My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 1081 เสาวารีเก้ามังกร
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 1081 เสาวารีเก้ามังกร
ตอนที่ 1081 เสาวารีเก้ามังกร
เนื่องจากฉิงเฟิงใช้หมัดมังกรเพลิงซึ่งทำให้เขาสูญเสียพลังทั้งหมดในร่างเขาจึงต้องอาศัยฮวาเซียนจือพากลับไปที่เรือ
ถึงแม้ว่าหมัดมังกรเพลิงจะทรงพลังมหาศาลแต่ผลกระทบหลังจากใช้มันก็หนักหนาสาหัสเกินกว่าที่เขาจะทานทนไหว
แก่นอสูรของราชาเต่าอสูรทะเลตกลงมาจากท้องฟ้าและหล่นลงไปในทะเลลึกใบหน้าของฉิงเฟิงเปลี่ยนไปและกล่าวอย่างอ่อนล้าว่า “รีบ…. ไป เก็บแก่นอสูรสิ”
ในขณะที่ฮวาเซียนจือกำลังจะไปคว้าแก่นอสูรลูกหมาสีดำก็กระโดดลงจากเรือโดยสารและมาถึงที่ก้อนทรงกลมสีเขียวต่อหน้าเธอ มันกัดและกลืนแก่นอสูรเข้าไปในท้องของมันทันที
“เจ้าหมา! ใครบอกให้เจ้ากินแก่นอสูรชิ้นนี้ ” ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของฮวาเซียนจือกลายเป็นสีแดงด้วยความโกรธในขณะที่ถามอย่างเย็นชา
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าแก่นอสูรสีเขียวนี้มีการโจมตีระยะไกลที่ทรงพลังในระดับจิตวิญญาณราชันมันอาจถือได้ว่าเป็นแก่นอสูรระดับครึ่งก้าวจิตวิญญาณราชันด้วยซ้ำ
ฮวาเซียนจือต้องการที่จะใช้พลังของแก่นอสูรนี้เพื่อเยียวยาพลังแท้ของเขาและแน่นอนเธอย่อมคาดไม่ถึงว่าเจ้าลูกหมาสีดำจะชิงขโมยตัดหน้า เธอโกรธมาก
ฉิงเฟิงก็โกรธแค้นเช่นกันเจ้าลูกหมาสีดำตัวนี้ช่าวไร้ยางอายจริงๆ
ฉิงเฟิงต้องลงทุนอย่างมหาศาลกว่าจะสังหารราชาเต่าอสูรทะเลได้แต่ในท้ายที่สุดลูกหมาสีดำกลับฉวยประโยชน์ไปจากเขา
หลังจากลูกหมาสีดำกินแก่นอสูรสีเขียวเข้าไปร่างกายของมันก็ใหญ่โตขึ้นอีกประมาณห้าเซนติเมตรและดวงตาของมันก็เปล่งพลังงานอันแหลมคมออกมา ถึงแม้ว่าฉิงเฟิงจะไม่สามารถเข้าใจระดับความแข็งแกร่งของมันได้แต่เขาก็รู้ว่าเจ้าลูกหมาหน้าด้านตัวนี้แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก จนถึงจุดที่มันไม่ด้อยไปกว่าเขามากนัก
ฮวาเซียนจือโกรธแค้นลูกหมาสีดำมากและต้องการจะทุบตีมันแต่เมื่อเธอได้เห็นร่างกายอันซีดเซียวของฉิงเฟิง เธอจึงล้มเลิกความคิดนี้
ฮวาเซียนจือรีบกลับไปหาฉิงเฟิงและนำโอสถกับหินพลังออกมาเธอป้อนมันให้กับฉิงเฟิงและช่วยให้เขาได้ฟื้นฟูพลังแท้
พละกำลังของฉิงเฟิงฟื้นฟูขึ้นเล็กน้อยหลังจากกินโอสถของฮวาเซียนจือเข้าไปอย่างไรก็ตามเขา กู้ฟื้นฟูพลังได้เพียงแค่หนึ่งในสิบของทั้งหมดเท่านั้น
ฉิงเฟิงหยิบโอสถและหินพลังที่ขัดเกลาแล้วออกมาด้วยเช่นกันสิ่งเหล่านี้เขาได้มาหลังจากเอาชนะผู้ฝึกตนคนอื่นๆ และตอนนี้ก็เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะใช้พวกมันเสียที
หลังจากดูดซับพวกมันเสร็จแล้วฉิงเฟิงก็ฟื้นฟูพลังมาได้ราวๆครึ่งหนึ่งแม้ว่าสีหน้าของเขาจะยังดูซีดเซียว แต่ร่างกายของเขาก็ดีขึ้นมากและออกแรงได้เล็กน้อย
หลังจากฆ่าราชาเต่าอสูรทะเลไปแล้วมหาสมุทรก็กลับมาสงบสุขอีกครั้งและเรือโดยสารก็แล่นต่อไปยังหัวเซี่ยอย่างปลอดภัย
แต่ทว่ามหาสมุทรสงบสุขได้จริงหรือ ไม่แน่นอน มันอันตรายกว่าบนบกเสมอ
ตูม!
