีย
เมื่อเห็นสีหน้าที่แข็งทื่อล่องลอยของฉิงเฟิงลูกหมาสีดำก็กระซิบบอกว่า “เจ้านี่มันช่างไร้น้ำยาจริงๆ แค่สตรีอัปลักษณ์นางหนึ่งก็ถึงกับต้องมนต์เสน่ห์จนไร้สติ ไว้คราวหน้าข้าจะแนะนำให้รู้จักสุนัขตัวเมียที่เลอโฉม”
จากนั้นผู้หญิงเจ้าเสน่ห์คนนี้ก็เดินใกล้เข้าด้วยท่วงท่าสบายๆเธอเดินไปใกล้กะลาสีเรือคนนึงและยิ้มให้เขา
จากนั้นกะลาสีเรือคนนั้นก็เกิดเป็นบ้าและกระโจนลงไปในทะเลเพื่อพุ่งเข้าหาผู้หญิงเจ้าเสน่ห์หลังจากนั้นไม่นานนักกะลาสีคนนั้นก็กลายเป็นเพียงโครงกระดูก ! เลือดเนื้อของเขาถูกผู้หญิงคนนั้นสูบกินจนหมดสิ้น
เธอปรากฏกายขึ้นในทะเลอีกครั้งโดยแลบลิ้นออกมาและเลียริมฝีปากสีแดงสดอันงดงามของเธอด้วยสัมผัสแห่งความตื่นเต้นที่ปรากฏในดวงตาสำหรับเธอนั้นร่างกายเลือดเนื้อของมนุษย์นั้นอร่อยมากจริงๆ
“อื้อหือ…มีชายหนุ่มรูปงามเสียด้วย เลือดของเขามีกลิ่นที่อร่อยมาก ข้าต้องกินเขาให้ได้” ผู้หญิงทรงเสน่ห์มองไปที่ฉิงเฟิงและดวงตาของเธอก็เผยให้เห็นถึงความละโมบ
ร่างกายของเธอเปล่งแสงสีแดงออกมาและเหวี่ยงสายตายั่วยวนไปที่ฉิงเฟิง
แสงสีแดงนั้นส่งผลให้จิตใจของผู้คนสับสนจากนั้นเธอก็เริ่มเปิดเปิดและร้องเพลงอันไพเราะเพื่อดึงดูดฉิงเฟิงให้ลุ่มหลง
ซู่ม!!
ฉิงเฟิงกระโจนลงทะเลเช่นเดียวกับกะลาสีเรือคนก่อนหน้านี้สมองของเขาสับสนอย่างสมบูรณ์กับเวทมนตร์ของเธอ