ในขณะที่เรือโดยสารแล่นไปยังศูนย์กลางของมหาสมุทรแปซิฟิกเสาวารีเก้าเสาก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา เสาวารีเหล่านี้ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าสูงประมาณสองสามร้อยเมตรขวางทางเรือโดยสารของพวกเขา
ฉิงเฟิงและคนอื่นๆยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือและมองดูเสาวารีทั้งเก้าที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขาด้วยความกังวลเมื่อรับรู้ได้ถึงพลังมหาศาลที่แผ่ซ่านออกมาจากเสาวารีทั้งเก้าต้นนี้ พวกเขาก็ตื่นตระหนกอย่างมาก “นิ…นี่มัน เสาวารีเก้ามังกร ! มันคือเสาวารีเก้ามังกร !!” สีหน้าแววตาของลูกหมาสีเปลี่ยนไป มันร้องออกมาด้วยความตกใจ
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วและถามว่า“เสาวารีเก้ามังกร มันคืออะไร ?”
ใบหน้าของลูกหมาสีดำเริ่มกลายเป็นจริงจังและมันอธิบายว่า“เจ้าเหนือหัวที่แท้จริงในท้องมหาสมุทรก็คือมังกร พวกมันคือสัตว์อสูรเทพบรรพกาลที่ทรงพลังซึ่งควบคุมทะเลตะวันออก, ตะวันตกและทะเลเหนือ ตอนนี้พวกเราอยู่ในทะเลตะวันออกตามภูมิศาสตร์ของโลก และนี่คือดินแดนของราชามังกรทะเลตะวันออก มีเพียงเฉพาะคนของวังมังกรเท่านั้นที่สามารถเรียกเสาวารีเก้ามังออกมาได้”
หลังจากฟังคำอธิบายของลูกหมาสีดำฉิงเฟิงก็พยักหน้า ลูกหมาสีดำตัวนี้เป็นสัตว์อสูรวิญญาณโบราณ มันสามารถเอาชีวิตรอดมาจากยุคสงครามโบราณจนถึงปัจจุบันได้แสดงว่าต้องรู้ถึงความลับของโลกใบนี้มากมาย
อย่างไรก็ตามฉิงเฟิงยังคงรู้สึกสงสัยเพราะมันออกมาจากปากของลูกหมาสีดำที่มีนิสัยกวนประสาท ในความคิดของเขา วังมังกรทะเลตะวันออกเป็นเพียงสถานที่ในตำนานเล่าขานเท่านั้น
ลูกหมาสีดำเห็นว่าฉิงเฟิงมีสีหน้าสงสัยดังนั้นมันจึงสาธยายต่อไปว่า “แดนต้องห้ามภูเขาคุนหลุนเป็นของจริงใช่ไหม ตำนานแห่งจักรพรรดิสวรรค์และจักรพรรดินีสวรรค์ก็เป็นเรื่องจริงใช่เปล่า ? อีกทั้งผู้พิทักษ์มิติที่ดูเหมือนเป็นเรื่องเหลวไหลเจ้าก็ได้เห็นกับตา แม้กระทั่งพ่อของเจ้ายังข้ามมิติไปแดนดาราชั้นสูงได้ แล้วเจ้าจะยังสงสัยอะไรกับการดำรงอยู่ของวังมังกรทะเลตะวันออก ? มันคือเรื่องจริงโว้ย”
ทันใดนั้นฉิงเฟิงก็เพิ่งตระหนักได้ว่าเขาเองก็เพิ่งจะออกมาจากแดนต้องห้ามคุนหลุนโลกในตอนนี้ผิดแผกไปจากในอดีตแล้ว ด้วยพลังมนตรา , สมบัติโบราณ เคล็ดวิชาการบ่มเพาะพลังและโอสถทิพย์ สิ่งเหล่านี้เริ่มปรากฏขึ้นบนโลกทีละน้อย โลกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เช่นเดียวกับน้ำเต้าทองคำที่ฉิงเฟิงเพิ่งได้รับมาของในตำนานสิ่งนี้เคยถูกครอบครองโดยนักบุญทองคำของโลกในยุคโบราณ
“มนุษย์เจ้ากำลังฝ่าฝืนอาณาเขตของวังมังกรของพวกข้า”
ขณะนั้นเองมีเสียงดังขึ้นมันเป็นเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นสตรีรุ่นเยาว์ที่งดงามไม่น้อย
“พวกเราจำเป็นต้องข้ามเส้นทางนี้โปรดยอมให้พวกเราผ่านไปด้วย” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฉิงเฟิงกระวนกระวายมากในการเดินทางเพราะเขาต้องรีบกลับไปหัวเซี่ยเพื่อจัดงานแต่งงานกับหลินเสวี่ยเขาไม่อยากเสียเวลา
ฉิงเฟิงมีเจตนาที่ดีแต่สตรีเจ้าของเสียงที่อยู่ใต้เสาวารีเก้ามังกรกลับไม่เข้าใจและไม่เห็นด้วย
“หากเจ้าต้องการผ่านทางเจ้าต้องมอบอุปกรณ์วิญญาณระดับราชาออกมา”
เสียงอันแหลมคมของผู้หญิงตอบสนองจากใต้เสาวารีเก้ามังกรเห็นได้ชัดว่าเธอไม่ต้องการให้พวกฉิงเฟิงผ่านทางไปง่ายๆ
ทันทีที่ฉิงเฟิงได้ยินคำว่า“มอบอุปกรณ์วิญญาณระดับราชาออกมา” ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป อุปกรณ์วิญญาณระดับราชาเป็นสมบัติที่มีเพียงยอดฝีมือในขอบเขตจิตราชันเท่านั้นที่สามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แน่นอนว่าเขาย่อมไม่อาจมอบมันให้ใครได้ง่ายๆ
“ฉันไม่มีหรอก”ฉิงเฟิงยิ้มและตอบกลับ
ที่จริงมันเป็นเรื่องโกหกเขามีอุปกรณ์วิญญาณระดับราชาถึงสองชิ้นด้วยกัน ซึ่งพวกมันคือเจดีย์สีเขียวและน้ำเต้าทองคำ แต่เขาจะไม่ยอมมอบพวกมันให้ใครแน่เพราะพวกมันมีประโยชน์ต่อเขามาก “อย่าบังอาจโกหกข้า! ข้าสามารถสัมผัสได้ถึงออร่าของอุปกรณ์วิญญาณระดับราชาบนตัวเจ้า” เสียงแหลมใสของผู้หญิงตะคอกกลับ
เมื่อเสียงจางหายไปก็ปรากฏร่างของเด็กสาวสวยคนหนึ่งขึ้นมาจากใต้เสาวารีเก้ามังกรผู้หญิงคนนี้มีอายุเพียงสิบเจ็ดถึงสิบแปดปี เธอเหินร่างลงมาบนดาดฟ้าเรือ เธอดูราวกับนักเรียนมัธยมปลายอีกทั้งยังงดงามมากด้วย
เด็กสาวมีผิวขาวใสเหมือนบัวหิมะจมูกของเธอเรียวงามราวกับถูกบรรจงสร้างมาอย่างดี ริมฝีปากสีแดงของเธอดูนุ่มนวลและน่าดึงดูดใจ ใต้ขนตาที่บางเบานั้นปรากฏดวงตาสีดำขลับของเธอที่มีมนต์เสน่ห์และน่าดึงดูดอย่างยิ่ง ในขณะที่เธอหมุนตัวลงมันดูเหมือนอัญมณีสีดำที่ตกลงมาจากฟากฟ้า
ถึงแม้ว่าเด็กสาวคนนี้จะยังไม่โตเต็มวัยแต่เรือนร่างของเธอก็พัฒนาขึ้นมาเป็นอย่างดี เธอดูเบ่งบานด้วยเอวที่บางเฉียบราวกับต้นหลิว เด็กสาวไม่ได้สวมรองเท้าใดๆเท้าที่เปลือยเปล่าของเธองดงามไร้ตำหนิเหมือนหยกชั้นเลิศ ข้อเท้าของเธอขาวเหมือนหิมะและมีกระดิ่งสีม่วงสองอันสวมไว้อยู่ เสียงของมันดังชัดสดใสมาก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้หญิงคนนี้งดงามมากแต่คุณสมบัติที่น่าสนใจที่สุดของเธอคือผมและบางอย่างที่อยู่บนหน้าผากของเธอ เธอมีผมสีม่วงที่ส่องประกายเหมือนผลึกสีม่วงพริ้วไหวอยู่ในสายลม มันดูน่าสนใจมาก
สำหรับหน้าผากของเธอมันเรียบเนียนและเปล่งปลั่งเธอมีตุ่มเล็กๆสีม่วงที่สูงเพียงไม่กี่เซนติเมตรมันมีเหมือนเขา